นายกฯ-ภริยา ลงนามถวายพระพร ร.10 พร้อมเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชในวันขึ้นปีใหม่

นายกรัฐมนตรี และภริยา ลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2567 พร้อมเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช ย้ำดูแลครบทั้ง 3 สถาบัน เร่งแก้ปัญหาครอบคลุมทุกมิติ ยันปี 67 จะทำงานหนักเหมือนเดิม

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า วันนี้ (1 มกราคม 2567) เวลา 10.00 น. ณ ห้องแดง อาคารหน่วยราชการในพระองค์ 904 ด้านตะวันออก ในพระบรมมหาราชวัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2567 โดยมี นางพักตร์พิไล ทวีสิน ภริยา พร้อมด้วยรองนายกรัฐมนตรี และภริยา เข้าร่วมพิธี 

นายกรัฐมนตรี และภริยา ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทูลเกล้าฯ ถวายแจกันดอกไม้เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ฯ ดังนี้

ชุดที่ 1 นายกรัฐมนตรี พร้อมรองนายกรัฐมนตรี ในนาม “นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี”

ชุดที่ 2 นายกรัฐมนตรีและภริยา ในนาม “นายกรัฐมนตรีและภริยา”

ชุดที่ 3 ภริยานายกรัฐมนตรี พร้อมภริยารองนายกรัฐมนตรี ในนาม “คณะคู่สมรสคณะรัฐมนตรี”

จากนั้น นายกรัฐมนตรี และภริยา ลงนามถวายพระพร ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสร็จพิธี

ต่อมานายกรัฐมนตรี และภริยา ได้เดินทางเข้าเฝ้าถวายเครื่องสักการะ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2567 ณ พระตำหนักสมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร หลังเดินทางมาถึง นายกรัฐมนตรี ได้วางพวงมาลัย ถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 

...

จากนั้น นายกรัฐมนตรี พร้อมภริยา ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชเป็นเวลาประมาณ 30 นาที

หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า สมเด็จพระสังฆราช ได้อวยพรให้มีความสุข และได้สอบถามเรื่องบ้านเมืองที่มีความเป็นห่วง ทรงได้สอบถามว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ 

โดยนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงความคาดหวังในปีนี้ว่า ต้องดูเป็นหลัก ต้องดูแลทั้ง 3 สถาบัน ประกอบไปด้วย ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่ง จึงต้องดูให้ครบทุกมิติ ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจอย่างเดียว แต่เรื่องสิทธิเสรีภาพการประกอบอาชีพ เพศสภาพ ก็จะต้องดูแลด้วย ยืนยันว่ารัฐบาลจะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนทุกมิติ เรื่องไหนที่ทำได้ก็จะทำก่อน 

ส่วนปีนี้จะต้องทำงานหนักกว่าเดิมหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่าใช้คำว่าทำงานหนักกว่าเดิม ขอใช้คำว่าทำงานหนักเหมือนเดิมดีกว่า เพราะที่ทำมา ทุกคนทำกันอย่างเต็มที่.

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘อีลอน มัสก์’ หนุน ‘ทรัมป์’ พนักงานบริจาคให้‘แฮร์ริส’

ข้อมูลจากโอเพนซีเคร็ตส์ องค์กรไม่หวังผลกำไรไม่แบ่งฝักฝ่าย ผู้ติดตามข้อมูลการบริจาคเงินหาเสียงและการล...

สหภาพแรงงาน Teamsters ไม่หนุน'ทรัมป์-แฮร์ริส'

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สหภาพแรงงานทีมสเตอร์สมีสมาชิกกว่า 1.3 ล้านคน เป็นตัวแทนของกลุ่มคนขับรถบร...

ครึ่งแรกปี67จีนครองแชมป์ซื้อคอนโดเมียนมาซิวเบอร์สองแซงรัสเซีย2ปีซ้อน

วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เป...

อสังหาฯ แบกสต็อกอ่วม 1.57 ล้านล้าน เอ็นพีแอลพุ่ง ‘ทุกตลาดติดลบหนัก’

นายกสมาคมอาหารชุด หวังเร่งแก้นอมินีต่างชาติในตลาดบ้านมูลค่า 1 ล้านล้านบาท จัดเก็บภาษี หวังแบงก์ชาติล...