โปรดเกล้าฯ “บิ๊กตู่” เป็นองคมนตรี เพื่อไทยผวาถูกด่าดันนิรโทษ โบ้ย ก.ก.ไปคุยกับ "วิปรบ."

“ในหลวง” โปรดเกล้าฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นองคมนตรี “เพื่อไทย” เสียงอ่อย ไม่ออกหน้าดันกฎหมายนิรโทษกรรม “สมคิด” อ้างพรรคมีแผล ไม่กล้าออกหน้าดัน ไม่ขอเป็นคนเริ่มต้น กลัวถูกกระหน่ำรุมด่า โบ้ย “ก้าวไกล” ไปคุยกับวิปรัฐบาล พร้อมเป็นสะพานให้ ได้ความเห็นภาพรวมจากทุกพรรค พร้อมสนับสนุน สอนมวยค่ายสีส้มดันงานใหญ่ต้องเอาพวกไว้เยอะๆ เตือน “โรม” อย่าแตะคนชั้น 14 พูดจาสร้างความเกลียดชัง นายกฯไปเชียงใหม่ถก แก้ปัญหาฝุ่น-ไฟป่า ดึงภาคประชาชน-ทหารรวมพลัง ปลุกสตาร์ตอัพเมืองไทย ฝันไกลปั้นขึ้นแท่นยูนิคอร์น มูลค่าเกินพันล้านดอลลาร์ใน 4 ปี “มาดามเดียร์” อาสา ชิงหัวหน้าพรรคฟื้นฟู ปชป. ขอก้าวข้ามระบบอุปถัมภ์ อคติทางเพศหรือข้อจำกัดเรื่องวัย “นายหัวชวน” ตีชิ่งมิบังอาจแนะนำ “นราพัฒน์” สู้ไม่ถอย ลั่นอะไร จะเกิดก็ต้องเกิด

จากกรณีนายชัยธวัช ตุลาธน พรรคก้าวไกล (ก.ก.) เดินสายหารือกับตัวแทนกลุ่มการเมืองต่างๆและพรรคการเมือง ขอเสียงสนับสนุนผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ขณะที่พรรคเพื่อไทย (พท.) มีท่าทีไม่สนับสนุน ล่าสุดนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกฯฝ่ายการเมือง ระบุพรรค พท. มีแผลจากเรื่องดังกล่าว จึงไม่สามารถออกหน้าผลักดันเรื่องนิรโทษ กรรมได้ เกรงจะถูกรุมโจมตีได้ ขอให้พรรค ก.ก.ไปหารือกับวิปรัฐบาล

...

พท.อ้างมีแผลไม่ออกหน้าดันนิรโทษฯ

เมื่อเวลา 11.05 น. วันที่ 29 พ.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวถึงกรณีนายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ระบุพรรคเพื่อไทย (พท.) เคยทำเอ็มโอยูกับพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ก่อนตั้งรัฐบาลหลายเรื่อง ทั้งการปฏิรูปกองทัพ แต่พอเปลี่ยนขั้วตั้งรัฐบาล กลับไม่คิดจะผลักดันว่า หลายเรื่องที่เคยคุยกับพรรค ก.ก.ดำเนินการอยู่ แต่การยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พรรค พท.ไม่เคยพูดว่าจะยุบและขณะนี้ได้ปรับปรุงกฎหมาย กอ.รมน.ให้ภาคส่วนต่างๆเข้ามาทำหน้าที่แทนทหารมากขึ้น ที่ระบุว่าพรรค พท.ไม่พูดเรื่องนิรโทษกรรมทั้งที่เป็นแกนนำรัฐบาล ขอชี้แจงว่าสัปดาห์ก่อนได้ประชุมกับมูลนิธิสันติภาพและวัฒนธรรม มูลนิธิผสานวัฒนธรรมและศูนย์ความร่วมมือทรัพยากรสันติภาพ มีการเชิญตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆเข้าร่วม ไม่ว่าจะพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย ถามตนว่าจะทำอย่างไรเกี่ยวกับกฎหมายนิรโทษ จึงชี้แจงว่าพรรค พท.มีบาดแผลเรื่องดังกล่าวอยู่เพิ่งตกสะเก็ดเลยออกหน้าไม่ได้ อย่าให้เป็นคนเริ่มต้น เริ่มไปแล้วไม่รู้ฝ่ายอื่นจะว่าอย่างไร

