“โรม” เผย กมธ.มั่นคง ขอร่วมประชุม กมธ.ตำรวจ เชิญ “เศรษฐา” ตอบข้อซักถามปมแต่งตั้งโยกย้าย ผกก. 7 ธ.ค.นี้ พร้อมฝากรัฐบาล เตรียมมาตรการการรับมือในมิติสิทธิมนุษยชนและด้านเศรษฐกิจ หากสถานการณ์ชายแดนเมียนมารุนแรงมากขึ้น
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ และคณะ แถลงข่าวผลการประชุมที่อาคารรัฐสภา ว่า วันนี้ กมธ. ได้พิจารณา จำนวน 2 ประเด็นสำคัญ
เรื่องแรก ติดตามภารกิจรับมือบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนภายในประเทศ รวมถึงเกิดกรณีผู้ลี้ภัยจากการสู้รบที่จะเข้ามาสู่ในประเทศไทย และเศรษฐกิจชายแดน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
- ตัวแทนจากกระทรวงมหาดไทย
- ตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศ
- ตัวแทนผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ทั้งนี้ มองว่าสถานการณ์ยังอยู่ในภาวะที่ควบคุมได้ ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าเมียนมาจะรับมือกับปัญหาภายในได้ ทางด้านกระทรวงมหาดไทย ยืนยันตัวเลขผู้หนีภัยสงครามตามแนวชายแดนไทยฝั่งตะวันตก เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้มีผู้หนีภัยบางส่วนได้กลับไปแล้ว โดยเฉพาะทาง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน แต่หากความรุนแรงมากขึ้นกว่านี้ รัฐบาลต้องมีการเตรียมมาตรการการรับมือในมิติสิทธิมนุษยชนและด้านเศรษฐกิจ
...
เรื่องที่ 2 การพิจารณาเรื่องร้องเรียนตัวแทนแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ขอให้ช่วยเหลือผู้ต้องขังคดีการเมืองไม่ได้รับสิทธิในการปล่อยตัวชั่วคราว และกรณีไม่ให้สิทธิในการพักโทษแก่นักโทษเด็ดขาดในคดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ โดยมีข้อเรียกร้องให้ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาขอบเขตและข้อจำกัดทางกฎหมายว่าด้วยสิทธิในการประกันตัว สำรวจและทบทวนกรณีการบังคับใช้กฎหมายในหมวดความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพื่อนำไปสู่การจัดทำข้อเสนอแนะในการปรับปรุงทั้งด้านนโยบายและข้อกฎหมาย รวมทั้ง สำรวจและศึกษาความเป็นไปได้ในการพักโทษแก่นักโทษการเมือง และผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่ง กมธ. ได้มีมติดังนี้
1. แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาศึกษาเรื่องร้องเรียนนี้ โดยตั้ง นายปิยรัฐ จงเทพ เป็นประธานคณะทำงาน ทำหนังสือส่งข้อห่วงใยต่อสถานการณ์ความขัดแย้งถึงรัฐบาลเพื่อให้เตรียมแนวทางรับมือสถานการณ์ที่มีแนวโน้มขยายวงกว้างมากขึ้นในอนาคต
2. มอบหมายให้ นายมานพ คีรีภูวดล รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง รับผิดชอบร่างหนังสือของ กมธ. เรื่องติดตามภารกิจรับมือบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ถึงรัฐบาลเป็นการเร่งด่วน
3. ตั้งอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษากฎหมายความมั่นคง 3 ฉบับ ได้แก่ พระราชบัญญัติ การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551, พระราชบัญญัติ กฎอัยการศึก พ.ศ. 2557, พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548โดยมี นายรอมฎอน ปันจอร์ เป็นประธานอนุ กมธ.
4. ส่งหนังสือขอประชุมร่วมกับ กมธ.ตำรวจ ในวันที่ 7 ธันวาคม 2566 ต่อกรณีที่ กมธ.ตำรวจ โดยเชิญ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มาตอบข้อซักถามของ กมธ. เนื่องจากเหตุกรณีที่นายกรัฐมนตรีมีการกล่าวพาดพิงเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย ซึ่งอาจจะเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญ.