ผู้ช่วย สส. “ชูชัย” เพื่อไทย แจงปมถูกทำร้ายในทำเนียบฯ เรื่องซ่อมรถ ผู้ก่อเหตุอ้างเป็นทีมงาน “สมคิด เชื้อคง” ยัน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องเงิน
วันที่ 13 ธ.ค. 2566 ที่รัฐสภา นายกรณ์พงศ์ ธีรวงษ์ภัทรกุล ผู้ช่วย สส.ของ นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่ถูก นายอิทธิพล (สงวนนามสกุล) ชกทำร้ายร่างกายในบริเวณทำเนียบรัฐบาล ว่า ตนคือผู้ถูกทำร้ายร่างกาย และสื่อก็นำเสนอว่าตนและผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องหนี้สินกัน ซึ่งตนและผู้ก่อเหตุไม่เคยรู้จักกัน เพิ่งเจอกันครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา แต่แรงจูงใจเป็นเพราะตนไปกล่าวว่าผู้ก่อเหตุอาจจะเข้าข่ายมิจฉาชีพ เพราะตนเป็นเจ้าของบริษัทอู่ซ่อมแต่งรถยนต์ โดยเจ้าของรถดังกล่าวเป็นของหัวหน้าอัยการ ตัวย่อ ช. มาซื้อประกันงานซ่อมกับตน แต่ตนไม่ทราบมาก่อนเลยว่าที่ผ่านมาปลายสายที่คุยด้วยเป็นผู้ก่อเหตุ แต่อ้างว่าเป็นเจ้าของรถ ซึ่งเมื่อทราบว่าเขาไม่ใช่เจ้าของรถ ตนจึงได้นัดกับเจ้าของรถตัวจริง จึงทราบว่าที่ผ่านมาถูกหลอก
“รถที่ซ่อมเสร็จ ผมก็จะต้องส่งมอบให้กับเจ้าของรถ ถ้าส่งให้ใครก็ไม่รู้ แล้วเจ้าของตัวจริงมาแจ้งความว่าเรามาลักทรัพย์ ผมก็ผิด ผมจึงแสดงความบริสุทธิ์ใจไปรับรถ และขอกำลังเจ้าหน้าที่ไปเป็นพยาน ในการส่องมอบรถให้เจ้าของรถหลังซ่อมเสร็จ หลังจากนั้นคนที่อู่รถได้โทรมาหา ผมจึงบอกกับคนที่อู่ว่า คนที่เราคุยด้วยไม่ใช่อัยการเจ้าของรถ แต่เป็นคนที่มาอ้างว่าเป็นเจ้าของรถ ซึ่งอาจเข้าข่ายมิจฉาชีพ ทางอู่จึงโทรไปหาผู้ก่อเหตุ และผู้ก่อเหตุได้นัดตนไปที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวานนี้ โดยผู้ก่อเหตุอ้างว่าเป็นหนึ่งในคณะทำงานของ นายสมคิด เชื้อคง ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี หลังจากนัดเจอที่ร้านกาแฟในทำเนียบฯ เมื่อผู้ก่อเหตุมาถึง ได้กล่าวว่า “มึงว่ากูเป็นมิจฉาชีพใช่ไหม” แล้วจึงลงมือทำร้ายร่างกายผมทันทีตามที่เป็นข่าว” นายกรณ์พงศ์ กล่าว
...
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่มีกระแสข่าวว่าปมขัดแย้ง เพราะมีปัญหาเรื่องเงินที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่ง นายกรณ์พงศ์ กล่าวว่า ตนไม่มั่นใจ แต่ได้ยินมาแบบนั้น แต่ตอนนี้เงิน 2 ล้านบาท พี่ของตนจ่ายไปแล้ว แต่ไม่รู้ไปอยู่ที่ใคร เราไม่รู้ ซึ่งหลังจากที่เสร็จเรื่องจากทำเนียบฯ เมื่อวานนี้ ได้ไปพูดคุยที่ สน.เจ้าของพื้นที่ ได้มีการเชิญอัยการเจ้าของรถ ทำให้ทราบว่าอัยการเจ้าของรถกับผู้ก่อเหตุเป็นหนี้เป็นสินกัน และอาจนำรถคันนี้ไปค้ำประกัน และใช้ตนเป็นเครื่องมือในการเอารถออก ตนยืนยันว่าตนและ นายชูชัย รวมถึงพรรคเพื่อไทย ไม่รู้เรื่องการซื้อขายตำแหน่ง เราทำแต่งานอย่างเดียว.