กลัวถูกรุมด่าให้ไปคุยวิป รบ.ไม่ขอริเริ่ม

“จึงขอให้ทุกคนไปพูดคุยกันกับวิปรัฐบาล ผมพร้อมเป็นสะพานให้ และให้ฟังความเห็นจากทุกพรรคในภาพรวม อย่าเพิ่งลงรายละเอียด เพราะตอนนี้แค่เริ่ม มีคนบอกว่าไม่เอาเรื่องมาตรา 112 ขึ้นมาแล้ว จึงอยากให้ไปคุยก่อน พรรค พท.พร้อมช่วยเหลือ แต่ไม่ขอเริ่มต้นให้ ถ้าเราเริ่มไปแล้ว มีคนไม่เอาจะมารุมด่าเรา ขอยืนยันเรื่องอะไรที่เราตกลงไว้กับพรรค ก.ก. กฎหมายไหนที่เห็นตรงกัน พร้อมช่วยผลักดัน เช่น การแก้ไข พ.ร.บ.แพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยเรื่องสมรสเท่าเทียม เราช่วยกันทำ” นายสมคิดกล่าว

ยันไม่ขวางแต่ไร้ท่าทีรอฟังคนอื่นก่อน

นายสมคิดกล่าวอีกว่า ได้เห็นร่างกฎหมายของพรรค ก.ก.และภาคประชาชนแล้วบางส่วน มีทั้งจุดดีและจุดด้อย ถ้าเอาทุกเรื่องเข้ามาคนอื่นไม่เห็นด้วยจะทำอย่างไร จึงไม่อยากให้ลงรายละเอียด แต่ส่วนตัวเห็นด้วยกับการนิรโทษกรรม ส่วนพรรค พท.ยังไม่ได้พูดเรื่องนี้ รอฟังพรรคอื่น แต่รับรองว่าเราไม่ได้ขัดขวาง เมื่อถามย้ำว่าเห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 หรือไม่ นายสมคิดตอบว่า ส่วนตัวเห็นด้วยเพราะเรานิรโทษเฉพาะเรื่อง เช่น กรณีปี 63-64 ที่มีการประท้วง จำกัดกรอบอยู่ไม่กี่คน เด็กๆลูกหลานทั้งนั้น อาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาจคิดว่าตัวเองถูก เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว อย่าเอาเรื่องอื่นมาพัวพัน ได้บอกให้ไปคุยรายละเอียดดู ไม่อยากให้สังคมนี้ไปสร้างบาดแผลให้เด็ก เช่นที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ระบุไม่อยากทำกฎหมายนิรโทษกรรมโดยไปสร้างความแตกแยกใหม่ พรรค พท.ต้องระมัดระวัง

สอนมวย ก.ก.ต้องเอาพวกไว้เยอะๆ

เมื่อถามว่านายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ก.ก.ระบุกฎหมายฉบับนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของความปรองดอง นายสมคิดกล่าวว่า ถ้าคุยกันได้มันก็ดี อยากให้มาคุยที่วิปรัฐบาล มาคุยกันทั้งหมดในสภาฯ ยืนยันกับพรรค ก.ก.ไปแล้วว่ายินดีเป็นสะพานให้ ไม่ว่าจะเป็นในสภาฯและประชาชน ส่วนที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. พาดพิงว่าหลายคนไม่ได้รับสิทธิพิเศษเหมือนคนชั้น 14 ความจริงไม่ได้พิเศษอะไร การลดโทษไม่ได้ใช้อภิสิทธิ์อะไรเลย เป็นไปตามกติกาของกรมราชทัณฑ์ ไม่ควรหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดถึง ถ้าจะทำเรื่องนิรโทษกรรม เอาพวกไว้เยอะๆ มันถึงจะสำเร็จ อย่าถูกต้องคนเดียว เราอยู่ฝ่ายค้านด้วยกันมาก่อน บางเรื่องถ้าได้ประโยชน์ทุกฝ่ายก็ช่วยกัน ไม่ต้องพูดทำนองสร้างเกลียดชัง ทะเลาะเบาะแว้งกัน

