"สว.สถิตย์" แนะยุทธศาสตร์ชาติเป็นจริงต้องยึดเป้าหมาย-งบประมาณ

ในการประชุมวุฒิสภา เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2566 มีการเสนอรายงานการดำเนินงานของคณะยุทธศาสตร์ชาติพ.ศ. 2565

โดยนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์สมาชิกวุฒิสภาได้เสนอแนะยุทธศาสตร์สร้างความสามารถในการแข่งขันใน 3 ประการ คือ ประการแรก ต้องรักษาเป้าหมายตั้งแต่เริ่มต้นของการทำยุทธศาสตร์นี้คือ

1. ต้องให้มีการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยต่อปีร้อยละ 5

2. ต้องมีผลิตภาพการผลิตรวม (Total Factor Productivity) เฉลี่ยต่อปีร้อยละ 2.5

3. ลำดับความสามารถในการแข่งขันของสถาบันระหว่างประเทศ ว่าด้วยการพัฒนาการจัดการ หรือ IMD ต้องอยู่ในลำดับ 1-20

นายสถิตย์ กล่าวอีกว่า เพื่อทำให้การก้าวไปสู่ยุทธศาสตร์ความสามารถในการแข่งขันเป็นไปได้ดียิ่งขึ้นจึงอยากจะเสนอเป้าหมายเพิ่มเติมอีก 2 เป้าหมาย คือ ควรเพิ่มเป้าหมายงบประมาณด้านการลงทุน อย่างน้อยต้องมีงบประมาณการลงทุน ร้อยละ 20 ของงบประมาณประจำปีและควรมีงบประมาณ ด้านการวิจัยและพัฒนาเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 0.5 ของงบประมาณประจำปีปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ ร้อยละ 0.1

ประการที่ 2 นายสถิตย์เสนอว่า การดำเนินการตามยุทธศาสตร์จะต้องดำเนินการตามแนวคิดภาคปฏิบัติเชิงยุทธศาสตร์(Strategic Pracmatism) ถ้าหากดำเนินการตามแนวคิดนี้จะทำ ให้การปฏิบัติทั้งหมด ทั้งแผนแม่บท แผนงาน โครงการ ยึดโยง เหนียวแน่นอยู่กับยุทธศาสตร์ เพราะถ้า ไม่ดำเนินการเช่นนี้ นานไปก็จะกลายเป็นงานประจำ และลืมไปแล้วว่างานประจำแท้จริง คือ ต้องดำเนินการเพื่อให้บรรลุยุทธศาสตร์

เพราะฉะน้้นการดำเนินการ เราจะต้องยึดถือแนวคิดการปฏิบัติเชิงยุทธศาสตร์ซึ่งในการดำเนินงานเชิงยุทธศาสตร์ความสามารถในการแข่งขัน นั้นมีอยู่5 ประเด็นยุทธศาสตร์ในแต่ละประเด็น ควรจะจัดลำดับความสำคัญ หรือเพิ่มน้ำหนักแตกต่างกัน เพื่อที่สนับสนุนให้การเติบโตตามเป้าหมายเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น ในประเด็นยุทธศาสตร์ด้านเกษตรเพิ่มมูลค่า ควรจะให้ความสำคัญและน้า หนักกับเกษตรอัจฉริยะ และเกษตรแปรรูป เพราะ 2 เรื่องนี้จะทำให้ผลิตผล ทางด้านการเกษตรที่เกิดจากเกษตรอจัฉริยะดีขึ้น จะทำให้ผลิตภัณฑ์การเกษตรจากการแปรรูปเพิ่มมูลค่าขึ้น ส่งผลให้ยุทธศาสตร์ว่าด้วยการเกษตรเพิ่มมูลค่า ประสบความสำเร็จมากเพิ่มขึ้น

