"หมอชลน่าน" สส.พรรคเพื่อไทย เสนอชื่อ "เศรษฐา ทวีสิน" แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย โหวตนายกฯ รอบ 3 "สว.วิวรรธน์" ประเดิม อภิปรายฯ คุณสมบัติผู้จะเป็นนายกรัฐมนตรี ติดใจเรื่องร้องเรียนเลี่ยงภาษีที่ดิน กว่า 500 ล้าน ที่ "ชูวิทย์" ปูด
เมื่อเวลา 10.54 น. ที่ประชุมรัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา นำ เข้าสู่การประชุม ในวาระสภาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี การเสนอชื่อบุคคลสมควรแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ในเสียง สส. 1 ใน 10 คือ ต้องมีผู้รับรองที่เป็น สส.จำนวน 50 คนขึ้นไป โดยใช้วิธีกดปุ่มแสดงตน ในการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
เวลา 10.58 น. นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ได้รับมอบหมาย 11 พรรคการเมือง ให้เสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เป็นบุคคลมีคุณสมบัติไม่มีลักษณะต้องห้ามตาม รธน.ม.160 นายเศรษฐา เป็นบุคคลสมควรแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนี้ โดยขอผู้รับรองเสนอชื่อ นายเศรษฐา ซึ่งก็ได้รับการรับรองที่ถูกต้อง ที่ 287 คน
เมื่อเวลา 11.06 น. วิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร สมาชิกวุฒิสภา อภิปรายคุณสมบัติผู้มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งผู้มาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์ ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งสำคัญ ฉะนั้นต้องได้รับการรับรองจากสภา
...
กรณีเลือก คุณเศรษฐา พรรคเพื่อไทยเพิ่งเสนอมาในช่วงอาทิตย์กว่าๆ เราพยายามติดตามว่า ท่านเศรษฐา ทำอะไร พยายามสอบถามเพื่อนแล้ว หลายคนบอกรู้จัก เป็นนักธุรกิจ แต่ไม่ทราบว่าท่านเป็นคนดี หรือรู้จักไหม เพราะส่วนใหญ่ไม่ได้คลุกคลี เกิดคำถาม เราไม่รู้จักเขาเลย แล้วเราจะเลือกเขาได้อย่างไร เกิดคำถามในใจทุกคน ประเทศจะอยู่ได้ไม่ได้ อยู่ที่นายกรัฐมนตรี เราไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใครมาจากไหน พรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้ทำเอกสารมาเสนอเลย
เราก็ไปหาตลอด เจอแต่ข่าวด้านลบ บางท่านก็ไปกล่าวหาเลี่ยงภาษี เอามายื่นให้เราทราบ เราก็ไม่รู้ว่าถูกต้องไม่ถูกต้อง บริษัทแสนสิริก็ออกมาตอบโต้ แต่ก็ไม่เคยเอาเอกสารที่ออกมาโต้ให้ สว.เลย คุณเศรษฐา ถูกโจมตีตลอด เราก็พยายามหาหลักฐาน ส่วนใหญ่ สว.ถามแล้วก็ไม่มีใครรู้จัก แล้วเราก็ไม่รู้จะเลือกได้ยังไง
เรื่องที่ถูกกล่าวหาคือซื้อที่ดินไม่ถูกต้อง มีการเลี่ยงภาษี ตรงนี้เราไปค้นทั้งกฎหมาย ข้อเท็จจริง ทั้งข่าว สรุปว่ามีการซื้อขายจริง ระหว่างแสนสิริกับบริษัทผู้ขาย มีการซื้อขายกันกว่า 1.5 พันล้านบาท โดยใช้วิธีให้แยกถือที่ดิน 12 คน 12 แปลง ทำให้เลี่ยงภาษีแค่ 59 ล้านบาท หากไม่แยกแบบนี้เสียทั้งแปลง ได้ 580 ล้าน หายไป 500 กว่าล้าน.