"พิชัย" เชียร์ จังหวะดี "ดิจิทัลวอลเล็ต" ออกมาช่วงเศรษฐกิจโลก กำลังแย่

พิชัย นริพทะพันธุ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ระบุ จังหวะดี โครงการ "ดิจิทัลวอลเล็ต" ออกมาในช่วงเศรษฐกิจโลก กำลังแย่ ปัดให้ความเห็น ออก พ.ร.ก.กู้เงิน ชี้ ต้องมีเงินใน-นอกระบบ มากระตุ้น มั่นใจ นักลงทุน เชื่อมั่นหลังเปลี่ยนรัฐบาล

วันที่ 19 ต.ค. 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเสียง วิพากษ์วิจารณ์ โครงการดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล ว่า อยากให้มองอนาคตภาพรวมปัญหาเศรษฐกิจของโลกที่กำลังจะแย่ และจากการเกิดปัญหาเศรษฐกิจกับจีน ที่มองว่า จะมีการถดถอย ไม่แตกต่างจากสหรัฐอเมริกาที่จะมีการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งจะส่งผลกระทบไปทั้งโลก ส่วนการสู้รบในอิสราเอล รวมถึงรัสเซียและยูเครน ก็จะทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น ดังนั้นหากมีวิสัยทัศน์ที่ไกล อีกไม่กี่เดือน จะมีปัญหาเกิดขึ้น

หากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตออกมา ในจังหวะพอดีช่วงเศรษฐกิจโลกเกิดปัญหา ตนเองมองว่าจะช่วยประคองเศรษฐกิจไทยไปได้ ซึ่งอยากเห็นเศรษฐกิจไทยโตร้อยละ 5 ทั้งนี้ ตามหลักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่า ถ้ามีเม็ดเงินจากข้างนอกเข้ามาจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้นบางส่วนอาจจะเป็นเงินงบประมาณเดิม บางส่วนเป็นเงินนอกงบประมาณ

ส่วนแนวโน้มออก พ.ร.ก.กู้เงินมาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต นั้น นายพิชัย กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ทราบต้องสอบถามจาก นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่ดูแลโครงการนี้โดยตรง แต่ตามหลักเศรษฐศาสตร์ทั่วไป หากนำเงินเก่ามาใช้จะไม่เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องใช้เงินจากข้างนอกและข้างในมาช่วย เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัว เพราะใช้เงินเก่าไม่กระตุ้นต้องใช้เงินใหม่ ทั้งนี้ หากมอง 5 เดือน ย้อนหลัง พบว่า เงินเฟ้อในประเทศไทยต่ำมาก พอเพียงร้อยละ 0.2-0.8 ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดี ในขณะที่ทั่วโลกอย่างสหรัฐอเมริกา โตขึ้นร้อยละ 3-4 ส่วนที่ยุโรปโตขึ้น ร้อยละ 5-6 เช่นเดียวกับอังกฤษ นั่นหมายความว่ากำลังซื้อ ของคนไทยกำลังหด เหมือนจีนที่กำลังซื้อติดลบ นั่นหมายความว่า คนไม่มีปัญญาซื้อ แม้จะมีการลดราคาของแต่คนก็ไม่มีกำลังซื้อ ซึ่งเป็นปัญหา ดังนั้นจึงต้องมีโครงการต่างๆ เพื่อมากระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะมีการอัดฉีดเงินในระบบไหนก็ตาม จึงเป็นเรื่องที่จำเป็น ดังนั้นการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจต้องดูที่ภาพใหญ่ ตามหลักการของพรรคเพื่อไทยคือคิดใหญ่ทำเป็น

...

นายพิชัย ยังมองว่า ขณะนี้ หนี้สาธารณะของประเทศไทยอยู่ที่ 11 ล้านล้านบาท แต่เศรษฐกิจเติบโต เพียงแค่ กว่าร้อยละ 1 แต่เชื่อว่า ต่อไปนี้จะต้องดีขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีเอง ได้มีการเดินสายหานักลงทุนเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ เพราะที่ผ่านมาถือว่า การลงทุนในไทยไม่ดี การส่งออกก็ชะลอตัว แต่ขณะนี้มีทิศทางที่ดีขึ้น นักลงทุนสนใจ จะมาลงทุนด้านรถไฟฟ้าอีวีในไทย ขณะเดียวกันมีความเชื่อมั่นมากขึ้นหลังมีการเปลี่ยนรัฐบาล และเชื่อมั่นในตัวนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่มาจากภาคธุรกิจและมีประสบการณ์ จึงเป็นสัญญาณที่ค่อนข้างดี สำหรับนักลงทุน ที่จะมาลงทุนในประเทศไทย เพียงแต่ภาวะเศรษฐกิจโลกอาจยังไม่เอื้ออำนวย ซึ่งต้องฝ่าฟันกับภาวะเศรษฐกิจโลก ในภาวะเช่นนี้ด้วย ทั้งนี้ต้องจับตาว่าเมื่อเศรษฐกิจของโลก ฟื้นตัวแล้วประเทศไทยจะก้าวต่ออย่างไร

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...