“นายกฯ” ย้ำรับไม่ได้ค่าไฟโหดหน่วยละ 4.68 บาท ลั่นต้องพยายามกดลงเหลือ 4.10 บาทต่อหน่วยให้ได้ วอนคนต้นทุนสูง ช่วยคนละมือ ลดความเหลื่อมล้ำปิดช่องว่างในสังคม “จุลพันธ์” เผยส่งคำถาม พ.ร.บ.เงินกู้ถึงกฤษฎีกาแล้ว รอตอบกลับดันเข้า ครม.เสนอเข้าสู่สภาฯ “แพทองธาร” ปิดสัมมนาพรรค พท. ลั่น “สมาชิกทุกคนคือเจ้าของพรรค ไม่ใช่ตระกูลชินวัตร” ขอ สส.ทั้งเก่าใหม่อัปเดตความรู้สึกต่อกัน ก้าวให้เท่าทันเทคโนโลยี “สรวงศ์” โอ่พร้อมดัน หน.พรรคหญิงขึ้นแท่นนายกฯ การันตีสส.สายตรงถึงนายกฯได้แน่นอน กลุ่ม 21 สส.ปชป.ผวาพรรคแตก ลงมติผ่าทางตันขอร้อง “เฉลิมชัย” นั่งหัวหน้าพรรคเอง “ประมวล” วอนเข้ามาช่วยแก้วิกฤติ “เสี่ยต่อ” ขอเวลาคิดวันสองวัน
จากกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ไม่เห็นด้วยที่สำนักงานกำกับกิจการพลังงานหรือ กกพ.เห็นชอบการปรับค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) ทำให้ค่าไฟฟ้างวดเดือน ม.ค.-เม.ย.ปี 2567 รวมค่าไฟฟ้าฐาน ทำให้ค่าไฟฟ้าไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มจะอยู่ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย ล่าสุดนายกฯยืนยันจะกดลงให้ลดเหลือ 4.10 บาทต่อหน่วยให้ได้
...
นายกฯปาฐกถาอนาคตเศรษฐกิจไทย
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 9 ธ.ค. ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ถนนเสรีไทย เขตบางกะปิ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวตอนหนึ่งในการปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “อนาคตเศรษฐกิจไทย” ในงานสัมมนาวิชาการหลักสูตรวิทยาการการจัดการสำหรับนักบริหารระดับสูง (วบส.) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ตอนหนึ่งว่า วันนี้เขาเตรียมสปีชมาให้ แต่ไม่ใช้ดีกว่าเอาเป็นธรรมชาติ พูดเป็นภาษาง่ายๆทุกคนเข้าใจได้ง่ายๆ ไม่ได้วาดภาพสวยหรูเกินเหตุ หรือพูดไปแล้วทำลำบากช่วงที่ตนได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ ต้องยอมรับว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก พยายามจะไม่กล่าวถึงรัฐบาลอื่น แต่ช่วง 10 ปีที่ผ่านมาลำบากกันเยอะ วันนี้ยิ่งลำบากหนักไปอีก ด้วยการแข่งขันในเวทีโลก ปัญหาสงครามที่ใช้อาวุธและสงครามการค้า สงครามการทูต เป็นหนึ่งในปัจจัยที่กำหนดทิศทางเศรษฐกิจโลกเป็นอย่างดี อีก 2-3 วันจะครบ 3 เดือนที่รับตำแหน่งนายกฯ เรามีนโยบายหลากหลาย อันแรกต้องยอมรับก่อนว่าการลดค่าใช้จ่ายประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ คนละค่ายการเมืองบอกว่าเป็นประชานิยม เป็นการหาเสียงแต่ว่าไม่ใช่ การหาเสียงมันจบไปแล้ว เรามีรัฐบาลแล้ว ฉะนั้นการหาเสียงไม่มีแล้ว เรื่องการซื้อเสียงไม่มีแล้ว หรือการซื้อใจเพื่อเตรียมเลือกตั้งครั้งต่อไปแต่เป็นระยะเวลาอีกนาน
ฮึ่มกดค่าไฟเหลือ 4.10บ./หน่วยให้ได้
นายกฯกล่าวว่า ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นทั้งค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ผลผลิตการเกษตร หลายท่านในที่นี้อาจไม่รู้ซึ้งความรู้สึกของพี่น้องเกษตรกร แต่เรามีเกษตรกรหลายสิบล้านคน ช่วง 9 ปีที่ผ่านมาเรามีการพักหนี้ไป 13 หน พวกท่านในฐานะที่จ่ายภาษีมากที่สุด ต้องถามว่าเป็นเงินเท่าไหร่ อยากบอกว่าพักครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย แต่พูดได้ไม่เต็มปาก เศรษฐกิจที่จับต้องได้จะเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่ แต่ความตั้งใจของรัฐบาลนี้เป็นการพักหนี้ครั้งสุดท้าย ต้องให้เกษตรกร ภาคส่วนใหญ่ของประเทศมีขวัญกำลังใจให้ทำงานต่อไป ส่วนการลดค่าใช้จ่าย ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน หนี้สิน เดี๋ยวค่าไฟก็ขึ้นอีกแล้ว 3.99 บาทต่อหน่วย จะขึ้นอีกเป็น 4.68 บาท “ผมก็บอกไปแล้วว่า โอ๊ยรับไม่ได้” ต้องกลับไปพิจารณากันใหม่ว่าเป็นเท่าไหร่ ณ จุดนี้ 4.20 บาทน่าจะเป็นไปได้ แต่พยายามจะกดให้เป็น 4.10 บาทคิดว่าน่าจะทำได้ แต่ก่อนที่จะลดไป 3.99 เป็น 4.50 บาท ถ้าจะลงไปถึง 3.99 บาท ลำบาก แต่เชื่อว่ายังดีกว่าที่เป็นมาในอดีต
ขอคนต้นทุนสูงช่วยลดช่องว่างสังคม
นายเศรษฐากล่าวอีกว่า มีคนบอกว่าเราให้น้ำหนักกับเศรษฐกิจมากไป หรือลืมเรื่องสังคม รัฐธรรมนูญ สมรสเท่าเทียม เรื่องจิตใจ เรื่องความเสมอภาคเท่าเทียมถือเป็นเรื่องสำคัญ ท่านอาจไปเรียนคอร์สอื่นมา ตนพูดแรง แต่พูดด้วยความเป็นห่วงเป็นใยบ้านเมือง การเรียนคอร์สเหล่านี้ ถ้าใช้คอนเนกชันให้เป็นประโยชน์ ใช้ความรู้สามารถในทางถูกต้องถือเป็นเรื่องดี แต่ถ้าใช้เรื่องเหล่านี้มาเรียนที่นี้ วางตนเหนือท่าน ยกตนเหนือท่าน ใช้ทรัพยากรรัฐโดยไม่ถูกต้อง ถือว่าเป็นบุคคลน่ารังเกียจ มีหลายคอร์สหลายคนไปเรียนเรื่องเหล่านี้ และปฏิบัติตัวไม่ถูกต้อง ท่านเป็นบุคคลพิเศษที่ได้รับเกียรติจากสถาบันอันมีเกียรตินี้ ในส่วนเล็กมีส่วนช่วยเหลือได้ ไม่ว่าจะอวดอ้างเวลาได้บินชั้นเฟิสต์คลาส ถ่ายรูปแคมเปญ ตั๋วใบหนึ่งเขาอยู่ได้ทั้งปี ท่าน ผอ.บอกแล้วว่าเรามาอยู่ที่นี่ เราช่วยกันทำประโยชน์ให้สังคม ท่านไปต่างประเทศกันเยอะ แต่เคยเดินทางไปหนองบัวลำภูกันบ้างหรือไม่ ถ้าได้ไปจะรู้จริงๆว่าสังคมเหลื่อมล้ำกันอย่างไร ไม่เกี่ยวว่าตนมาจากภาคธุรกิจมีเงินหลายล้าน ตนตั้งใจจริงจะลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม อยากขอวิงวอนขอร้องบุคคลต้นทุนสูงในสังคม ช่วยลดช่องว่างความไม่เท่าเทียม คนที่อยู่ฐานรากของสังคม รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ รู้สึกหมดหวังและกำลังใจ จากการกระทำของผู้อยู่ชั้นบนของสังคม ไม่ได้มาต่อว่าแต่มาพูดจากใจจริง เชื่อว่าถ้าเปิดใจให้กว้างแล้วมองดูรอบตัวท่านเชื่อว่ารู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง
แก้เหลื่อมล้ำสารตั้งต้นเข้าสู่การเมือง
จากนั้นนายกฯตอบคำถามตัวแทนนักศึกษาหลักสูตร วบส.ว่า ก่อนเป็นนายกฯในฐานะนักธุรกิจแนวหน้าของประเทศ มีเรื่องอัดอั้นตันใจอะไรที่ซีเรียสมากที่สุด และได้นำประสบการณ์การบริหารงานในเชิงธุรกิจมาใช้ขับเคลื่อนประเทศอย่างไร นายกฯตอบว่า เรื่องที่ทำให้อัดอั้นตันใจคือความเหลื่อมล้ำ เพราะปฏิเสธไม่ได้ ตนมีเยอะ บางครั้งใช้จ่ายเยอะ จนกระทั่งละอายใจ มีนาฬิกาหลายเรือนจนไม่รู้ว่าจะมีไปทำไม แต่ไม่ได้ปฏิเสธว่าอยากมีอีก แต่คิดแล้วทุเรศตัวเองเพราะบางคนเขาไม่มี พูดแบบนี้ไม่ใช่ตัวเองดูดี มันขัดแย้งในตัวเอง และนิสัยส่วนตัวเวลาไปทานข้าวที่ไหน ไม่ชอบคำว่าโต๊ะวีไอพี ไม่ชอบแบ่งอาหารสำรับ ไม่ชอบแบ่งไวน์สองเกรด จึงไม่สบายใจเวลาลงพื้นที่ เวลาไปไหนยังมีอยู่ จะบอกทีมงานเสมอว่ากินข้าวสำรับเดียวกับนักข่าวและเจ้าหน้าที่ทุกคน ถ้าให้กินพิเศษไม่เอา ความเหลื่อมล้ำพยายามผลักดันมาตลอดแต่ยังไม่สำเร็จ เป็นสารตั้งต้นทำให้อยากเข้ามาสู่การเมืองตรงนี้ช่วงท้าย ตัวแทนนักศึกษาหลักสูตร วบส.ได้ให้กำลังใจนายกฯว่า การที่ประเทศไทยได้นายกฯชื่อเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯคนที่ 30 ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเหมือนโชคชะตาส่งมาให้ช่วยขับเคลื่อนประเทศชาติ ทุกคนขอเป็นกำลังใจ ยอมรับว่าสถานการณ์ไม่ง่าย ข้าวยากหมากแพง ภาวะโลกร้อน การขัดแย้งจากประเทศ สารพัดปัญหาถือเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับคนที่ยืนเป็นหัวเรือของประเทศ
“คลัง” ส่งคำถาม ก.ม.กู้เงินถึงกฤษฎีกา
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เปิดเผยถึงความคืบหน้า พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ว่า ได้ตรวจร่างคำถามที่จะเสนอให้กับคณะกรรมการกฤษฎีกาเรียบร้อยแล้ว คาดว่าเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังได้ส่งไปเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นการสอบถามเฉพาะเรื่องกฎหมายและเพียงคำถาม 1 ข้อเท่านั้น ไม่ได้ถามหลายข้อ เป็นการถามว่าอะไร ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ขณะนี้ เมื่อถามว่าได้ดำเนินการตามคำแนะนำของนายวิษณุ เครืองาม คณะกรรมการกฤษฎีกาและอดีตรองนายกฯหรือไม่ นายจุลพันธ์ตอบว่า คงไม่ได้ให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความเรื่องสถานการณ์ เพราะมองว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่ได้มีหน้าที่ดังกล่าว “หนังสือกระทรวงการคลังที่ส่งไปถามกฤษฎีกาถามเชิงข้อกฎหมาย ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดได้ มีเนื้อหาคำถามราว 4-5 หน้ากระดาษ A4 จากนี้ต้องรอหนังสือตอบกลับจากกฤษฎีกา เพื่อจัดทำร่าง พ.ร.บ.กู้เงินฯ แล้วนำเสนอ ครม.เห็นชอบเพื่อนำเสนอเข้าสู่การประชุมสภาฯตามลำดับขั้นตอนต่อไป”
“อุ๊งอิ๊ง” ย้ำดีเอ็นเอ ปชช.เป็นศูนย์กลาง
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่โรงแรม เดอะ กรีนเนอร์รีรีสอร์ท เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดสัมมนาเป็นวันที่สอง มีการบรรยายในหัวข้อ “ถอดบทเรียนเพื่อไทย ผ่านวิกฤติเลือกตั้ง” นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค มี สส.อยู่ร่วมประชุมกันอย่างคึกคัก รวมถึงมีรัฐมนตรีอยู่ร่วมประชุมเนืองแน่น อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรฯ นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม น.ส.แพทองธารกล่าวปิดการสัมมนาว่า การมาร่วมสัมมนาครั้งนี้ทำให้อบอุ่นขึ้น ใกล้ชิดขึ้น บางคนอยากให้จัดแบบนี้ทุกเดือนแต่คงยาก จึงอาจจะเป็นการจัดทุกปี พรรค พท.มีดีเอ็นเอมาจากพรรคไทยรักไทย ตนเป็นดีเอ็นเอมาจากผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย แต่ดีเอ็นเอที่พูดถึง ไม่ได้หมายความถึงสายเลือดหรือตระกูล แต่หมายถึงจุดรวมของเราว่าเป็นพรรคการเมืองที่เอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เน้นเรื่องเศรษฐกิจปากท้องมากกว่าสร้างวาทกรรมทางการเมือง ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมามีสิ่งต่างๆเกิดขึ้นมากมาย พรรค พท.เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี และสร้างผลงานอย่างรวดเร็ว รัฐมนตรีช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่
ให้อัปเดตความรู้สึกต่อกันก้าวทันไฮเทค
น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ขออัญเชิญพระราช ดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่ทรงตรัสไว้เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา กับคณะเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยจากทั่วโลกถึงคนรุ่นใหม่ว่า “ทุกคนในที่นี้และตัวพระองค์เองก็เคยเป็นคนรุ่นใหม่มาแล้วทั้งนั้น” ประโยคนี้สั้นๆแต่ลึกซึ้งมีความหมายมาก แปลว่าคนรุ่นเก๋าของพรรคก็เป็นคนรุ่นใหม่มาก่อน แต่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร มีความคิดที่จะรักษาพรรค พท.ได้อย่างไร ดังนั้นเราจึงต้องอัปเดตความรู้ซึ่งกันและกัน ติดตามเทคโนโลยีเพื่อให้วัฒนธรรมของคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก๋าเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันเกิดประโยชน์ของประชาชน พรรค พท.ภายใต้การนำของตนจะทำงานให้มีประสิทธิภาพ ทำให้เสาหลักของเราคือรัฐบาล พรรคและสภาฯ ร่วมกันแก้ปัญหาให้ประชาชน และนำ Think Tank กลับมาใหม่ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงองค์กรให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้
ทุกคนคือเจ้าของพรรคไม่ใช่ “ชินวัตร”
“อยากให้เราได้ทบทวนถึงสิ่งเกิดขึ้นถือว่าเป็นบทเรียนต่อไป ครอบครัวของอิ๊งไม่ใช่เจ้าของพรรค พท. แต่เราทุกคนคือเจ้าของพรรค พท.ภายใต้การนำของผู้นำที่เก่งไม่ว่าจะเป็นท่านทักษิณ (นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ) ท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ) ท่านนายกเศรษฐา (นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง) จะทำสำเร็จไม่ได้เลย ถ้าไม่มีทีมที่สมบูรณ์ทีมที่เก่ง ทีมที่คอยบอกว่าสิ่งนี้ดีแล้ว ยังต้องเพิ่มเติม การนำของผู้นำที่ดี ต้องมีผู้ตามที่เป็นห่วงและแข็งแรงเหมือนพรรค พท. ถึงจะทำให้การนำที่ดีสำเร็จได้” น.ส.แพทองธารกล่าว
