"โพล" คนเชื่อมั่นเงินดิจิทัลสูง กระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ห่วงเข้าทางมิจฉาชีพ

"ซูเปอร์โพล" เผย คนเชื่อมั่นเงินดิจิทัลสูง หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ ก.ต.ช.ห่วงระบบเทคโนฯ ล่ม เข้าทางมิจฉาชีพซ้ำเติม หลอกประชาชน เสนอ 3 ทางออก ป้องกันอย่างยั่งยืน

วันที่ 30 ต.ค. ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้ก่อตั้งซูเปอร์โพลและศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ วอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ กล่าวว่า ในฐานะผู้แทนภาคประชาชนในกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ที่เป็นอีกบทบาทหนึ่งเกี่ยวข้องกับนโยบายตำรวจแห่งชาติ ดูแลความปลอดภัยของประชาชน ที่ศึกษาข้อมูลสำรวจความเห็นของประชาชนต่อนโยบายรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท พบว่า มีความจำเป็นที่รัฐบาลและหน่วยงานของรัฐต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน ในการยอมรับนโยบายแจกเงินดิจิทัลนี้ไปใช้อย่างปลอดภัย และเต็มเม็ดเต็มหน่วย เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างยั่งยืน สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล จึงได้ทำการศึกษา เงินดิจิทัลในความปลอดภัยของประชาชนบนโลกไซเบอร์ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนตัวอย่าง 2,123 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 20-28 ตุลาคม พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา

โดยเมื่อถามถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจครอบคลุมทั่วประเทศ จากนโยบายแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พบว่า ระดับความเชื่อมั่นของประชาชนสูงถึงร้อยละ 71.0 ไม่เชื่อมั่นร้อยละ 29.0 แต่เมื่อสอบถามถึงการสนับสนุนให้รัฐบาลลงทุนระหว่างความมั่นคงของชาติ กับการแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาล พบว่า ใกล้เคียงกันในสามกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถาม คือ ร้อยละ 35.5 สนับสนุนการลงทุนด้านความมั่นคงของชาติ ร้อยละ 31.2 สนับสนุนด้านการแจกเงินดิจิทัล และร้อยละ 33.3 ไม่มีความเห็น

เมื่อสอบถามถึงประสบการณ์เคยถูกคุกคามไม่ปลอดภัยทางออนไลน์ พบประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 55.9 เคยเจอภัยคุกคามทางออนไลน์ค่อนข้างมาก ร้อยละ 35.2 ระบุปานกลาง และร้อยละ 8.9 ระบุค่อนข้างน้อยถึงไม่เคยเลย อย่างไรก็ตาม ประมาณครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 50.6 หวาดกลัวค่อนข้างมากถึงมากที่สุดต่ออาชญกรรมทางออนไลน์ ร้อยละ 35.3 ปานกลาง และร้อยละ 14.1 ค่อนข้างน้อยถึงไม่เลย

...

ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้ก่อตั้งซูเปอร์โพลและศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ วอชิงตัน ดีซี ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ กล่าวว่า ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่า ประชาชนมีความเชื่อมั่นว่าการแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาล จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจครอบคลุมทั่วประเทศ เพราะมีค่าความเชื่อมั่นสูงเกินกว่า 70 ขึ้นไป แต่ในบริบทของความไม่ปลอดภัยทางไซเบอร์ ที่กำลังคุกคามต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมากในขณะนี้ จึงจำเป็นต้องออกแบบวางระบบด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างรอบด้านทุกมิติของนโยบายสำคัญของรัฐบาลนี้

"การใช้ระบบเทคโนโลยีแจกเงินดิจิทัลที่รัฐบาลเคยประกาศไว้ว่าจะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งถือว่าเป็นการตัดสินใจที่จะใช้เทคโนโลยีนี้ โดยมีข้อดีอย่างน้อย 3 มิติคือ ความปลอดภัย ความโปร่งใส และความคุ้มค่าเชิงเศรษฐกิจและสังคม เพราะเทคโนโลยีบล็อกเชนมีการลงรหัสแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่ยากต่อการโจรกรรม และมีความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล เห็นหมดใครทำอะไรในระบบนั้น และจะก่อให้เกิดความคุ้มค่าเชิงเศรษฐกิจและสังคม ตรงที่การต่อยอดกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นและข้อมูลภายในระบบเทคโนโลยีแจกเงินดิจิทัลที่ได้ จะนำมาออกแบบวางแผนสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ การเกาะติดพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอย ข้อมูลด้านวินัยการเงินของประชาชน ที่จะให้ความแม่นยำแบบกึ่งใกล้เรียลไทม์ และสามารถพยากรณ์วางแผนทางเศรษฐกิจให้กับรัฐบาลได้มีประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์สูง" ผู้ก่อตั้งซูเปอร์โพล กล่าว...

