‘แฮสอะโวคาโด’ผนึกการค้า ผสานอาหาร‘ไทย-ออสเตรเลีย’

แจ็คกี้ จาร์วิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร อาหาร ป่าไม้ และธุรกิจขนาดย่อม รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย กล่าวกับกรุงเทพธุรกิจว่า รัฐของเธอซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกอะโวคาโดมีภูมิอากาศเหมือนกับแถบเมดิเตอร์เรเนียน มีฝนและฤดูหนาวมาก ไม่ค่อยมีวันแดดจัดเหมาะกับการปลูกอะโวคาโด โดยปลูกกันถึง 312,500 ไร่ ตั้งแต่ตอนเหนือถึงตอนใต้ได้ผลผลิตตลอดทั้งปี ปีนี้คาดการณ์ว่าจะผลิตได้ถึง 50,000 ตันและคาดว่าผลผลิตจะเพิ่มขึ้นอีก 

"เราให้คุณค่ากับการส่งออกมายังตลาดไทยมาก ประชากรเราไม่มากแต่ผลิตอะโวคาโดได้ถึง 50,000 ตันส่งออกไปยังเพื่อนบ้านและประเทศอื่นๆในเอเชีย" รมว.จาร์วิสกล่าวและว่า การทำเกษตรในออสเตรเลียเป็นธุรกิจครอบครัวเกือบทั้งหมด น่าจะมากกว่า 95% เหมือนกับประเทศไทย สิ่งที่กระทรวงทำคือสร้างความร่วมมือและบูรณาการห่วงโซ่อุปทานของเกษตรกรผู้ปลูก

"สิ่งที่เราทำคือนำอะโวคาโดมายังสถานที่คัคแยก ใช้เทคโนโลยีคัดเลือกผลตามขนาดให้เหมาะกับผู้บริโภค สถานที่บรรจุสินค้าได้มาตรฐานจากส่วนกลาง สร้างห่วงโซ่อุปทานหนึ่งเดียว   ข้อดีอีกอย่างคือรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียใกล้กับประเทศไทยมาก สามารถส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็วได้สินค้าที่สดใหม่" รมว.เกษตรเจ้าของพื้นที่ยืนยันถึงข้อเด่นของรัฐ 

สำหรับคนไทยที่ชอบรับประทานอะโวคาโดจะเห็นได้ว่าตอนนี้ในตลาดมีอะโวคาโดวางขายมากมายรวมทั้งที่ปลูกในท้องถิ่น แล้วรัฐมนตรีจะมั่นใจได้อย่างไรว่าอะโวคาโดจะแข่งในตลาดไทยได้

“ดิฉันรู้ดีค่ะว่าเกษตรกรสำคัญกับประเทศไทยมาก และภาคเกษตรเป็นภาคส่วนสำคัญ เมื่อเรานำอะโวคาโดเข้ามาเราก็ไม่อยากทำให้เกษตรกรท้องถิ่นไม่สบายใจ อยากทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด คุณมีประชากรจำนวนมากหวังก็ว่าคงมีคนชอบอะโวคาโดออสเตรเลียบ้าง” 

อีกหนึ่งปัญหาที่มองข้ามไม่ได้คือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ออสเตรเลียประสบทั้งคลื่นความร้อน ภัยแล้ง กระนั้นรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียก็มีทางออกที่ไม่กระทบต่อผลผลิต  

“ฝนในเวสเทิร์นออสเตรเลียตกน้อยลงบ้าง แต่พื้นที่ปลูกอะโวคาโดเป็นพื้นที่หนึ่งที่ฝนตกมาก เราใส่ใจเรื่องความยั่งยืนมากค่ะ ทำการวิจัยและพัฒนามากมายเพื่อให้มั่นใจได้ว่าเราใช้น้ำน้อยที่สุดให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดด้วยระบบน้ำหยด ทวีปออสเตรเลียมีทะเลทรายเป็นส่วนใหญ่เราต้องใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด สภาพอากาศแปรปรวนจึงไม่ส่งผลกระทบต่อผลผลิต” รัฐมนตรียืนยันพร้อมเผยว่า ปีแรกที่ส่งสินค้ามาขายในตลาดไทยยังไม่ได้คาดหวังกับมูลค่าและส่วนแบ่งตลาดมากนัก 

“เราแค่อยากทำงานใกล้ชิดกับผู้ซื้อและหวังเพิ่มส่วนแบ่งตลาด สินค้าล็อตแรกน่าจะเป็นประมาณ 8,000 ถาดก็ต้องทำงานร่วมกับผู้ซื้อ เบื้องต้นยังไม่ได้คาดหวังกับส่วนแบ่งตลาด แค่มั่นใจว่าสินค้าของเราเป็นสินค้าคุณภาพที่ผู้บริโภคต้องชอบ” 

การนำเข้าอะโวคาโดคราวนี้ต้องใช้เวลาเจรจากันนานถึง 10 ปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทยมีบทบาทอย่างมาก ดร. แอนเจลา แมคโดนัลด์ เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทยชื่นชมความสำเร็จของการดำเนินความร่วมมือระหว่างหลายภาคส่วนในช่วงกว่าทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะกระทรวงการเกษตรของไทยและออสเตรเลีย ทูตพาณิชย์และการลงทุนอาวุโสออสเตรเลียประจำประเทศไทย และสถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย "พวกเราทำงานมาตลอดเพื่อสร้างหลักประกันว่า อะโวคาโดจากออสเตรเลียได้มาตรฐานทุกอย่างตามที่กำหนดสำหรับการนำเข้ามายังประเทศไทย แม้จะเจรจากันนานแต่คนไทยมั่นใจได้ถึงคุณภาพสินค้าที่ได้รับความนิยมของผู้บริโภค" ทูตกล่าวถึงคนทำงานเบื้องหลังรวมถึงมองรสนิยมของผู้บริโภคชาวไทย

