“เศรษฐา” ปลื้ม “ปูติน” ประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าว “ขอบคุณครับ” หลังเชิญเยือนไทยปีหน้า เผย เตรียมถกนายกฯ จีน วีซ่า-เรือดำน้ำ-รถไฟความเร็วสูง ยัน พร้อมต้อนรับเต็มที่ หลังหลายธุรกิจสนใจลงทุนในไทย
สำหรับภารกิจ วันที่ 2 ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ในการร่วมประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperation: BRF) ครั้งที่ 3 และเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 16-19 ต.ค. เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 18 ต.ค. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงปักกิ่ง เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง) นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ถึงการพบปะกับผู้นำระดับโลกเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ว่า ได้มีโอกาสได้พบกับ
นายจ้าว เล่อจี้ ประธานสภาประชาชนแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มีการพูดคุยกันด้วยดีและแสดงเจตจำนงที่จะให้สมาชิกรัฐสภารุ่นใหม่มาพบปะพูดคุยกันมากขึ้น กระชับความสัมพันธ์กันระหว่าง 2 รัฐสภา และได้ชื่นชมกันถึงการแก้ปัญหาความยากจน เป็นการพบปะกันด้วยดี จากนั้นได้พบกับนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย มีการโอภาปราศรัยที่ดี ซึ่งประธานาธิบดีรัสเซียได้บอกว่า ไทยและรัสเซียมีความสัมพันธ์ที่ดีกันมา 125 ปี และมีการแลกเปลี่ยนทางด้านการค้า วัฒนธรรม และหลายๆ เรื่อง อีกทั้งนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทยที่ผ่านมา 1 ล้านกว่าคนแล้ว และดีใจที่ไทยได้เพิ่มจำนวนวันพำนักให้กับนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียจาก 30 วัน เป็น 90 วัน ซึ่งจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้
"ประธานาธิบดีรัสเซียเองก็ชอบภูเก็ต เข้าใจว่า เดินทางมาเป็นประจำ ซึ่งผมได้เชื้อเชิญท่านว่าในปีหน้าขอให้มาเยี่ยมเยียนประเทศไทย ท่านก็พยักหน้าพร้อมกล่าวคำว่า “ขอบคุณครับ” ซึ่งเมื่อท่านพูดภาษาไทยได้ก็แสดงว่า มีความคุ้นเคยที่ดี ทั้งกับอดีตผู้นำด้วยและหลายๆ อย่าง ซึ่งมีการพูดจากันด้วยดีอย่างมาก" นายกฯ กล่าว
...
นายกฯ กล่าวว่า ขณะที่ช่วงค่ำได้ร่วมงานเลี้ยงรับประทานอาหารค่ำ ที่นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นเจ้าภาพ เลี้ยงรับรองกับผู้นำทั้ง 20 กว่าประเทศ ซึ่งระหว่างรอได้พบปะพูดคุยกับผู้นำจากสปป.ลาว เวียดนาม และกัมพูชา โดยเป็นการพูดคุยกันที่ดี ซึ่งตนจะเดินทางไปเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการด้วย เพราะเป็นประเทศในอาเซียนที่ยังไม่ได้ไปเยือน และทางสปป.ลาวทราบดีว่าระหว่างวันที่ 29-30 ต.ค. ตนจะเดินทางไปเยือนอย่างเป็นทางการ ซึ่งท่านยินดีและพร้อมที่จะเจอกับเราอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตามมีโอกาสได้พบกับนายสีจิ้น ผิง ในเวลาสั้นๆ ได้ถ่ายรูปและทักทายกันกับท่านและภรรยา และนั่งร่วมโต๊ะกับรองประธานาธิบดี ที่เป็นเบอร์ 2 ได้มีการพูดคุยกันเรื่องเศรษฐกิจ และสัมพันธภาพที่ดีระหว่างสองประเทศ รวมทั้งเรื่องที่จะมีการพูดคุยกันอย่างเป็นทางการในวันเดียวกันนี้ ทั้งเรื่องวีซ่าที่หวังว่าจะมีการทำให้เป็นระยะยาวไปเลยทั้งสองประเทศคือต้องวีซ่าฟรีหรือฟรีวีซ่าทั้ง 2 ประเทศ เป็นการพูดคุยกันที่ดี นอกจากนี้ยังได้พบกับเลขาธิการสหประชาชาติด้วย ได้มีการพูดคุยกันถึงสถานการณ์ในอิสราเอล
นายเศรษฐา กล่าวว่า สำหรับภารกิจในวันที่ 18 ต.ค. เป็นการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperration - BRF) ครั้งที่ 3 และช่วงบ่ายจะเป็นการกล่าวสุนทรพจน์ อีกทั้งวันเดียวกันนี้จะได้พบกับบริษัทจีนเพิ่มมากขึ้น โดยจะเจอกับทางจีลี่ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกบริษัทหนึ่ง ต่อเนื่องจากที่ได้ไปเจรจามาจากมาเลเซีย ซึ่งเขากับโปรตอนน่าจะสนใจที่จะเข้ามาตั้งโรงงาน ซึ่งกำลังการผลิตปีละประมาณ 100,000 คัน ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี และมีความคืบหน้าในการเจรจา เป็นสานต่อจากรัฐบาลที่แล้ว อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เราได้เปิดประเทศแล้วมีนักธุรกิจจากหลายประเทศ ให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งเราก็พร้อมต้อนรับอย่างเต็มที่
"เมื่อเราได้ประกาศว่าเราเปิดประเทศแล้วก็มีนักธุรกิจหลายคนเพราะแต่ละคนก็มีพรรคพวกเพื่อนฝูง ก็ได้มาขอเจรจาพูดคุย รวมทั้งมีการเสนอแนะ ซึ่งไทยพร้อมเสมอ วันนี้เราไม่ต้องการให้บริษัทต่างๆ เข้ามาแค่การผลิตรถยนต์ ไม่เช่นนั้นประเทศเราก็จะได้แต่ค่าแรงเพียงอย่างเดียว แต่ถ้ามีหลายบริษัทสนใจเข้ามา ทั้งการผลิตอุปกรณ์ ความต้องการต่างๆ ก็จะมีเพิ่มมากขึ้นถือเป็นเรื่องดี วันนี้ก็จะมีการสานต่อเพื่อการพัฒนาและร่วมงานกันที่ดีต่อไป ทั้งนี้เมื่อเราบอกว่าเปิดประเทศแล้วก็มีหลายธุรกิจที่สนใจจะเข้ามาตั้งโรงงานในประเทศไทย" นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า สำหรับการเดินทางเข้าร่วมประชุมและเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ มีภาคธุรกิจของไทย เดินทางมาร่วมงานจำนวนมาก ทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งจะได้พบและหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันว่าอยากให้รัฐบาลมีส่วนช่วยเหลือผลักดันอย่างไร และในช่วงเย็นวันเดียวกันจะได้หารือทวิภาคีกับนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งประเด็นที่จะมีการหารือกัน จะมีเรื่องวีซ่า เรือดำน้ำ การค้า การลงทุน รถไฟความเร็วสูง