ปลุกใจสร้างความแข็งแรงไปด้วยกัน
น.ส.แพทองธารกล่าวอีกว่า อยากจะบอกว่า 20 ปีที่ผ่านมาความสำเร็จทุกอย่างเป็นความสำเร็จของทุกคน อยากจะบอกทุกคนว่าพรรค พท.คือบ้านของเรา ทั้ง สส.เก่าและ สส.ใหม่ นี่คือบ้านของเรา ต่อจากนี้เราจะมาสร้างบ้านหลังนี้ให้แข็งแรงไปด้วยกัน ให้พร้อมที่จะเป็นที่พึ่งของประชาชนไปด้วยกัน มีอะไรขอให้ปรึกษากัน ให้กำลังใจกัน มีวันที่ทุกข์แน่นอน แต่วันที่สุขต้องมาอย่างแน่นอนเช่นกัน จึงขอให้กำลังใจทุกคน จากนั้นเป็นการปิดการสัมมนาโดยมีการถ่ายรูปหมู่ร่วมกันอย่างคึกคัก
“สรวงศ์” มั่นใจการสื่อสารภายในดีขึ้น
นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค พท. ให้สัมภาษณ์หลังการสัมมนาพรรคว่า จากการแบ่งกลุ่มพูดคุยของ สส. 10 กลุ่ม เราได้พูดถึงอนาคตของพรรค เป็นไปทิศทางเดียวกัน คืออยากให้พรรคกลับมาเป็นพรรคอันดับหนึ่งเหมือนเดิม ส่วนจะกลับมาอย่างไรนั้น หลายคนได้สะท้อนช่องห่างระหว่างประชาชนกับ สส.และรัฐบาล เป็นสิ่งที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค ได้เน้นย้ำตั้งแต่รับตำแหน่งที่จะทำงานในแนวราบให้ช่องห่างระหว่างการสะท้อนปัญหาประชาชนถึง สส.ไปยังรัฐบาลน้อยลง เมื่อถามว่าช่องห่างระหว่างประชาชนถึง สส.กับ สส.ถึงรัฐมนตรี อะไรมีมากกว่ากัน นายสรวงศ์กล่าวว่าพรรคแข็งแกร่งเรื่องการลงพื้นที่ ส่วนการสะท้อนไปถึงรัฐบาลเราทำคลินิกของรัฐบาลในส่วนของพรรคทุกครั้งที่มีการประชุมพรรค เรื่องต่างๆได้รับการแก้ไขไปบ้างแล้ว แต่บางส่วนติดเรื่องงบประมาณ เพราะงบฯปี 67 ยังไม่ได้เข้าสภาฯ เมื่อเปิดสมัยประชุมสภาฯพิจารณางบฯ มั่นใจว่าหลังจากการสัมมนาผ่านไปแล้วการสื่อสารระหว่าง สส.กับรัฐบาลจะแน่นกว่าเดิม ได้ละลายพฤติกรรมให้สมาชิกพรรครู้จักกันดีมากขึ้น
สส.สายตรงถึงนายกฯได้แน่นอน
เมื่อถามว่ามีการสะท้อนจาก สส.ขอให้นายกฯ รับสายโทรศัพท์ของ สส. เลขาธิการพรรค พท.กล่าวว่า เมื่อเวลาเรามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบเยอะ การจะสื่อสารกันก็ยากลำบากมากยิ่งขึ้น แต่จากการพูดคุยกับรัฐมนตรีหลายคนบอกว่าหากไม่ได้รับสาย สส.จะโทร.กลับ เป็นเช่นนี้ทุกรัฐบาล และสิ่งที่ สส.อยากสะท้อน สามารถพูดกับนายกฯโดยตรงได้เลย และนายกฯได้เน้นย้ำเรื่องนี้เป็นอย่างมากว่าอยากให้ สส.ได้สะท้อน สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องลดช่องว่างระหว่างการทำงานของ สส.กับรัฐบาลให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เรามั่นใจภายใต้รัฐบาลที่นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง และพรรค พท. ที่นำโดย น.ส.แพทองธาร จะเชื่อมต่อกันได้อย่างแนบชิด
ดัน หน.พรรคหญิงขึ้นแท่นนายกฯ