นายกฯลงเชียงใหม่รับมือฝุ่น-ไฟป่า

วันเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.เชียงใหม่ เมื่อเวลา 10.15 น. ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ เฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ นายกฯเป็นประธานการประชุมมอบนโยบายเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองปี 2567 และปล่อยขบวนคาราวานปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยมี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษและตัวแทนหน่วยงานเข้าร่วม

จัด 3 กลุ่มปัญหาดึงภาค ปชช.-ทหารร่วม

นายกฯกล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า เป็นสัญญาณดีที่สุด แววตาผู้มานำเสนอจริงใจกับปัญหานี้ รับทราบถึงปัญหาอย่างถ่องแท้ อยากให้ปัญหาลดน้อยลงไป ถ้าให้หมดไปคงลำบาก เราอยู่กับความเป็นจริงดีกว่า ขอแบ่งปัญหาเป็น 3 ส่วน คือ 1.ปัญหาเกิดจากรถยนต์ ปัจจุบันเราใช้รถ EV มากขึ้นจะทำให้ PM 2.5 จากรถยนต์ลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ 2.การเผาป่ากับไฟป่าที่เราให้ความสำคัญมาก บ่อเกิดมาจากเศรษฐกิจ ถ้าเศษข้าวโพด ซังข้าวโพดหรือตอข้าวทั้งหลาย มีคนมารับซื้อเชื่อว่าไม่มีใครอยากเผา 3.การบริหารจัดการซากพืชผล ต้องจัดการงบฯ ค่าใช้จ่ายที่ต้องทำต่อ จะแก้ไขปัญหายั่งยืนที่สุด ภาครัฐ ภาคประชาชน ฝ่ายความมั่นคงจะทำงานร่วมกัน

จากนั้นนายกฯเดินชมนิทรรศการต่างๆ ชื่นชมการนำวัตถุดิบเหลือใช้ทางการเกษตรจากต้นไม้ ใบไม้ กิ่งไม้มาทำเป็นบรรจุภัณฑ์ ภาชนะ ต่อมาได้พบปะเจ้าหน้าที่ อาสาและประชาชน พร้อมมอบนโยบาย และขอบคุณที่ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจปฏิบัติงานเต็มกำลัง จากนั้นไปเยี่ยมชมรถ หน่วยตรวจวัดคุณภาพอากาศในบรรยากาศแบบเคลื่อนที่ของกรมควบคุมมลพิษ พูดคุยอาสาสมัครและประชาชน โดยให้กำลังใจและขอบคุณชนเผ่าบนดอยปุยที่ช่วยกันดูแลป่าและขอให้ปลูกป่าเพิ่ม

ชาวบ้านสันกำแพงร้องหาเงินดิจิทัลฯ

กระทั่งเวลา 13.50 น. นายเศรษฐาไปที่ข่วงสันกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ หารือแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน (โอทอป) ด้วยซอฟต์พาวเวอร์ อ.สันกำแพง บ้านเกิดนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายกฯได้ทักทายชาวสันกำแพงที่มารอต้อนรับให้กำลังใจอย่างอบอุ่น ชูป้ายข้อความ อาทิ ชาวสันกำแพงรักนายกฯเศรษฐา รอเงินดิจิทัล 10,000 บาท อยู่นะจ๊ะ คืนศักดิ์ศรี คืนความหวัง ขอท่านนายกฯช่วยแก้หนี้นอกระบบ ขอบคุณนายกฯทำให้ลูกหนี้ได้มีอากาศหายใจ รักนายกฯ เศรษฐา ขอนายกฯเศรษฐาช่วยให้คนสันกำแพงเป็นเศรษฐี เงินหมื่นบาทมาทันที เศรษฐกิจไทยดีแน่นอน พร้อมร่วมถ่ายเซลฟี่ด้วย ช่วงหนึ่งมีชาวบ้านตะโกน “รอเงินดิจิทัลอยู่นะจ๊ะ”

