ทักษิณ นอนต่อ รพ.ตำรวจ ราชทัณฑ์ ไฟเขียว เผยป่วยหนัก-แพทย์ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด

กรมราชทัณฑ์ ไฟเขียว "ทักษิณ ชินวัตร" อยู่รักษาตัวต่อยังโรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากมีอาการเจ็บป่วยในหลายประการ ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด รักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง หากเกิดภาวะแทรกซ้อนเสี่ยงถึงชีวิต รมว.ยุติธรรม ยันระเบียบขังนอกเรือนจำไม่ได้ออกเพื่อ "ทักษิณ" แต่อย่างใด

เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2567 กรมราชทัณฑ์ ได้ออกหนังสือชี้แจง กรณีตามที่กรมราชทัณฑ์ ได้ส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร ออกรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลภายนอก ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. 2566 โดยพบว่านายทักษิณ มีโรคประจำตัวหลายโรคที่อยู่ระหว่างการรักษาติดตามอาการ โดยโรคที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ และเนื่องจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ยังขาดเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีศักยภาพ แพทย์จึงมีความเห็นว่าเพื่อป้องกันความเสี่ยงอันตรายที่อาจจะส่งผลต่อชีวิต จึงเห็นควรส่งตัวไปโรงพยาบาลตำรวจที่มีความพร้อม มีเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีศักยภาพสูงกว่าโดยแนวปฏิบัติกรณีมีผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าระวัง และยังคงรักษาตัวอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน นั้น 

กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า ขณะนี้นายทักษิณ ได้ออกไปรับการรักษาตัวยังโรงพยาบาลตำรวจเกินระยะเวลา 120 วัน โดยเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินการประสานไปยังโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อรับทราบถึงอาการป่วยของนายทักษิณ ซึ่งแพทย์ได้รายงานอาการเจ็บป่วยในหลายประการที่ต้องเฝ้าระวัง โดยแจ้งความเห็นว่าผู้ป่วยอยู่ระหว่างการรักษาของแพทย์เฉพาะทางและต้องดูแลอย่างใกล้ชิดถึงอาการป่วย เพื่อให้พ้นจากสภาวะอันตรายแก่ชีวิต 

เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จึงได้รายงานมายัง กรมราชทัณฑ์เพื่อดำเนินการพิจารณา ตามกฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ. 2563 ที่ระบุไว้ว่า กรณีผู้ต้องขังต้องพักรักษาตัวที่สถานที่รักษาเป็นเวลานาน ให้ผู้บัญชาเรือนจำดำเนินการ ดังนี้ กรณีการพักรักษาตัวเกินกว่า 120 วัน ให้มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมกับความเห็นแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง และรายงานให้รัฐมนตรีทราบต่อไป

...

อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้พิจารณาจากความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาที่พิจารณาแล้ว มีความเห็นว่ายังต้องดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด ประกอบกับเอกสารหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีความครบถ้วนตามกฎหมาย จึงพิจารณาเห็นชอบ เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ให้นายทักษิณ อยู่รักษาตัวต่อยังโรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากยังคงมีอาการเจ็บป่วยที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยแพทย์ผู้ทำการรักษาเฉพาะทาง และหากเกิดภาวะแทรกซ้อน หรืออาการที่อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตจะได้ดำเนินการรักษาอย่างทันท่วงที 

โดยกรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการปฏิบัติตามกฎกระทรวงฯ จึงรายงานให้รัฐมนตรีทราบต่อไป ซึ่งเป็นไปตามกฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563 โดยกรมราชทัณฑ์ ยังคงยึดหลักการสิทธิขั้นพื้นฐานที่ผู้ต้องขัง พึงได้รับตามมาตรฐานสากลรวมถึงเคารพในหลักสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิผู้ป่วย

และตามจรรยาบรรณของแพทย์ ข้อมูลส่วนบุคคลหรือการเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคล จำเป็นต้องได้รับคำยินยอมจากเจ้าของข้อมูลด้วย กรมราชทัณฑ์จึงไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วยออกสู่สาธารณชนได้ ตามพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 ตลอดจนประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 323 และข้อบังคับแพทยสภา ว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกร พ.ศ.2549 ข้อ 27 ซึ่งแพทย์ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

