กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ ฟันด์โฟลว์ยังดูไม่ดี ปัจจัยต่างประเทศมีความไม่แน่นอนสูง

เพราะอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลกสร้างแรงกดดันต่อกระแสเงินลงทุนในหุ้น แต่นอกจากปัจจัยมหภาคของโลกแล้วการท่องเที่ยวของไทยยังเผชิญความท้าทายจากกรณีกราดยิงที่ห้างสยามพารากอน ซึ่งมีผู้เสียชีวิต และหนึ่งในนั้นเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน ทำให้นักลงทุนเป็นห่วงว่าจะทำให้เกิด downside ในแง่ของนักท่องเที่ยวจากจีน แม้ว่าจะเพิ่งมีการออกแคมเปญยกเว้นวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีนก็ตาม

สำหรับในสัปดาห์นี้ (9-12 ตุลาคม) เราคาดว่าดัชนี SET น่าจะยังลงต่อ ถึงแม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะดีดตัวขึ้นเหนือความคาดหมายเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ท่ามกลางแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นหลังจากที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรออกมาแข็งแกร่งเกินคาด แต่ภาวะตลาดโดยรวมของสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกยังคงเป็นลบอยู่ ซึ่งนอกจากประเด็นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นแล้วความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เร่งตัวขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่อิสราเอลและกลุ่มฮามาสประกาศสงครามตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ ถึงแม้เราจะคาดว่าราคาน้ำมันจะดีดตัวขึ้นในระยะสั้น ซึ่งอาจจะช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่ก็อาจจะเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อเงินเฟ้อด้วย สำหรับปัจจัยภายในประเทศ มาตรการ digital wallet มีความไม่แน่นอนสูงขึ้น ท่ามกลางเสียงคัดค้านอย่างทางการจากนักเศรษฐศาสตร์จำนวนมาก

 

ติดตามรายงานการประชุม FOMC, ตัวเลข CPI สหรัฐ และประเด็นข่าวเกี่ยวกับมาตรการ digital wallet ของไทย

ปัจจัยต่างประเทศ: ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐหลายตัวที่ออกมาแข็งแกร่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐขยับขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 17 ปี แต่ในสัปดาห์นี้มีกำหนดการประกาศตัวเลขน้อยลง เราคิดว่ามีเพียงสองประเด็นที่นักลงทุนควรติดตามซึ่งได้แก่ i) รายงานการประชุม FOMC จากการประชุมนัดล่าสุดที่มีการคงอัตรา Fed Fund Rate เอาไว้ที่ 5.50% และ ii) ตัวเลข CPI เดือนกันยายน โดย Consensus คาดว่า CPI จะเพิ่มขึ้น 3.6% YoY (จาก 3.7% YoY ในเดือนสิงหาคม) และคาดว่า core CPI จะเพิ่มขึ้น 4.1% YoY (จาก 4.3% YoY ในเดือนสิงหาคม)

ปัจจัยในประเทศ: สัปดาห์นี้ไม่มีเหตุการณ์สำคัญด้านเศรษฐกิจในประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามท่าทีของรัฐบาลไทยต่อมาตรการ digital wallet ที่ต้องใช้งบสูงถึง 5.60 แสนล้านบาทหลังจากที่มีนักเศรษฐศาสตร์ และอดีตผู้บริหาร ธปท. จำนวนมากส่งจดหมายเปิดผนึกเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับแผนดังกล่าว เรามองว่าคณะรัฐมนตรีน่าจะยังเดินหน้าดำเนินมาตรการนี้ต่อไป แต่อาจจะมีการปรับจำนวน, ขอบเขต และเงื่อนไขของโครงการใหม่ในเร็ว ๆ นี้

 

 

ยังคงเน้นกลยุทธ์ defensive เพราะปัจจัยต่างประเทศยังเป็นลบอยู่ในหลายประเด็น

ถึงแม้ว่าดัชนี SET จะลดลงมาต่ำกว่า valuations support ที่เราประเมินไว้ที่ 1,450 แล้ว แต่ยังมีปัจจัยลบอีกสองสามประการ ได้แก่ อัตราผลตอบแทนพันบัตรที่ยังพุ่งขึ้นต่อ, ประเด็นล่าสุดทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ และ ความไม่แน่นอนของปัจจัยภายในประเทศ อย่างเช่นโมเมนตัมของนักท่องเที่ยวจากจีนและกระแสสังคมที่คัดค้านมาตรการ digital wallet ดังนั้น นักลงทุนจึงยังควรเน้นแนวทาง defensive ไปก่อนในระยะสั้น และเน้นหุ้นในกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ อย่างเช่น โรงพยาบาล (ผลประกอบการมี
แนวโน้มแข็งแกร่งใน 3Q66) และกลุ่มส่งออก (ซึ่งจะได้อานิสงส์จากการอ่อนค่าของเงินบาท) โดยเราชอบ BH*, BDMS*, TU* และ HANA* สำหรับหุ้นท่องเที่ยว เราขอติดตามตัวเลขนักท่องเที่ยวจากจีนในช่วง golden week ก่อน เพื่อประเมินภาวะของกลุ่มท่องเที่ยว

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ลมพายุใหญ่ทำให้หลายอย่างในสหรัฐชัดขึ้น

นอกจากจะทำความเสียหายร้ายแรงในรัฐฟลอริดาแล้ว พายุเฮลีนยังพัดต่อไปทำความเสียหายร้ายแรงในรัฐอื่นอีกด้ว...

นายกฯ อิสราเอลชี้ สังหารผู้นำฮามาส ‘จุดเริ่มต้นยุติสงครามกาซา’

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน ตามที่กองทัพอิสราเอลแถลงว่า หลังจากไล่ล่ามาอย่างยาวนาน กองทัพก็ “ขจัด นายยาห์...

ทุกคะแนนมีค่า ‘แฮร์ริส-ทรัมป์’ เดินสายให้สัมภาษณ์ขยายฐานเสียง

สำนักข่าวเอพีรายงาน เมื่อไม่กี่วันก่อน คามาลา แฮร์ริส ให้สัมภาษณ์ชาร์ลามาญ (Charlamagne tha God) เจ้...

เปิดประสบการณ์เยือน ‘กัมพูชา’ ครั้งแรกของนักการทูตแรกเข้า (3) | World Wide View

เสียมราฐ เป็นจังหวัดสำคัญทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกัมพูชา หลาย ๆ คนรู้จักในฐานะที่ตั้งของนครวัดและโ...