ต่อมานายกฯเยี่ยมชมนิทรรศการผลิตภัณฑ์โอทอปชาวสันกำแพง โดยเซ็นชื่อบนร่มกระดาษสาสีแดงหรือ “กางจ้อง” เป็นที่ระลึกและเยี่ยมชมการเขียนลายบนศิลาดลหรือเครื่องปั้นดินเผาขึ้นชื่อเมืองเชียงใหม่ พร้อมเขียนชื่อบนศิลาดลรูปช้าง ผู้ผลิตอธิบายลวดลายบนตัวช้างมีอักษรภาษาอังกฤษเป็นตัว S แทนชื่อ “เศรษฐา” โดยช้างหมายถึงความโชคดี เพื่อนายกฯจะได้นำความสุขให้กลับมาสู่ชาวไทย และช้างตัวนี้สง่างาม หลังเคลือบศิลาดลแล้วจะฝากผู้ว่าฯเชียงใหม่ไปให้นายกฯ และยังมอบข้าวต้มมัดให้นายกฯระบุว่า “ทำด้วยหัวใจของชาวสันกำแพงให้นายกฯได้ชิม”

ปลุกแรงบันดาลใจดันโอทอปเวทีโลก

จากนั้นนายกฯหารือแนวทางการพัฒนาผลิต ภัณฑ์ชุมชน (โอทอป) ด้วยซอฟต์พาวเวอร์ ร่วมกับสำนักงานพัฒนาชุมชน จ.เชียงใหม่ สำนักงานวัฒนธรรม จ.เชียงใหม่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์กรมหาชน) เชียงใหม่/สันกำแพง โดยนายกฯกล่าวว่า ถือเป็นนิมิตหมายอันดีและ จ.เชียงใหม่ เหมือนเมืองหลวงของเพื่อไทย การตลาดสำคัญ ผลิตภัณฑ์สวยมาก แต่บางครั้งทั่วโลกยังไม่ทราบถึงข้อดีผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาจนเดินทางไปหลายประเทศ พยายามไปขายสินค้า ไม่ได้ขายแค่ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย อยากไปเปิดตลาดใหม่ๆจะได้ขายสินค้า เป็นความหวังเป็นแรงบันดาลใจ รัฐบาลนี้เป็นห่วงและอยากส่งเสริมให้มีศักยภาพในเวทีโลก และเป็นหน้าที่รัฐบาลต้องช่วยสนับสนุนให้พี่น้องมีแหล่งเงินทุนเข้าถึงได้ในอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม ไม่ได้ไปยืมเงินจากหนี้นอกระบบ และเป็นหน้าที่ตนต้องสร้างอนาคตและแรงบันดาลใจให้พวกท่านอยากอยู่ในพื้นที่ เราเพิ่งเข้ามาบริหารจัดการได้ 2-3 เดือน จะพยายามกลับมาอีก อยากพาท่านไปสู่เวทีโลก หน้าที่รัฐบาลสร้างความหวังและแรงบันดาลใจ เพื่อให้มีขวัญและกำลังใจ ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน

ฟุ้ง 4 ปีปั้นสตาร์ตอัพไทยขึ้นชั้นยูนิคอร์น

ต่อมาเวลา 15.10 น. ที่ลานสังคีต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ นายเศรษฐา พบปะนักศึกษาหารือถึงการพัฒนาและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ สตาร์ตอัพ (Startup) พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการผลงาน โดยนายกฯกล่าวว่า เราต้องคิดภาพใหญ่เพื่อสู่ตลาดโลก วันนี้ถ้าทำอะไรเล็กๆสู้เขาไม่ได้ เมื่อฝันแล้วต้องตื่นขึ้นมาทำงาน ไม่มีทางลัด ในฐานะรัฐบาลสร้างโอกาสให้ทุกท่านมีความคิดสร้างสรรค์ เหนือสิ่งอื่นใดถ้ามีไอเดียดีๆแล้วเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้โดยไม่ต้องพึ่งบริษัทใหญ่ และเป็นหน้าที่รัฐบาลต้องหากองทุนเหล่านี้มา ถ้าเป็นไปได้จะพยายามติดต่อและให้ตัวแทนนักศึกษาไปดูงานที่ซานฟรานซิสโกหรืออิสราเอลจะได้รู้ว่าทั่วโลกทำอะไรกัน หากเป็นไอเดียที่ดีเขาจะสนับสนุน วันนี้มาดูไอเดียเห็นแววตาทุกคนมีความตั้งใจที่จะทำงานอย่างจริงจัง ขอขอบคุณคณาจารย์และเป็นความหวังให้เด็กทุกคน เชื่อว่าภายใน 4 ปีรัฐบาลนี้ ประเทศไทยต้องมี Unicorn หรือยูนิคอร์น (ธุรกิจ Startup ที่มีมูลค่าบริษัทมากกว่า 1 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ) และหน้าที่รัฐบาลต้องเป็นตัวกลางให้ทั่วโลกรู้ว่าไทยมีซอฟต์พาวเวอร์อะไรบ้าง จากนั้นนายกฯถ่ายภาพร่วมกับนักศึกษาที่ทำสติกเกอร์ภาพการ์ตูนหมีสวมเสื้อผ้าพื้นเมืองติดให้ที่หลังโทรศัพท์ โชว์ให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ

ถกภาคเอกชนอัปเกรดท่องเที่ยว

จากนั้นเวลา 19.28 น. นายกฯเดินทางมายังวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อร่วมชมการแสดง “ต่อยอดแสงหลวง บวงสรวงมหาเจดีย์ ป๋าเวณียี่เป็ง ประจำปี 2566” ทั้งนี้ ก่อนชมการแสดงนายกฯได้พบปะกับผู้แทนภาคเอกชน ร่วมหารือแนวทางการพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของจ.เชียงใหม่ ที่อาคารภายในวัดเจดีย์หลวงวรวิหารด้วย

รบ.แจงทุนใหญ่ไร้เงื่อนไขลดค่าไฟ

วันเดียวกัน นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกรณีมีการเผยแพร่ข่าวบิดเบือนระบุ Google, Microsoft และ Tesla ต้องการให้รัฐบาลลดราคาค่าไฟฟ้าก่อนตัดสินใจเข้ามาลงทุนในไทยว่า ทั้ง 3 บริษัทไม่เคยหารือเพื่อให้ลดค่าไฟฟ้า แต่เงื่อนไขสำคัญที่สุดคือ ประเทศที่เขาจะลงทุนต้องมีไฟฟ้าสะอาด Clean Energy/Green Energy ให้เพียงพอต่อการผลิต ด้วยปัญหา ClimateChange/Global Warming โดยรัฐบาลแสดงออกถึงความจริงใจเพื่อส่งเสริมพลังงานสะอาดด้วยโปรเจกต์จัดหาไฟฟ้าสะอาด เช่น Floating Solar Cellsบนผืนน้ำบริเวณเหนือเขื่อนทั่วประเทศเพียงพอที่จะป้อนไฟฟ้าได้รวมๆกันสูงกว่า 10,000 เมกะวัตต์ รวมถึงโครงการที่จะสั่งซื้อไฟฟ้าพลังน้ำจาก สปป.ลาว 400 เมกะวัตต์ สอดคล้องกับแนวทางบริษัทขนาดใหญ่ดังกล่าว

“มาดามเดียร์” ขอโอกาสฟื้นฟู ปชป.