นายสรวงศ์กล่าวว่า เรามีหัวหน้าพรรคที่เป็นผู้หญิง มีหน้าที่ผลักดันแคนดิเดตของพรรคให้เป็นนายกฯคนต่อไป แต่ไม่ทราบว่าจะเป็นใคร 1 ใน 3 ที่เราจะผลักดันยังไม่ได้เคาะ แต่มีหัวหน้าพรรคหญิง เราพร้อมและหัวหน้าพรรคก็พร้อม เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์ว่าปีหน้าจะมีการปรับเปลี่ยนทางการเมือง นายกฯหญิงจะมาปีหน้าเลยหรือไม่ นายสรวงศ์ตอบว่า ยังไม่ถึงขนาดนั้น นายเศรษฐาทำงานดีทำงานเร็วอยู่แล้ว ตั้งใจทำงานและ น.ส.แพทองธารอยากมุ่งเน้นทำงานกับพรรค อยากทำให้พรรคกลับมาแข็งแกร่ง ไม่ได้เน้นทำงานบริหารในขณะนี้
ยก “อุ๊งอิ๊ง” ผู้นำประเทศในอนาคต
ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯและแกนนำพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงการสัมมนาพรรค พท.ว่า เป็นกิจกรรมที่สนุกมาก ต้องแข็งแรง เพราะมีการกระโดดโลดเต้นให้ทุกคนลดอายุลง 18 ปี และให้เป็น ผอ.ทุกคน ส่วนที่ สส.บางส่วนสะท้อนอยากให้ผู้ใหญ่ในพรรคติดต่อได้อย่างใกล้ชิดและรับสายโทรศัพท์ สส.อาจมีเบอร์รัฐมนตรี แต่รัฐมนตรีบางคนไม่มีเบอร์ สส. บางครั้งรัฐมนตรีอาจติดราชการ เมื่อโทรศัพท์ไปแล้วจึงไม่รับ ขอให้ส่งข้อความแนะนำตัวบอกชื่อ คราวนี้ถ้ายังไม่โทร.กลับอีกต้องเอาเรื่องแน่ เมื่อถามว่าเลขาธิการพรรค พท.ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯอาจไม่ใช่นายกฯหญิงเพียงคนเดียวของประเทศไทย พรรค พท.จะชู น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค พท. เป็นนายกฯหญิงคนต่อไปหรือไม่ นายสมศักดิ์ตอบว่า ในอนาคตคงไม่ผิด มีความเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่อนาคตอันใกล้นี้ พรรคการเมืองมุ่งหวังให้หัวหน้าพรรคมีโอกาสเป็นนายกฯ ดังนั้น วันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น วันนี้ยังมีนายกฯ ชื่อเศรษฐา ทวีสิน ที่ทำงานรวดเร็วคล่องแคล่วตั้งใจ เชื่อมั่นว่าจะแก้ไขปัญหาต่างๆได้
“สุทิน” สั่งสอบคลิป สห.ตั้งแถวรับ นทท.
ที่กระทรวงกลาโหม นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีปรากฏคลิปสารวัตรทหาร 6 คน ไปตั้งแถวกับนางรำ เพื่อรอรับนักท่องเที่ยวจีนอยู่หน้ารถตู้ ประหนึ่งแขก VVIP ที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งในพัทยา จ.ชลบุรี ถูกโพสต์แพร่ในแอป พลิเคชันติ๊กต่อกตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค.เป็นต้นมาว่า เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ได้ตรวจสอบแล้ว และสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียด เบื้องต้นได้รับแจ้งว่า เป็นคลิปวิดีโอเมื่อปี 2564 แต่ สห.จะไปด้วยเหตุใดนั้น อยู่ระหว่างการสอบสวน คลิปดังกล่าวเป็นคลิปเก่า ไม่ทราบว่าใครไปนำออกมา ถ้าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นจริงๆ ผิดระเบียบราชการสามารถเอาผิดย้อนหลังได้ ต้องตรวจสอบให้ละเอียดเพื่อความเป็นธรรม
“เดียร์” ปลุกคน ปชป.กล้าเปลี่ยน