นายสถิตย์ กล่าวอีกว่า เพื่อทำให้การก้าวไปสู่ยุทธศาสตร์ความสามารถในการแข่งขันเป็นไปได้ดียิ่งขึ้นจึงอยากจะเสนอเป้าหมายเพิ่มเติมอีก 2 เป้าหมาย คือ ควรเพิ่มเป้าหมายงบประมาณด้านการลงทุน อย่างน้อยต้องมีงบประมาณการลงทุน ร้อยละ 20 ของงบประมาณประจ าปีและควรมีงบประมาณ ด้านการวิจัยและพัฒนาเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 0.5 ของงบประมาณประจำปีปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ ร้อยละ 0.1 ประการที่ 2 นายสถิตย์เสนอว่า การด าเนินการตามยุทธศาสตร์จะต้องดำเนินการตามแนวคิดภาคปฏิบัติเชิงยุทธศาสตร์(Strategic Pracmatism) ถ้าหากดำเนินการตามแนวคิดนี้จะทา ให้การปฏิบตัิท้งัหมด ท้งัแผนแม่บท แผนงาน โครงการ ยึดโยง เหนียวแน่นอยู่กับยุทธศาสตร์ เพราะถ้า ไม่ดำเนินการเช่นนี้ นานไปก็จะกลายเป็นงานประจำ และลืมไปแล้วว่างานประจำแท้จริง คือ ต้องดำเนินการเพื่อให้บรรลุยุทธศาสตร์

เพราะฉะน้นนการดำเนินการ เราจะต้องยึดถือแนวคิดการปฏิบัติเชิงยุทธศาสตร์ซึ่งในการดำเนินงานเชิงยุทธศาสตร์ความสามารถในการแข่งขัน น้ันมีอยู่5 ประเด็นยุทธศาสตร์ในแต่ละประเด็น ควรจะจัดลำดับความส าคัญ หรือเพิ่มน้ำหนักแตกต่างกัน เพื่อที่สนับสนุนให้การเติบโตตามเป้าหมายเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น ในประเด็นยุทธศาสตร์ด้านเกษตรเพิ่มมูลค่า ควรจะให้ความสำคัญและน้า หนักกับเกษตรอัจฉริยะ และเกษตรแปรรูป เพราะ 2 เรื่องนี้จะทำให้ผลิตผล

ทางด้านการเกษตรที่เกิดจากเกษตรอจัฉริยะดีขึ้น จะทำให้ผลิตภัณฑ์การเกษตรจากการแปรรูปเพิ่มมูลค่าขึ้น ส่งผลให้ยุทธศาสตร์ว่าด้วยการเกษตรเพิ่มมูลค่า ประสบความสำาเร็จมากเพิ่มขึ้น

ส่วนประเด็นยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต นายสถิตย์เห็นว่า ควรให้ความสำคัญ และเพิ่มน้ำหนักกับการแพทยค์รบวงจร เพราะไทยได้ตั้งเป้าไวแ้ลว้วา่ เราจะเป็นศูนยก์ลางทางการแพทยค์รบวงจร การให้น้ำหนักในเรื่องนี้จะทำให้เจตจำนงเป็นความจริง และทำให้การเติบโตทางด้านอุตสาหกรรม และบริการดา้เพิ่มขึ้น

ส่วนประเด็นอุสหากรรมและบริการดิจิทัล ข้อมูล และปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมและบริการของปัจจุบันและอนาคต ก็ต้องวางรากฐานให้เข้มแข็ง สร้างความเติบโต เพิ่มมูลค่าทางรายไดข้้ึนมา ด้านประเด็นยุทธศาสตร์การสร้างความหลากหลายด้านการท่องเที่ยว ควรเพิ่มน้ำหนักให้กับการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมสร้างสรรค์หรือ Soft Power ซึ่งจะนำความเป็นไทยหรือวัฒนธรรมภูมิปัญญา ประวัติศาสตร์ต่างๆ ให้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจข้ึนมาทั้ง ในระดับประเทศ รวมถึงการส่งออกทุนทางวัฒนธรรม ในประเด็นยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานเชื่อมไทยเชื่อมโลก ควรให้ความสำคัญ อย่างมากกบัการเพิ่มพื้นที่เมืองและเศรษฐกิจ ในปัจจุบันประเทศไทย