เมื่อเวลา 09.29 น. ที่ลานพระแม่ธรณีบีบมวยผม พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) น.ส.วทันยา บุนนาคหรือมาดามเดียร์ ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกรุงเทพฯพรรค ปชป. นั่งวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างเข้ามาที่พรรค นำพวงมาลัยดอกไม้สดกราบสักการะพระแม่ธรณีมวยผมสัญลักษณ์ประจำพรรค ก่อนแถลงเปิดตัวชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเป็นทางการ ในการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี 66 ครั้งที่ 3 วันที่ 9 ธ.ค. จากนั้น น.ส.วทันยากล่าวว่า ขอโอกาสฟื้นฟูพรรค ปชป.และฟื้นฟูอุดมการณ์พรรคเพื่อให้พรรคกลับมาเป็นที่พึ่งและความหวังของประชาชนเพื่อที่จะยืนยันในพลังประชาธิปไตยของพรรคเสรีนิยม ที่ชูเรื่องรัฐสวัสดิการและการกระจายอำนาจ จุดเริ่มต้นอยากเสนอตัวรับสมัครหัวหน้าพรรค เพื่อฟื้นฟูพรรค โดยต้องเลือกคนที่มีความสามารถเป็นที่ตั้ง อยากก้าวข้ามระบบอุปถัมภ์และอคติทางเพศหรือข้อจำกัดของวัย ส่วนที่มีชื่อนายชัยชนะ เดชเดโช รักษาการรองเลขาธิการพรรคและ สส.นครศรีธรรมราช เป็นแคนดิเดตเลขาธิการพรรค ขอให้นายชัยชนะเป็นคนตอบคำถามเองดีกว่า แต่ได้พูดคุยกันว่าตนตัดสินใจลงสู้ และพร้อมยอมรับไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร พร้อมจะทำงานกับพรรคต่อไป

รับอ่อนพรรษาแต่มีไฟและพลังฮึดสู้

น.ส.วทันยากล่าวอีกว่า ส่วนที่มีเสียงวิจารณ์ไม่เหมาะเป็นหัวหน้าพรรค ปชป. เพราะยังอ่อนพรรษา น.ส.วทันยายอมรับว่าประสบการณ์เป็นเรื่องจำเป็น แต่มีไฟและมีพลัง ที่สำคัญมีปณิธานต้องการเข้าไปฟื้นฟูพรรค ปชป.และพัฒนาประเทศ ส่วนการทำงานพรรคมีบุคลากรที่มีประสบการณ์ทางการเมืองมายาวนาน และการจะประสบความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่คนคนเดียว แต่เกิดจากที่ทุกคนต้องช่วยกันทำงาน เมื่อถามว่า หากเป็นหัวหน้าพรรคจะมีโอกาสไปร่วมรัฐบาลหรือไม่ น.ส.วทันยากล่าวว่า ขอประกาศที่จะเป็นฝ่ายค้าน เราไม่ได้มุ่งหวังในการแสวงหาผลประโยชน์ รวมถึงอำนาจที่จะไปจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล ยืนยันไม่มีปัญหาการทำงานร่วมกับพรรคก้าวไกล เราพร้อมทำงานร่วมกับทุกพรรคที่มีเจตนาทำเพื่อประโยชน์ประเทศ

“ชวน” ติ๊ดชึ่งมิบังอาจแนะนำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก น.ส.วทันยาแถลงข่าวเสร็จสิ้น นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อและอดีตหัวหน้าพรรค ปชป. เดินทางเข้ามาที่พรรคพอดี จึงได้เจอกับ น.ส.วทันยา นายชวนจึงสอบถามว่า “มาดามเดียร์มาเปิดตัวเหรอ เรียบร้อยดีแล้วใช่ไหม” น.ส.วทันยาตอบว่า มาบอกความตั้งใจต่อสื่อมวลชน จะทำให้ดีที่สุด ตามที่เคยได้เรียนต่อนายชวนไปแล้ว ผู้สื่อข่าวถามนายชวน มีอะไรจะแนะนำหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า “มิบังอาจ มาดามเก่งอยู่แล้วและขอให้กำลังใจ” เมื่อถามว่า ดูแล้วจะมีความหวังหรือไม่ นายชวนปฏิเสธที่จะตอบ บอกให้ไปถามเขาดูเอง ก่อนขอตัวขึ้นห้องทำงานส่วนตัวไป