ผู้ก่อตั้งซูเปอร์โพล กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือ ความไม่ปลอดภัยนอกระบบบล็อกเชน เพราะประชาชนทำธุรกรรมอื่นๆ นอกระบบเทคโนโลยีเงินดิจิทัลจำนวนมากเป็นธุรกรรมอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในระบบบล็อกเชนและข้อมูลส่วนตัวของประชาชนอยู่ในมือถือของประชาชน ที่ง่ายต่อการถูกโจรกรรมทั้งข้อมูลส่วนตัว เลขบัตรประชาชน เลขที่บัญชีธนาคาร และข้อมูลละเอียดอ่อนอื่นๆ ของประชาชน ดังนั้นทางออกมีอยู่อย่างน้อย 3 แนวทาง ได้แก่

1. รัฐบาลควรโอนความเสี่ยงอันตรายทางไซเบอร์ที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนไปอยู่กับหน่วยงานของรัฐ สถาบันการเงินการธนาคาร และภาคเอกชน ผู้ประกอบการต่างๆ เพราะมีศักยภาพด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์มากกว่าประชาชนชาวบ้านทั่วไป ผ่านช่องทางการเข้าถึงการแจกเงินดิจิทัลที่หลากหลาย เช่น ใช้บัตรประชาชนใบเดียวพร้อมมีรหัสประจำบัตร ใช้สมาร์ทโฟนและใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีอื่นๆ โดยแนวทางนี้จะช่วยลดอันตรายทางไซเบอร์จากพวกมิจฉาชีพออนไลน์ ช่วยลดภาระของชาวบ้านที่ต้องหาเงินซื้อสมาร์ทโฟน แต่แนวทางนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับชาวบ้านผู้มีรายได้น้อย ผู้อยู่ในพื้นที่ห่างไกลเทคโนโลยีตามแนวชายแดนจำนวนกว่า 6 ล้านคน ให้สามารถเข้าถึงการแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาล และได้รับประโยชน์จากนโยบายแจกเงินดิจิทัลนี้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยและยั่งยืน

2. รัฐบาลควรจัดตั้งหน่วยงานกลางของรัฐ บริการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์แบบทางไกลให้ประชาชน ที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย ราคาถูก หรือบริการฟรีแต่ปลอดภัย ให้กับประชาชนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนต่างๆ

3. รัฐบาลควรใช้งบประมาณส่วนหนึ่งด้านการศึกษา และการสื่อสารความปลอดภัยทางไซเบอร์ ในการเสริมสร้างความรู้เท่าทัน ความตระหนักถึงความไม่ปลอดภัยในโลกไซเบอร์ เพราะวันนี้ประชาชนชาวบ้านมีความกังวล และหวาดกลัวต่ออันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับร่างกายและทรัพย์สินของประชาชน.

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

อิสราเอลโจมตีพุ่งเป้าสำนักงานใหญ่ข่าวกรองฮิซบอลเลาะห์ในเบรุต

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานตามปากคำผู้เห็นเหตุการณ์ว่า ได้ยินเสียงระเบิดหนึ่งครั้งและเห็นกลุ่มควันลอยเห...

กองทัพ ‘สหรัฐ’ เคลื่อนทัพทลายแหล่ง ‘กบฏฮูตี’ 15 แห่งใน ‘เยเมน’

กองบัญชาการกลางสหรัฐได้โพสต์ใน X ว่า การโจมตีฮูตี มีขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นวานน...

บัณฑิตจีนหางานยากมาก สมัครไป 50 แห่ง แต่ไร้คำตอบ เลยหันไป ‘เกษียณอายุ’ ในชนบทแทน

หากคิดว่าหางานใน “ไทย” ยากแล้ว ใน “จีน” กลับยิ่งหางานยากกว่ามาก แม้มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก...

รู้จัก ‘สายมู’เบลเยียม ท่องสำนักไล่ปีศาจแห่งบรัสเซลส์

เทียร์รี โมเซอร์ ผู้เป็นทั้งนักบวชคาทอลิกและหมอผีมีพันธกิจสองอย่าง นั่นคือการบรรเทาความทุกข์ของผู้คน...