“ร.อ.ธรรมนัส” แจงปม พันธุ์ข้าวไทยไม่ติดอันดับในการประกวดข้าวที่ดีที่สุดในโลกปี 2023 เพราะไม่ได้ส่งประกวด อัดลักลอบนำพันธุ์ข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาปลูกเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ ขณะที่กรมการข้าว เตรียมชงของบ 2 พันล้านบาท หนุนกองทุนผลิต-ขยายพันธุ์ข้าว
วันที่ 13 ธ.ค. 2566 ที่ห้องประชุมสุธรรมอารีกุล อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับมอบหมายจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมเวทีข้าวไทย ประจำปี 2566 ภายใต้แนวคิด “อนาคตข้าวไทย : โอกาสและความท้าทาย” พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “นโยบายรัฐกับอนาคตข้าวไทย” ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับข้าวซึ่งเป็นสินค้าเกษตรหลักของประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการพัฒนาความสามารถด้านการผลิตและการตลาดตลอดโซ่อุปทาน โดยมีแนวทาง ดังนี้
1) ส่งเสริม สนับสนุนการวิจัยและพัฒนา เพื่อให้ได้สายพันธุ์ข้าวที่หลากหลายตรงความต้องการของตลาด มีความต้านทานโรค ให้ผลผลิตสูง มีรายได้เพิ่มขึ้น
2) นำเครื่องจักรกล เทคโนโลยี และนวัตกรรมสมัยใหม่มาใช้ในการผลิต เพื่อลดต้นทุนด้านการเกษตร
3) ส่งเสริมการทำนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รองรับการเปลี่ยนแปลงต่อสภาพภูมิอากาศ ลดการเผาตอซังในไร่นา ส่งเสริมให้เกษตรกรนำเศษวัสดุเหลือใช้ในไร่นามาใช้ประโยชน์ สร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น การผลิตปุ๋ย การนำไปเป็นอาหารสัตว์ และการนำไปใช้ในโรงไฟฟ้าชีวมวล ช่วยลดมลพิษทางอากาศ PM 2.5
4) สร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรเพื่อให้เกษตรกรมีอำนาจในการต่อรองในการเข้าถึงปัจจัยการผลิตและการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ข้าว สามารถพึ่งพาตนเองได้
...
5) ส่งเสริมการผลิตข้าวที่ได้มาตรฐานรองรับตรงตามความต้องการของตลาด
6) ส่งเสริมการแปรรูปสินค้าข้าวให้เป็นผลิตภัณฑ์อื่น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิต
7) เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการโลจิสต์เพื่อการส่งออกข้าวไทย การส่งเสริมหาตลาดใหม่ที่มีกำลังซื้อ การเจาะกลุ่มตลาดข้าวเฉพาะ สร้างตราสินค้าให้เป็นที่รู้จัก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณค่าและคุณภาพมาตรฐานความปลอดภัยของสินค้าข้าวไทย
ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวถึงกรณีที่มีประเด็นพันธุ์ข้าวไทยไม่ติดอันดับในการประกวดข้าวที่ดีที่สุดในโลก The World's Best Rice 2023 ในปีนี้นั้น ขอชี้แจงว่าเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากปีนี้ประเทศไทยไม่ได้ส่งพันธุ์ข้าวเข้าประกวด ซึ่งหน่วยงานที่ส่งเข้าประกวดคือ กระทรวงพาณิชย์ และสมาคมผู้ส่งออกข้าว สำหรับกรณีการลักลอบนำเข้าสายพันธุ์ข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาปลูกในไทยนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ แม้จะปลูกได้ปริมาณที่มากกว่าหรือเท่ากัน แต่ขอให้คำนึงถึงคุณภาพและเป็นสำคัญ เนื่องจากสายพันธุ์ข้าวไทยมีอัตลักษณ์เฉพาะ ซึ่งกรมการข้าวต้องสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับแก่เกษตรกร อีกทั้งได้เตรียมเมล็ดพันธุ์ข้าวไว้สำหรับฤดูกาลผลิตหน้าแล้ว ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญจะทำอย่างไรให้เมล็ดพันธุ์ข้าวมีคุณภาพดี ผลผลิตต่ำ กรมการข้าวจึงต้องตระหนักและมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ข้าวที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ทนทานต่อโรค และตรงความต้องการของตลาดโลกเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วย
ทั้งนี้ ประเทศไทยมีเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 4.68 ล้านครัวเรือน หรือประมาณ 17 ล้านคน เนื้อที่เพาะปลูกข้าวนาปีและนาปรัง เฉลี่ยปีละ 70-71 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 47 ของเนื้อที่ทำการเกษตรทั้งประเทศ (149 ล้านไร่) มีผลผลิตข้าวประมาณ 31 - 32 ล้านตันข้าวเปลือกต่อปี หรือประมาณ 20 ล้านตันข้าวสาร โดยในปี 2565 ไทยส่งออกข้าวได้ 7.71 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 138,698 ล้านบาท และปี 2566 (ม.ค.-ก.ย.) ส่งออกได้แล้ว 6.08 ล้านตัน มูลค่า 117,590 ล้านบาท
ด้าน นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า ปีนี้กรมการข้าวจะประกาศพันธุ์ข้าวเพิ่มอีก 8 สายพันธุ์ ช่วงเดือนเมษายน ปัจจุบันกรมการข้าวมีพันธุ์ข้าวมากกว่า 200 สายพันธุ์ และพันธุ์ที่กำลังเป็นที่ต้องการ คือ ข้าวพื้นแข็งกข 85 และ กข 95 เกษตรกรมารอคิวที่ศูนย์เมล็ดพันธุ์ฯตั้งแต่ตีสามจนถึงหกโมงเช้า กระแสตอบรับดีมาก
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในภาครัฐโดยเฉพาะกรมการข้าวกับศูนย์ข้าวชุมชน ต้องผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวเท่าไร ถึงจะเพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร อธิบดีกรมการข้าวกล่าวย้ำว่า 500,000 ตันถึงจะเพียงพอ
ทั้งนี้ กรมการข้าวเอง งบประมาณมีอยู่อย่างจำกัด ขณะนี้กรมฯมีสภาพคล่องไม่เพียงพอ สำหรับเตรียมเมล็ดพันธุ์คุณภาพดี สำหรับให้ชาวนาไว้เพาะปลูก จึงเตรียมเสนอของบกลาง วงเงิน 2,000 ล้านบาท เพื่อสมทบเข้ากองทุนหมุนเวียนเพื่อผลิตและขยายพันธุ์ข้าว ที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 2,000 ล้านบาท สามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวได้ประมาณปีละ 1.05 แสนตัน เติมเข้ามาอีก 2,000 จะทำให้ได้เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีสู่พี่น้องชาวนา 2.10 ตัน”