“นราพัฒน์” ไม่ถอยอะไรเกิดต้องเกิด

นายนราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรค ปชป.ภาคเหนือ ผู้เสนอตัวลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคกล่าวว่า ยังยืนยันลงแข่งชิงหัวหน้าพรรคเช่นเดิม เป็นเรื่องดี น.ส.วทันยาร่วมแข่งขันทำให้ภาพลักษณ์ดีขึ้น เป็นจุดแข็งของพรรคเป็นพรรคไม่มีเจ้าของ เปิดโอกาสให้ทุกคน เท่ากับพรรคต้องการความเปลี่ยนแปลงและมีคนรุ่นใหม่สนใจมาร่วมบริหารและปรับปรุงพรรค อธิบายสมาชิกพรรคและสังคมได้ว่าพรรค ปชป.จะกลับมาสร้างมนต์ขลังอีกครั้งหนึ่ง ส่วนกรณีหลังเลือกหัวหน้าพรรคแล้ว คนแพ้อาจออกไป ควรต้องยอมรับเสียงข้างมาก หากชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค น.ส.วทันยาเป็น 1 ในคนที่อยู่ในแผนที่จะดึงมาร่วมงานให้ช่วยเรื่องการสื่อสารองค์กรที่ถนัดอยู่แล้ว หาก น.ส.วทันยาชนะขึ้นอยู่ว่าเขาจะใช้บริการตนหรือไม่ก็แล้วแต่ เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าหลังเลือกตั้งแล้วพรรคจะแตก นายนราพัฒน์กล่าวว่า อะไรจะเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นได้ทุกอย่าง แต่ไม่อยากเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น จึงเรียกร้องมาตลอดว่าพรรคจะเดินหน้าได้ ต้องมีเอกภาพ แพ้หรือชนะคือประชาธิปไตย แต่เราต้องมีวินัยและยอมรับมติ

“ปูอัด” ได้พรรคใหม่ “ไทยก้าวหน้า”

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาถึงความคืบหน้าการหาสังกัดพรรคใหม่ของนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม.ที่ถูกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ขับออกจากพรรค กรณีมีพฤติการณ์คุกคามทางเพศ ทำให้ต้องหาพรรคใหม่สังกัดภายใน 30 วัน ก่อนจะพ้นสมาชิกภาพการเป็น สส. ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 พ.ย. เว็บไซต์สำนักงานสภาผู้แทนราษฎร แก้ไขประวัตินายไชยามพวานว่า เป็น สส.กทม. เขต 26 สังกัดพรรคไทยก้าวหน้า ถือว่านายไชยามพวานหาสังกัดพรรคใหม่ได้ทันใน 30 วัน หลังจากถูกพรรค ก.ก.ขับพ้นพรรค เมื่อวันที่ 6 พ.ย.66 และจะครบกำหนดต้องหาสังกัดพรรคใหม่ 30 วัน ในวันที่ 7 ธ.ค. ทั้งนี้ พรรคไทยก้าวหน้ามีนายวัชรพล บุษมงคล เป็นหัวหน้าพรรค และนายภูชิสส์ ศรีเจริญ เลขาธิการพรรค การเลือกตั้งเมื่อปี 2566 พรรคไทยก้าวหน้าส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งรวม 18 คน แบ่งเป็น สส.เขต 5 คน และบัญชีรายชื่อ 13 คน มีชื่อแคนดิเดตนายกฯคือนายวัชรพล และพล.อ.สิทธิ์ สิทธิมงคล

“สส.แจ้” เข้าสังกัด “ชาติพัฒนากล้า”