“ตามประสบการณ์ของดิฉันลูกค้าชาวไทยความสด ผลิตอย่างมีคุณภาพชั้นเยี่ยม ชอบสินค้าที่ผลิตอย่างคำนึงถึงความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม แน่นอนรสชาติต้องดีด้วยค่ะ คนไทยชอบอาหารไม่ใช่แค่อาหารไทยแต่ทุกอย่าง ลองนึกภาพอาหารเม็กซิกัน guacamole หรืออะโวคาโดโทสต์ที่นิยมรับประทานเป็นบรันช์มีขายหลายที่ในกรุงเทพฯ จึงมีโอกาสอีกมากให้คนไทยได้ลิ้มลองรสชาติของอะโวคาโดในชีวิตประจำวัน” 

ในภาพกว้างเรื่องการค้าระหว่างสองประเทศ ทูตแมคโดนัลด์กล่าวว่าออสเตรเลียและไทยได้ประสานงานกันอย่างใกล้ชิด  ออสเตรเลียนำเข้าสินค้าหลายชนิดจากไทยที่เด่นๆ คือกุ้งและอาหารทะเล ขณะเดียวกันออสเตรเลียก็ส่งออกสินค้าคุณภาพสูงมายังประเทศไทยที่ดังมากๆ คือเนื้อวัว เนื้อแกะ ผัก ผลไม้ ตอนนี้ก็มีอะโวคาโดซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรผู้ปลูกทั้งสองประเทศ รวมถึงผู้บริโภคที่มีตัวเลือกมากขึ้น ได้มีประสบการณ์อาหารที่แตกต่างออกไป

ทั้งนี้ ทูตแมคโดนัลด์ซึ่งรับตำแหน่งในเมืองไทยมาราวหนึ่งปีเต็ม รู้จักเมืองไทยระดับหนึ่ง เธอเล่าว่า คนออสเตรเลียนั้นชอบอาหารไทย มีอาหารไทยมากมายในออสเตรเลีย คนไทยโพ้นทะเลจำนวนมากในออสเตรเลียให้ความสำคัญกับอาหารไทย 

"เราชอบรับประทานอาหารไทยกันมากค่ะ เมื่อมาเป็นทูตที่นี่ก็เห็นว่าคนไทยจำนวนมากชอบชิมอาหารใหม่ๆ อย่างขนมปังสแมชอะโวคาโดใส่เฟตาชีสที่เป็นอาหารเช้าควบเที่ยง (บรันช์) ของออสเตรเลียได้รับความนิยมมากในคาเฟ่หลายแห่งทั่วกรุงเทพฯ หารับประทานได้ง่าย จากประสบการณ์และข้อมูลดิฉันคิดว่าผู้บริโภคชาวไทยต้องการสินค้าคุณภาพสูง ราคาดีรสชาติเยี่ยม คำนึงถึงความยั่งยืนซึ่งอะโวคาโดออสเตรเลียตอบโจทย์ทั้งหมด"

แน่นอนว่าทูตเองก็ชอบอะโวคาโดมาก แต่ยังโอลด์แฟชั่นคือชอบรับประทานสด ผ่าครึ่งโรยพริกไทยรับประทานกับน้ำสลัดบัลซามิกหรือฝานวางบนขนมปัง 

“แม้จะโอลด์แฟชั่นแต่ดิฉันคิดว่าอะโวคาโดจะให้รสชาติดีเมื่อทานสดนะคะ” ทูตแมคโดนัลด์ย้ำ รัฐมนตรีจาร์วิสได้ทีกล่าวเสริมว่า  ที่ออสเตรเลียอะโวคาโดนิยมใช้เป็นอาหารทารกเช่นเดียวกับกล้วย เพราะอุดมไปด้วยสารอาหาร

ส่วนผู้บริโภคชาวไทยต่อไปนี้คงเป็นโอกาสที่ทารกจะได้รับประทานผลไม้ระดับซูเปอร์ฟู้ดจากออสเตรเลียเป็นอาหารเสริมนอกเหนือจากกล้วยกันบ้างแล้ว 

“อะโวคาโด”จากออสเตรเลียมีเนื้อเข้มข้น รสมันเนย ครีมเนียนอ่อนนุ่ม ละมุนลิ้น เหมาะกับผู้บริโภคทุกวัย 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘ไทย’ ร่วงลงสองอันดับ! ใน IMD World Talent Ranking ปี 2024 ส่วนสิงคโปร์นำโด่ง

จากการจัดอันดับ “ประเทศที่มีความเป็นเลิศในด้านบุคลากรผู้มีความสามารถประจำปี 2024” (The 2024 IMD Worl...

Apple วางขาย iPhone 16 พร้อมนวัตกรรมความยั่งยืน ใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิล 85%

Apple ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอีกครั้ง ด้วยการวางขาย iPhone 16 ที่เน้นความยั่งยืน โด...

ผล 1 ปีกับความคืบหน้า ESG Symposium ส่งไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ สู้โลกเดือด

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เห็นผลเป็นรูปธรรม ตาม 4 ข้อเสนอจากงาน ESG Symposium 2023 ทั้งสร้าง "สระบุรี...

‘ลาซาด้า’ เดินเกมทำกำไร ชู '3 กลยุทธ์' สร้างยุคใหม่อีคอมเมิร์ซ

วาริสฐา เกียรติภิญโญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย กล่าวว่า ลาซาด้ายังเดินหน้าลงทุนใน...