ต่อมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า สำหรับหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นกฎหมายอยู่ใน พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ มาตรา 33/14 ซึ่งการแก้กฎหมายเมื่อปี 2560 เขียนด้วยเจตนารมณ์ชัดเจนว่า การไม่มีที่คุมขังอื่น ใช้เฉพาะเรือนจำนั้น เราไม่สามารถพัฒนาพฤตินิสัยได้ตามเจตนารมณ์ เราไม่ต้องการให้เรือนจำแออัด เราไม่ต้องการให้เรือนจำละเมิดสิทธิมนุษยชน และต้องการให้ผู้ที่ก้าวพลาดมาอยู่ที่เรือนจำ ได้รับการพัฒนาศักยภาพ ด้านความรู้ อาชีพ จึงได้มีกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมา โดยวันนี้กฎกระทรวงได้ออกมาแล้ว ซึ่งกฎหมายให้ดำเนินการให้เสร็จภายใน 90 วัน แต่ผ่านมา 6 ปีแล้วยังไม่ทำ เนื่องจากรัฐบาลชุดนี้ประกาศเรื่องหลักยุติธรรม ซึ่งหลักยุติธรรมอันหนึ่ง คือ เราต้องออกกฎหมายที่ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ ดังนั้นการออกกฎเกณฑ์นี้ไม่เกี่ยวกับท่านทักษิณ แต่อย่างใด การจะออกกฎหมาย หรือระเบียบเจาะจงพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งไม่ได้ หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่ได้ ซึ่งกระบวนการจะให้เกิดความรอบคอบ เมื่ออธิบดีได้ออกกฎกระทรวง เราจะมีคณะกรรมการราชทัณฑ์ ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้จะมีคนของกระทรวงยุติธรรมแค่ 3 คน ในทั้งหมด 19 คน ส่วนอีก 16 คน จะเป็นคนภายนอกทั้งหมด

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า สำหรับการประชุมคณะกรรมการราชทัณฑ์ ในวันนี้ จะไม่มีการพูดเรื่องนายทักทิณ แต่ในที่ประชุมจะพูดถึงเรื่องระเบียบ กฎกระทรวง เราเป็นห่วงเรื่องตัวชี้วัดหลักยุติธรรมสากล เพราะประเทศไทยคะแนนเต็ม 1 เราได้คะแนน 0.49 ยังไม่ถึงครึ่ง ดังนั้นเราจะเน้นพูดคุยเรื่องหลักนิติธรรมในกรมราชทัณฑ์ เนื่องจากกรมราชทัณฑ์มีหน้าที่หลักใหญ่อยู่ 3 ประการ คือ จะต้องไม่ให้ผู้ต้องขังหลบหนี และจะต้องไม่ให้ผู้ต้องขังไปก่อเหตุร้าย และจะต้องมีการจำแนกแยกแยะพัฒนาพฤตินิสัยของผู้ต้องขัง 

ดังนั้นในที่ประชุมจะไม่มีเรื่องตัวบุคคล ส่วนนายทักษิณ จะต้องรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลหรือไม่ เท่าที่ทราบจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ว่า การที่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ในทางกฎหมายราชทัณฑ์ เรามองว่าเป็นเรือนจำ มีผู้คุมดูแล ซึ่งการรักษาตัวดังกล่าวถ้าเกินกว่า 120 วัน จะต้องได้รับการอนุมัติจากอธิบดีราชทัณฑ์ แต่กฎกระทรวงเขียนไว้ว่าต้องให้รายงานให้รัฐมนตรีรับทราบ ซึ่งทราบว่าในสัปดาห์นี้คาดว่าจะมีการเสนอขึ้นมา

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘อีลอน มัสก์’ หนุน ‘ทรัมป์’ พนักงานบริจาคให้‘แฮร์ริส’

ข้อมูลจากโอเพนซีเคร็ตส์ องค์กรไม่หวังผลกำไรไม่แบ่งฝักฝ่าย ผู้ติดตามข้อมูลการบริจาคเงินหาเสียงและการล...

สหภาพแรงงาน Teamsters ไม่หนุน'ทรัมป์-แฮร์ริส'

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สหภาพแรงงานทีมสเตอร์สมีสมาชิกกว่า 1.3 ล้านคน เป็นตัวแทนของกลุ่มคนขับรถบร...

ครึ่งแรกปี67จีนครองแชมป์ซื้อคอนโดเมียนมาซิวเบอร์สองแซงรัสเซีย2ปีซ้อน

วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เป...

อสังหาฯ แบกสต็อกอ่วม 1.57 ล้านล้าน เอ็นพีแอลพุ่ง ‘ทุกตลาดติดลบหนัก’

นายกสมาคมอาหารชุด หวังเร่งแก้นอมินีต่างชาติในตลาดบ้านมูลค่า 1 ล้านล้านบาท จัดเก็บภาษี หวังแบงก์ชาติล...