ต่อมาเวลา 15.30 น.เว็บไซต์สำนักงานสภาฯ ปรับข้อมูลแก้ไขประวัตินายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี เขต 2 ระบุว่าอยู่สังกัด “พรรคชาติพัฒนากล้า” หลังจากก่อนหน้านี้นายวุฒิพงศ์ถูกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ขับพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค เมื่อวันที่ 1 พ.ย.66 จากกรณีการคุกคามทางเพศ ต้องหาสังกัดพรรคใหม่ภายใน 30 วัน ให้ได้ก่อนวันที่ 1 ธ.ค. เพื่อไม่ให้พ้นจากสมาชิกภาพการเป็น สส. ทำให้ปัจจุบันพรรคชาติพัฒนากล้าที่มีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เป็นประธานพรรคและนายเทวัญ ลิปตพัลลภ เป็นหัวหน้าพรรค มี สส.เพิ่มเป็น 3 คน คือ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล สส.บัญชีรายชื่อ นายประสาท ตันประเสริฐ สส.นครสวรรค์ และนายวุฒิพงศ์เป็นรายล่าสุด

ศาลเลื่อนตัดสินคดี “ปู” เด้ง “ถวิล”

วันเดียวกัน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เลื่อนการอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อม.11/2565 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯเป็นจำเลย ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีเมื่อช่วงเดือน ก.ย.2554 น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีคำสั่งโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในขณะนั้นไปเป็นที่ปรึกษานายกฯโดยมิชอบออกไปก่อน เนื่องด้วยนายสิทธิศักดิ์ วนะชกิจ องค์คณะผู้พิพากษาในคดีนี้ถึงแก่อนิจกรรม เพื่อให้นายกษิดิศ มงคลศิริภัทรา ที่เข้ามาเป็นองค์คณะฯแทนที่ มีเวลาเพียงพอตรวจสำนวน ร่วมประชุมปรึกษาคดีและทำความเห็นในการวินิจฉัยคดี ให้ยกเลิกวันนัดฟังคำพิพากษาออกไป

“ไอซ์” วืดศาล รธน.ตีโต้แย้งฟังไม่ขึ้น

ช่วงบ่าย สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่เอกสารข่าวมติศาลรัฐธรรมนูญ โดยระบุศาลรัฐธรรมนูญได้ปรึกษาหารือกรณีที่ศาลอาญาส่งคำโต้แย้งของจำเลยคือ น.ส.รักชนก ศรีนอก ในคดีอาญา หมายเลขดำที่ อ 683/2565 เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 ว่า พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 34 หรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) (2) และ (3) พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 และมาตรา 34 วรรคหนึ่งตามที่ศาลอาญาส่งคำโต้แย้งของ น.ส.รักชนก ศรีนอก จำเลยคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ 683/2565 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 212 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ 683/2565 ที่ น.ส.รักชนก สมาชิกกลุ่มคลับเฮ้าส์เพื่อประชาธิปไตยในขณะนั้น ถูกดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทสถาบันตาม ป.อาญามาตรา 112 และข้อหาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กรณีโพสต์ข้อความวิจารณ์รัฐบาลจัดซื้อจัดหาวัคซีนโควิด -19 และรีทวีตภาพถ่ายการชุมนุม 16 ตุลาไปแยกปทุมวันปี 2563 มีข้อความที่ถูกกล่าวหาว่าต่อต้านสถาบัน

โปรดเกล้าฯ “ประยุทธ์” เป็นองคมนตรี

ช่วงค่ำ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ ประกาศแต่งตั้งองคมนตรี ใจความว่า พระบาทสมเด็จ พระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า ตามที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งองคมนตรีตามประกาศ ลงวันที่ 21 ตุลาคม พุทธศักราช 2565 แล้วนั้น บัดนี้ ทรงพระราชดำริเห็นเป็นการสมควรแต่งตั้งองคมนตรีเพิ่มขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 10 และมาตรา 11 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 จึงทรง พระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นองคมนตรี ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 29 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2566 เป็นปีที่ 8 ในรัชกาลปัจจุบัน

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...