ตลาด EV สหรัฐโตช้า มะกันยังกังวล ‘ราคารถ-ความจุแบตเตอรี่-สถานีชาร์จไม่พอ'

สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า เมื่อสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ผลิตรถยนต์ต่างปรับลดเป้ายอดขายอีวีและชะลอโครงการลงทุนต่าง ๆ เนื่องจากบริษัทพยายามระบายสินค้าคงคลังของรถยนต์อีวีที่ตัวแทนจำหน่ายยังขายไม่ออก

“เนล ซอนเดอร์ส” กรรมการผู้จัดการโกลบอลดาต้า เผยว่า

“ยอดขายอีวีชะลอตัวมากกว่ารถยนต์ประเภทอื่นอย่างเห็นได้ชัด และไม่ได้เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจเลย รถยนต์ไฟฟ้ายังมีปัญหาอยู่ การตัดสินใจซื้อทำได้ยากและมีความซับซ้อน เพราะเรื่องระยะทางการขับขี่และโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จ”

โดยพื้นฐานลูกค้าชาวอเมริกันมักคุ้นเคยกับการเดินทางไกลเพื่อไปพักผ่อนในวันหยุด หรือเพื่อไปเยี่ยมเพื่อนและญาติ ๆ เพราะสหรัฐเป็นประเทศขนาดใหญ่และมีตัวเลือกการขนส่งสาธารณะที่จำกัด แต่ปัจจุบันเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ยังคงไม่น่าไว้วางใจ เนื่องจากหลายพื้นที่ยังขาดโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จ หรือมีการติดตั้งเครื่องชาร์จที่ไม่น่าเชื่อถือ ทำให้ลูกค้าลังเลที่จะซื้ออีวี

  • ข้อกังวลด้านระยะทางและราคา

ตามผลสำรวจของสมาคมเทคโนโลยีเพื่อผู้บริโภค ซึ่งเป็นผู้จัดงานคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์โชว์ในลาสเวกัส พบว่า ผู้ขับรถยนต์มากกว่า 3 ใน 4 มองว่ารถยนต์ไฟฟ้ามีความน่าเชื่อถือ แต่ยังมีข้อกังวลที่สำคัญในบรรดาผู้ขับขี่หลายคนเกี่ยวกับกับรถยนต์อีวี อาทิ ผู้ขับขี่มองว่าโครงสร้างพื้นฐานไม่เพียงพอ (36%), กังวลความจุแบตเตอรี่ (39%) และกังวลค่าใช้จ่ายของยานพาหนะ (38%)

ขณะที่ราคารถยต์อีวีโดยเฉลี่ยในเดือน ต.ค. อยู่ที่ 51,762 ดอลลาร์ (ราว 1.8 ล้านบาท) ซึ่งต่ำกว่าระดับราคารถยนต์ปีก่อนราว 13,000 ดอลลาร์ (ราว 4.6 แสนบาท) แต่ยังคงสูงกว่าราคารถยนต์ทุกประเภท 4,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.4 แสนบาท)

รายงานของ Observatoire Cetelem 2024 ระบุว่า แม้ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ยุโรปหันไปสนใจอีวีมากขึ้น และมองข้ามเรื่องราคารถยนต์ไฟฟ้าไป แต่ราคาน้ำมันในสหรัฐถูกกว่าฝรั่งเศสและอังกฤษ 50% จึงทำให้อเมริกันไม่สามารถมองข้ามปัจจัยด้านราคารถยนต์ไปได้

ด้านผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) เทสลา ก็ชี้ว่าต้นทุนการกู้ยืมเพิ่มขึ้นเป็นอุปสรรคต่อการซื้อรถอีวีเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เทสลายังคงเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นในหมู่ยานยนต์อีวี โดยเคลลีย์ บลู บุ๊ก บริษัทวิจัยอุตสาหกรรม เผยว่า เทสลาครองสัดส่วนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 55% จากรถยนต์อีวีที่จำหน่ายได้ทั้งหมด 873,000 คันในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้

 

  • ต้องลดต้นทุน

“จิม ฟาร์ลีย์” ซีอีโอฟอร์ด คาดว่า การเปลี่ยนแปลงแบบพลวัต หรือการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและฉับพลันในตลาด ทั้งด้านราคา อัตราการใช้งาน และกฎระเบียบต่าง ๆ ล้วนบังคับให้ธุรกิจต้องลดต้นทุนยานยนต์อีวี

ด้านเจนเนอรัล มอเตอร์ คู่แข่งฟอร์ดและบริษัทยานยนต์ยักษ์ใหญ่ในเมืองดีทรอยต์ ก็ชะลอแผนการผลิตรถกระบะอีวีในโรงงานโอไรออน ในรัฐมิชิแกน เพื่อจัดการการลงทุนให้ดีขึ้น และให้สอดคล้องกับความต้องการรถยนต์อีวีที่เปลี่ยนแปลงไป

ขณะที่ฟอร์ดและเทสลาต่างพยายามลดความซับซ้อนของกระบวนการผลิตเพื่อลดต้นทุนเช่นกัน

รัฐบาลวอชิงตันได้อนุมัติเงินทุนประมาณ 7,500 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าและขยายการลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 7,500 ดอลลาร์ (2.65 แสนบาท) ต่อคัน และตั้งเป้าให้มีการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า 50% ของการจำหน่ายรถยนต์ทั้งหมด ภายในปี 2573 

แต่ซอนเดอร์ส จากโกลบอลดาต้าบอกว่า “เจ้าหน้าที่อยากให้เป้าหมายบรรลุในข้ามคืน แต่คุณไม่สามารถกำหนดเป้าหมายตามอำเภอใจได้ คุณต้องแน่ใจก่อนว่าโครงสร้างพื้นฐานเพียงพอ ในระยะยาวตลาดอีวีอาจจะดีขึ้น แต่ตอนนี้เติบโตช้ามาก”

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...