วันเดียวกัน น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำนวัตกรรมการเมือง พรรค ปชป.โพสต์คลิปวิดีโอ ครั้งที่ 2 สื่อสารถึง สส.และสมาชิกพรรค ปชป.รวมถึงประชาชนทั่วประเทศ ระบุว่า วันนี้เราต้องกล้าเปลี่ยนในวันที่เรายังมีโอกาสเปลี่ยน ต้องกล้าเปลี่ยนในวันที่เรายังมีลมหายใจให้เปลี่ยน วันนี้เหลือเวลาไม่มากนักที่จะให้เราได้มีโอกาสเปลี่ยน ดังนั้นพวกเราพรรคประชาธิปัตย์ต้องกล้าลงมือเปลี่ยนแปลง มีแต่คนประชาธิปัตย์เท่านั้นที่จะกำหนดอนาคตที่ดีของพรรคได้ เชื่อมั่นว่าอุดมการณ์ เสรีภาพ การเปิดกว้างทางโอกาส ยังคงอยู่ในใจของทุกคน ดังนั้นเราพร้อมที่จะเปลี่ยนผ่าน ไม่ติดอยู่กับระบบอุปถัมภ์ ไม่เป็นธรรม พร้อมรับแนวคิดใหม่ๆ ไม่ยอมย่ำอยู่กับที่ ขอโอกาสให้เดียร์ได้สู้ ไม่ใช่แค่การให้โอกาสเดียร์ แต่ให้โอกาสพรรคที่จะได้เปลี่ยนแปลงเติบโตได้ไปต่อในการเมืองไทย
“ผู้พันปราง” เอาด้วยชิงหัวหน้า
ที่รัฐสภา นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรี ธรรมราช และรักษาการรองเลขาธิการพรรค ปชป.เผยว่า ก่อนจะถึงวันที่ 9 ธ.ค.ที่จะมีการประชุมใหญ่พรรค ปชป.เพื่อเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค โดยเฉพาะหัวหน้าพรรค ขณะนี้มีผู้เสนอตัวชิงหัวหน้าพรรคเพิ่มมาอีกคนหนึ่งคือ พ.ท.หญิง ฐิฏารังสิตพล มานิตกุล หรือ “ผู้พันปราง” อดีตโฆษกกลาโหม มั่นใจครั้งนี้ไม่มีคลื่นใต้น้ำ แต่พรรค ปชป.ไม่มีอะไรที่รู้ก่อนล่วงหน้าเลือกตั้ง 2 วันอยู่แล้ว เพราะเป็นพรรคที่ไม่มีเจ้าของ พรรค ปชป.ต้องลุ้นนาทีต่อนาที
21 สส.หาม “เฉลิมชัย” ขึ้น หน.ปชป.
เมื่อเวลา 16.00 น. ที่พรรค ปชป. กลุ่ม 21 สส.พรรค ปชป. นำโดยนายเดชอิศม์ ขาวทอง สส. สงขลาและรักษาการรองหัวหน้าพรรค นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราชและรักษาการรองเลขาธิการพรรค นัด สส.กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย (นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการหัวหน้าพรรค ปชป.) มาหารือวิเคราะห์ถึงคนที่เหมาะสมควรเป็นหัวหน้าพรรค มีมติเอกฉันท์ว่านายเฉลิมชัยมีความเหมาะสมเป็นหัวหน้าพรรค เพราะใจถึงพึ่งได้ รักษาคำพูด คำไหนคำนั้น ดูแล สส.ไม่ผิดคำพูด ทุกคนแสดงความเห็นว่าขอให้นายเฉลิมชัยเสียสละเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อฟื้นฟูพรรคต่อไป
หวั่นพรรคแตกดึงคู่ชิงร่วมบริหาร
นายประมวล พงศ์ถาวราเดช ประธาน สส.พรรค ปชป.เปิดเผยว่า สส.ส่วนใหญ่เป็นห่วงว่าพรรคจะเกิดวิกฤติเหมือนกับการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรค 2 ครั้งที่ผ่านมา พวกเราจะไปเชิญนายเฉลิมชัย ให้มาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ส่วนนายเฉลิมชัยจะรับหรือไม่ ยังไม่ทราบ พวกเราจะไปบังคับนาย เฉลิมชัย พร้อมขอร้องให้เข้ามาช่วยแก้วิกฤติ เพราะนายเฉลิมชัย ประสานกับทุกฝ่ายได้ และจะเชิญนายนราพัฒน์ แก้วทอง และ น.ส.วทันยา บุนนาค ให้เข้ามาร่วมบริหารพรรคชุดใหม่ด้วยเพื่อไม่ให้พรรคแตก หากนายเฉลิมชัยไม่รับข้อเสนอจะหารือกันอีกรอบเพื่อให้พรรคเดินไปข้างหน้าได้ หรือถ้าพรรคแตกให้แตกน้อยที่สุด คิดว่าวันที่ 9 ธ.ค.จะได้หัวหน้าพรรคคนใหม่แน่นอน
“เสี่ยต่อ” ขอคิดก่อนสนองกลุ่มเพื่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ 21 สส.พรรค ปชป.กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย มีมติเห็นชอบให้เชิญนายเฉลิมชัย เข้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ปชป.คนที่ 9 โดย สส.กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย ทั้งกลุ่มได้เดินทางไปยังบ้านพักของนายเฉลิมชัย ย่านราชพฤกษ์ โดยนายประมวล พงษ์ถาวราเดช ประธาน สส.และ สส.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ทุกคนได้พูดเจรจาขอให้นายเฉลิมชัย รับที่จะลงสมัครเป็นหัวหน้าพรรค ปชป.คนใหม่เพราะมีศักยภาพสามารถประสานทุกขั้ว ทุกฝ่ายได้ นายเฉลิมชัย ตอบเพียงว่า ขอคิดก่อนรออีก 1-2 วัน แล้วจะให้คำตอบ แม้ทุกคนจะพยายามพูดหว่านล้อมให้รับปาก แต่นายเฉลิมชัยเพียงแต่ตอบย้ำว่า ขอเวลาคิดก่อน
“นราพัฒน์” หลีกทางหนุนเต็มที่
ด้านนายนราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการรองหัวหน้า พรรค ปชป.และผู้สมัครชิงหัวหน้าพรรคกล่าวว่า หากนายเฉลิมชัยจะลงจริงแล้วจะสู้ทำไม เพราะถือเป็นทีมเดียวกัน แม้นายเฉลิมชัยยังไม่รับปาก แต่จะไปเข้าพบนายเฉลิมชัยที่พรรค เพื่อเป็นอีกเสียงที่จะขอร้องและสนับสนุนให้นายเฉลิมชัยรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อที่จะนำพาพรรคให้เดินต่อไปข้างหน้าได้ และสามารถตอบสังคมได้ เพราะการที่นายเฉลิมชัยประกาศไม่เล่นการเมือง คือการไม่รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีแต่ครั้งนี้เป็นการนำพาพรรคเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งมากกว่านี้
7 วันลงทะเบียนแก้หนี้ทะลัก 75,199 ราย
วันเดียวกัน นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัด กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงการรับลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบวันที่ 7 ครบ 1 สัปดาห์ โดยเมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 7 ธ.ค.พบว่า มีผู้ลงทะเบียนรวมทั้งสิ้นจำนวน 75,199 ราย แบ่งเป็นลงทะเบียนผ่านออนไลน์ 68,951 ราย และลงทะเบียน ณ ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ 6,248 ราย รวมเจ้าหนี้ 47,174 ราย มูลหนี้รวม 3,820.36 ล้านบาท มีจังหวัด 5 ลำดับแรกลงทะเบียนสูงสุด คือ 1. กทม. 4,876 ราย เจ้าหนี้ 3,689 รายมูลหนี้ 318.611 ล้านบาท 2. จ.นครศรีธรรมราช 3,142 ราย เจ้าหนี้ 2,281 ราย 159.402 ล้านบาท 3. จ.สงขลา 3,127 ราย เจ้าหนี้ 1,978 ราย 176.632 ล้านบาท 4. จ.นครราชสีมา 2,965 ราย เจ้าหนี้ 1,617 ราย 191.803 ล้านบาท และ 5. จ.ขอนแก่น 1,901 ราย เจ้าหนี้ 1,310 ราย 116.219 ล้านบาท มีจังหวัดที่ลงทะเบียน น้อยสุด 5 ลำดับแรก 1. จ.แม่ฮ่องสอน 100 รายเจ้าหนี้ 59 ราย มูลหนี้ 3.612 ล้านบาท 2. จ.ระนอง 152 ราย เจ้าหนี้ 96 ราย 9.023 ล้านบาท 3. จ.สมุทรสงคราม 215 ราย เจ้าหนี้ 149 ราย 6.471 ล้านบาท 4.จ.ตราด 229 ราย เจ้าหนี้ 107 ราย 6.176 ล้านบาท และ 5. จ.พังงา 276 ราย เจ้าหนี้ 153 ราย 9.311 ล้านบาท
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่
