เปิดเบื้องหลังชีวิตแหวกแนว ว่าที่ 'ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา'

ฆาบิเอร์ มิลเลอิ” (Javier Milei) จากพรรค La Libertad หนึ่งในผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอาร์เจนตินา ที่ได้รับเสียงสนับสนุนจากคนหนุ่มสาวจำนวนมาก คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันอาทิตย์ (19 พ.ย.) ได้คะแนนเกือบ 56%   โค่นคู่แข่งอย่าง “เซร์ฆิโอ มัสซา” รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของอาร์เจนตินาที่ได้คะแนนเพียง 44% ลงไปได้ 

มิลเลอิ นักเสรีนิยมชาวอาร์เจนตินา ถูกจับตามองจากหลายฝ่ายหลังประกาศลงเล่นการเมืองเมื่อปี 2563 ด้วยหวังเข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบ ซึ่งในขณะนั้นมีเพียงไม่กี่คนที่คาดว่า 3 ปีหลังจากนั้น นักเศรษฐศาสตร์ผมยุ่งและอดีตผู้เชี่ยวชาญแห่งวงการโทรทัศน์รายนี้จะสามารถเป็นประธานาธิบดีได้ และตอนนี้เขาทำสำเร็จแล้ว

เบื้องหลังแห่งชัยชนะของมิลเลอิและพรรค ได้รับแรงสนับสนุนเพิ่มขึ้นมหาศาลโดยเฉพาะจากคนหนุ่มสาว และการหาเสียงในโซเชียลมีเดียก็ได้รับแรงหนุนจากความตลกและคำพูดที่มีสีสันของเขาเอง

นักเศรษฐศาสตร์ผมยุ่งคนนี้ยังได้รับเสียงสนับสนุนจากกลุ่มอนุรักษนิยมหลักของประเทศ รวมทั้งแพทริเซีย บูลริช ผู้ท้าชิงประธานาธิบดีที่ถูกคัดออกก่อน จึงช่วยให้เขาได้ฐานเสียงผู้มีสิทธิเลือกตั้งวัยกลางคนที่สำคัญได้

ช่วงก่อนเลือกตั้ง มิลเลอิกวัดแกว่งเลื่อยไฟฟ้าในงานหาเสียงหลายสิบงาน  ถือเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกการปรับแผนงบประมาณที่เขาวางแผนไว้ หรือบางครั้งก็ถือธนบัตร 100 ดอลลาร์โชว์ใกล้ ๆ ใบหน้า เพื่อแสดงให้เห็นถึงข้อเสนอของเขาในการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจหันไปใช้เงินดอลลาร์

“ไอร์ตัน ออร์ติซ” ผู้สนับสนุนมิลเลอิวัย 28 ปี เผยในช่วงชุมนุมหาเสียงของพรรคในกรุงบัวโนสไอเรสก่อนการเลือกตั้งว่า

“เขาคือความเปลี่ยนแปลงที่อาร์เจนตินาต้องการ”

ฆาบิเอร์ มิลเลอิ และน้องสาว

ทั้งนี้ มิลเลอิจบปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเบลกราโน และจบปริญญาโทและปริญญาเอกจาก Instituto de Desarrollo Económico y Social เคยเป็นอาจารย์สอนวิชาเศรษฐศาสตร์มหภาค-จุลภาค ในหลายมหาวิทยาลัยเป็นเวลา 20 ปี และเป็นผู้เขียนหนังสือเศรษฐศาสตร์และการเมืองอีกหลายเล่ม แต่คนที่ไม่เห็นด้วยกับมิลเลอิมองว่า เขายังขาดประสบการณ์ในการทำงานด้านการเมือง มีภาพลักษณ์ไม่เรียบร้อย เช่น ทรงผมของเขาที่เหมือนกับทรงผมแนวอีโม และด่าทอคู่แข่งทางการเมืองและโป๊ป

เมื่อวันอังคาร (14 พ.ย.) สำนักข่าวบาติเมสเผยถึงชีวิตมิลเลอิ ที่ทำให้หลายคนสงสัยว่าเพราะอะไรเขาถึงเติบโตมาเป็นคนลักษณะนี้ ว่า ในวัยเด็ก นักเสรีนิยมคนนี้มีช่วงชีวิตที่ยากลำบาก พ่อของเขาที่ทำอาชีพขับรถบัสทำให้ชีวิตในวัยเด็กของเขาเหมือนตกนรก พ่อทุบตีมิลเลอิอยู่หลายปี ทั้งยังพูดจาเย้ยหยันให้อับอาย ประโยคที่เขามักได้ยินบ่อยครั้งในวัยเด็ก คือ “แกมันขยะ ไร้ประโยชน์ แกไม่เคยมีค่าอะไรเลย"