ความเจริญกระจุกตัวอยู่ที่ 15 จังหวัด เดิมกระจุกตัวอยู่ที่กรุงเทพฯ ที่เรียกกันว่า “เมืองไทย คือ กรุงเทพฯ” “กรุงเทพฯ คือ เมืองไทย” แต่ในปัจจุบันนี้ได้ขยาย มา 15 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล 5 จังหวัด คือ สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม ปทุมธานีนนทบุรีเขตพิเศษภาคตะวันออก ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา เชียงใหม่ขอนแก่น นครราชสีมา ภูเก็ต สงขลา สุราษฎร์ธานี 15 จังหวัดนี้มีสัดส่วนความเจริญเติบโตถึงร้อยละ 70 ส่วนอีก 62จังหวัดที่เหลือมีสัดส่วน ความเจริญเติบโตเพียงร้อยละ 30 ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะตอ้งเพิ่มพื้นที่เมืองเศรษฐกิจให้กับ 62 จังหวัดดังกล่าว อย่างเป็นระบบ และเป็นขั้นตอน เพื่อให้ 62 จังหวัด นี้ได้เจริญเติบโต เป็ นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจโดยรวมให้เติบโต และเป็นการเติบโตอย่างทวั่ ถึงหรือ Inclusive Growth จะ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีความเข้มแข็ง และสอดคล้องก้บการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นที่จะเป็นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจและสังคมควบคู่กันไป

นายสถิตย์กล่าวอีกว่า ประเด็นยุทธศาสตร์การพัฒนาผู้ประกอบการยุคใหม่ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะตอ้งสร้างผู้ประกอบการอจัฉริยะขึ้นมาให้เป็นผู้ประกอบการยุคใหม่ที่มีความรู้ในเรื่องการประกอบธุรกิจในยุคปัจจุบันและยุคอนาคต เพื่อที่จะพลิกจากผู้ประกอบการแบบเดิมๆ มาเป็นผู้ประกอบการที่สามารถ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ สามารถที่จะใช้เครื่องมือในการบริหารใหม่ๆ มาท าให้การประกอบการประสบความส าเร็จ และที่สำคัญจะต้องทำให้ผู้ประกอบการ เหล่านี้เข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างแท้จริง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเขา้ถึงบริการทางการเงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หรือสถาบันการเงินของรัฐซึ่ง ปัจจุบันถึงแม้ว่าจะได้พยายามที่จะให้บริการอย่างถึงที่สุดแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถจะตอบสนองต่อความต้องการของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ประกอบการรายย่อย หรือผู้ประกอบการ SME จึงจำเป็นที่จะต้องเน้นในเรื่องของการดำเนินการการเข้าถึงแหล่งทุน ประการที่ 3 การดำเนินการที่จะท าให้เป้าหมายการดำเนินการประสบความสสำเร็จได้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีงบประมาณเชิงยุทธศาสตร์เพื่อเอายุทธศาสตร์เป็นตวัต้งัและงบประมาณมาตอบสนองต่อยุทธศาสตร์น้ัน และจัดทำงบประมาณเชิงยุทธศาสตร์จะตอ้งมองไกลไปถึงยุทธศาสตร์ท้งั 20 ปีเริ่มต้นจากการจัดทำยุทธศาสตร์รายปีราย 5 ปีในแต่ละช่วง และ 5 ปีถัดไป ต้องวางท้้งระยะประจำปีระยะกลางระยะยาว ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ในเชิงแข่งขันที่ได้ตั้ง ไว้

“เพื่อที่จะนำไปสู่เป้าหมายที่แท้จริงของการสร้างความสามารถในการแข่งขัน เพื่อทำให้ประเทศไทย พ้นจากประเทศกับดักรายได้ปานกลาง ไปเป็น ประเทศที่พัฒนาแล้ว” นายสถิตย์ กล่าว

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...