ยัน นายกฯ เซ็นแบ่งงาน ไม่เกี่ยวปม "ทักษิณ" เผยผู้ตรวจฯ ไปตรวจชั้น 14 มาแล้ว

รมว.ยุติธรรม มั่นใจ นายกฯ เซ็น แบ่งงานใหม่ ไม่เกี่ยวปมร้อน "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" เชื่อ "พีระพันธุ์" คงไม่ทำอะไร นอกเหนือหลักนิติธรรม เผย ต้นเดือน ธ.ค. ผู้ตรวจการแผ่นดิน ขึ้นไปตรวจชั้น 14 รพ.ตำรวจ มาแล้ว

วันที่ 31 ธ.ค. พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกล่าวถึงการเซ็นคำสั่งเปลี่ยนแปลงการทำงานของรองนายกรัฐมนตรีใหม่โดยให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เข้ามากำกับดูแลกระทรวงยุติธรรมแทนนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ว่า ทั้งนายสมศักดิ์และนายพีระพันธุ์ เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก่อนหน้าได้คุยกับนายสมศักดิ์บอกว่า งานที่กำกับดูแลของนายภูมิธรรม มีเยอะและงานที่แบ่งให้นายสมศักดิ์ไปดูแลก็เยอะขึ้นไปด้วย ขณะเดียวกัน นายพีระพันธุ์ ก็เคยเป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ส่วนนโยบายของกระทรวงยุติธรรมการทำงานก็มีนโยบายหลักของรัฐบาลอยู่แล้ว ส่วนนโยบายส่วนตัวจะต้องทำงานปกป้องคุ้มครองประชาชนให้ปลอดภัยจากปัญหาอาชญากรรม และต้องเปลี่ยนการทำงานให้ความยุติธรรมไปหาประชาชนไม่ใช่ให้ประชาชนไปหาความยุติธรรม และประเด็นสำคัญ คือ ต้องยกระดับความยุติธรรมให้เข้มแข็งเป็นที่ยอมรับของต่างชาติ ซึ่งวันที่ 5 มกราคม นายกรัฐมนตรี ไปพูดเรื่องหลักนิติธรรมที่กระทรวงยุติธรรม

ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องดังกล่าว จะเป็นการเอื้อให้นายทักษิณ รวมถึงเตรียมความพร้อมปูทางให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับประเทศไทยนั้น พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า นายพีระพันธุ์ คงไม่ทำอะไรที่นอกเหนือเพราะแม้แต่กระทรวงยุติธรรมเองเราก็ยึดหลักการปฏิบัติทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ส่วนพระราชบัญญัติยุติธรรมที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ปี 2560 ไม่ใช่พระราชบัญญัติที่รัฐบาลนี้ตั้ง โดยในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์เขียนไว้ท้ายชัดเจน เจตนารมณ์ของกฎหมายเนื่องจากกฎหมายเดิมขัดต่อหลักการสากลเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะไม่สามารถตามพฤตินิสัยคนที่เข้าไปในเรือนจำเขาไม่ ใช่ถูกตัดขาดจากสังคมซึ่งพฤตินิสัย คือ การนำคนที่จะไม่ไปกระทำผิดซ้ำเหตุที่ไม่สามารถปฏิบัติตามพฤตินิสัยได้เนื่องจากราชทัณฑ์มีที่ควบคุมหรือที่คุมขังอื่น มีแค่เรือนจำจึงได้เขียนกฎหมายนี้ให้มีมาตรา 33 33 34 34 เมื่อกฎหมายเกิดขึ้นและมีเจตนารมณ์การไม่ปฏิบัติตามเจตนารมณ์ถือว่าไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม จึงได้มีการออกกฎกระทรวงและระเบียบจนออกประกาศขึ้นมา

...

ยืนยันว่า ไม่ได้ออกมาเพื่อคนใดคนหนึ่ง แต่ที่คุมขังอื่นก็เป็นเรือนจำชนิดหนึ่งที่มีหลักการสำคัญคือต้องไม่ให้หนีและไม่ไปก่อเหตุร้าย ซึ่งนายพีระพันธุ์ จะทำนอกกฎเกณฑ์ไปจากนี้คงไม่ได้ และกรณีของนายทักษิณก็มีระเบียบและกฎเกณฑ์อยู่ ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ส่วนคดีไหนที่อยู่ระหว่างตัดสินหรืออยู่ระหว่างสอบสวนก็ให้ศาลพิจารณาโดยไม่ต้องเข้ามาอยู่ในเรือนจำ แต่ต้องมีสถานที่อื่น ส่วนในตัวของราชทัณฑ์เพื่อให้พัฒนาพฤตินิสัย เช่น คนแก่ คนป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ เด็กที่มีลูกก็จะมีที่คุมขังอื่นซึ่งระเบียบนี้คณะกรรมการของราชทัณฑ์สามคนในจำนวนเกือบ 20 คน มีรัฐมนตรียุติธรรม ปลัดกระทรวง และอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นอกเหนือไปจากนั้นก็จะมีตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ จึงขอยืนยันว่าระเบียบดังกล่าวไม่ได้ออกมาเพื่อคนใดคนหนึ่งอย่างแน่นอน

ขณะเดียวกัน ก็จะนำเอาความคิดเห็นของหลายฝ่ายไปพิจารณากฎเกณฑ์การคุมขังนายทักษิณนอกเรือนจำด้วย เพราะบ้านเมืองเราเป็นประชาธิปไตยแต่ต้องยึดหลักกฎหมาย ไม่ได้ทำเพื่อคนใดคนหนึ่ง
ส่วนอาการของนายทักษิณ ล่าสุดเป็นอย่างไรนั้นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ยังไม่ได้ส่งความเห็นมา เพราะกรณีที่ไปรักษาตัวนอกเรือนจำเกินกว่า 120 วัน ให้ขอความเห็นชอบจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ โดยมีความเห็นแพทย์ผู้ตรวจและหลักฐานอื่น ส่วนวันที่อยู่นอกเรือนจำจะเกินไปกี่วันนั้นก็มีกฎหมายกำหนดอยู่แต่ส่วนตัวเห็นว่า ไม่ควรเกินหนึ่งอาทิตย์ หรือจะบวก ลบ 1-2 วัน ซึ่งจะต้องรอความเห็นก่อนขณะเดียวกันตนเองก็ไม่เคยไปเยี่ยมนายทักษิณ แต่มีวันที่ไปตอบกระทู้สดของสภาฯ ได้เจอกับแพทย์ที่รักษานายทักษิณก็ยืนยันมาว่า นายทักษิณป่วยจริง และในวันที่ 12 มกราคม ที่กรรมาธิการการตำรวจสภาผู้แทนราษฎรจะขึ้นไปตรวจที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจนั้นย้ำว่า กรมราชทัณฑ์ เปิดกว้างอยู่แล้ว และก่อนหน้านี้ก็มีหลายคณะเข้าไปดูมาแล้ว โดยผู้ตรวจการแผ่นดินได้ขึ้นตรวจสอบ ที่ชั้น 14 มาเมื่อเมื่อต้นเดือนธันวาคม ขณะเดียวกันตนเองได้ให้นโยบายกับกรมราชทัณฑ์ไปว่าต่อไปนี้ควรจะเปิดเรือนจำหรือเปิดคุกให้คนที่สงสัยได้เข้าไปดูแต่ทุกอย่างต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ ซึ่งต้องทำบ้านเมืองนี้ให้มีหลักนิติธรรมซึ่งหลักนิติธรรมไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งตนเองเห็นว่ากฎหมายและรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด มีความศักดิ์สิทธิ์ที่สุด กฎหมายใดจะแย้งรัฐธรรมนูญไม่ได้ ซึ่งในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ก็ชัดเจนอยู่แล้วจะเอาเรื่องส่วนตัวและอารมณ์ของคนใดคนหนึ่งมาใหญ่กว่ากฎหมายไม่ได้ไม่งั้นก็จะไม่ใช่หลักนิติธรรม ใช้ปากใหญ่กว่ากฎหมายหรือใช้ความรู้สึกใหญ่กว่า แต่ถ้ากฎหมายอันไหนยังไม่สมบูรณ์จะแก้ไขก็ต้องไปแก้กันในสภา

เมื่อถามย้ำว่า กรรมาธิการตำรวจสามารถขึ้นไปชั้น 14 ได้ใช่หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้นายสมศักดิ์เคยระบุไว้ว่า ไม่สามารถขึ้นไปได้หากขึ้นไปก็จะถูกฟ้อง พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า ระบบการเยี่ยมมีอยู่แล้วเพราะก่อนหน้านี้ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ก็ขึ้นไปมาแล้ว เพราะเรื่องนี้ทุกคนมาตรวจสอบ ส่วนรายละเอียดต้องดูคณะกรรมการดูว่า มีความเห็นอย่างไร เพราะตนเองทราบจากรายงานที่เขียนมา ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นองค์กรอิสระถือเป็นอำนาจที่จะเข้าตรวจสอบได้

ขณะเดียวกัน ตัวเองก็ไม่หนักใจในประเด็นของนายทักษิณและเห็นว่า จะเป็นประเด็นเผือกร้อนเพราะถ้าคนไม่เชื่อ เขาก็ไม่เชื่อ แล้ววันนี้เราต้องก้าวผ่านความอคติ และตนเองก็เปิดกว้างอยู่แล้ว สิ่งที่จะทำให้เห็น คือ ต้องมีงานที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ซึ่งหลังปีใหม่ก็จะมีเรื่องใหญ่เรื่องสำคัญที่บางครั้งเขาจะอยู่ส่งอิทธิพลเกินไปจะได้รับการดำเนินการ รวมถึงเรื่องยาเสพติดด้วย

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

แหล่งข่าวเผย อิสราเอลแจ้งสหรัฐจะทำอะไรบางอย่างในเลบานอน!

เมื่อวันพุธ (18 ก.ย.) กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนแถลงว่า วิทยุมือถือ (ว.) ที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ใช้ ได้ระเ...

ว.ฮิซบอลเลาะห์ระเบิด แปะฉลาก ‘เมด อิน เจแปน’

ภาพถ่าย ว.ฮิซบอลเลาะห์ที่ระเบิดเมื่อวันพุธ (18 ก.ย.) พบฉลาก “ICOM” และ “เมด อิน เจแปน” สำนักข่าวรอยเ...

'บิลลี ไอลิช-โจ โรแกน' เชียร์'คามาลา แฮร์ริส'

เว็บไซต์บลูมเบิร์กรายงาน ป็อปสตาร์ “บิลลี ไอลิช” โพสต์คลิปเคียงข้างพี่ชายบนอินสตาแกรม กระตุ้นให้ผู้ต...

‘รถไฟ’ กระจายความเจริญ กรณีศึกษา: โฮคุริคุ ของญี่ปุ่น | กันต์ เอี่ยมอินทรา

ได้เห็นการเชื่อมต่อด้วยระบบรางระหว่างกรุงเทพกับลาวแล้วก็อดคิดถึงรถไฟต่างประเทศไม่ได้ เพราะรถไฟไทยเรา...