ครั้งหนึ่งในปี 2525 ช่วงเกิดสงครามฟอล์กแลนด์ มิลเลอินั่งดูทีวีและแสดงความเห็นว่า ทหารออกรบอาจส่งผลเสียต่ออาร์เจนตินา แล้วพ่อของเขาก็ระเบิดความโกรธจากความรักชาติ วิ่งไล่ตีลูกชายทั่วบ้าน จนน้องสาวของเขาช็อครุนแรงจากเหตุการณ์นี้และต้องเข้าโรงพยาบาล แต่แม่กลับบอกว่าน้องสาวจะตาย เป็นเพราะความผิดของเขา

เมื่อเข้าโรงเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา มิลเลอิเป็นเด็กที่โดดเดี่ยว ไม่มีเพื่อน ถูกบูลลี่เป็นประจำ และมีฉายาว่า El Loco หรือคนบ้า

ปัจจุบันว่าที่ประธานาธิบดี มีคนสนิทอยู่ไม่กี่คน รวมถึงคารินา น้องสาววัย 51 ปี ที่เป็นผู้จัดการหาเสียงของเขา และผู้หญิงที่มิลเลอิยังไม่ได้แต่งงานด้วยที่เคยพาออกงานในช่วงต้นปี ซึ่งอาจได้เป็นสุภาพสตรีหมายเลข 1 และที่ใกล้ชิดมากอีกหนึ่งรายคือ “โคนัน” สุนัขที่จากไปในปี 2560 

โคนัน เป็นสุนัขที่มิลเลอิเก็บมาเลี้ยงเสมือนลูกชาย เขาร่วมฉลองคริสมาสต์และปีใหม่อย่างโดดเดี่ยวกับสุนัขมาตลอด 13 ปี และชื่อนี้มักถูกพูดถึงในบทสัมภาษณ์และการหาเสียงของเขาบ่อยครั้ง

สำนักข่าวบาติเมสบอกว่า หลังจากสุนัขตาย มิลเลอิก็เริ่มเข้าหานักจิตศาสตร์ นักบำบัดจิต และหมอผีที่อ้างว่าสามารถสื่อสารกับสุนัขที่ตายไปแล้วได้ ซึ่งหมอผีก็สนับสนุนให้เขามีสุนัขโคลนนิงจากโคนัน และมิลเลอิเชื่อว่าสัตว์มอบพลังให้กับเขา จึงยอมเสียเงิน 50,000 ดอลลาร์ (ราว 1.7 ล้านบาท) เพื่อโคลนสุนัขของตนเองที่จากไปแล้ว

ตอนนี้มิลเลอิมีสุนัขพันธุ์มาสทิฟฟ์ที่โคลนมาจากโคนันอย่างน้อย 4 ตัว ได้แก่ เมอร์เรย์, มิลตัน, โรเบิร์ต และลูคัส ที่ตั้งชื่อตามนักเศรษฐศาสตร์เสรีนิยม และเขาอ้างว่า ตนประสบความสำเร็จได้เพราะโคนัน สุนัขเพื่อนรักที่ติดต่อเขาผ่านร่างทรง และมอบภารกิจให้เขาขึ้นเป็นประธานาธิบดี

บาติเมสเผยว่า ในปี 2561 มิลเลอิเผยกับคนสนิทว่า เขาได้พบและพูดคุยกับไอน์ แรนด์ นักปรัชญา และเมอร์เรย์ ร็อธบาร์ด นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่เสียชีวิตไปแล้ว จากนั้นในปี 2563 มิลเลอิทะเลาะกับเพื่อนนักเศรษฐศาสตร์คนเดียวของเขา และนักบำบัดของเขาเสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 เขาจึงไม่รักษาต่อ และตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ จนน้องสาวต้องพาไปอยู่กับพ่อแม่ บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ครอบครัวที่ดีขึ้นในช่วงนั้น

ในช่วงโควิด-19 มิลเลอิเผยว่าตนได้พบกับการมาเยือนของพระเจ้าหลายครั้ง และพระเจ้าบอกให้เขาทำในสิ่งที่เขาไม่มีวันทำ นั่นก็คือ การเมือง

“มาเรียโน่ เฟอร์นันเดซ” อาจารย์และนักเศรษฐศาสตร์ เพื่อนของมิลเลอิ เผยกับหนังสือพิมพ์ Noticias ว่า

“นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า พฤติกรรมของมิลเลอิเป็นการแสดง แต่ในความเป็นจริงนั้นมีความซับซ้อนและอันตรายมาก หลายครั้งเขาเผยว่าการกระทำของตนส่องสว่างด้วยความกรุณาจากพระเจ้า และภารกิจของเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากพระเจ้า”

สำนักข่าวบาติเมสระบุว่า ด้วยเหตุการณ์เหล่านี้จึงทำให้กลุ่มผู้ไม่สนับสนุนเกิดคำถามถึงความเหมาะสมและความสามารถของว่าที่ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...