ฝ่ายค้านต้าน "ดิจิทัล" ฉะรัฐบาลปั่นขัดแย้ง เพื่อไทยวัดใจคนไทย ใครเสียงดังกว่า

ฝ่ายค้านประสานเสียงเบรกแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ก้าวไกลบี้รัฐบาลแจงข้อดีข้อเสีย ข้องใจเอางบประมาณก้อนไหนมาใช้ ปชป.สอนเชิงหยุดตอกลิ่มบ่มเพาะความขัดแย้ง แนะชี้แจงบนเนื้อหาสาระ เพื่อไทยดาหน้าชี้ข้อดีปั๊มหัวใจเศรษฐกิจเร่งด่วน “ชนินทร์” มั่นใจเงิน 5.6 แสนล้าน เติมกำลังซื้อครั้งใหญ่ให้ประเทศ สส.พท.ตั้งคำถามเสียงชาวบ้าน-เสียงนักวิชาการใครดังกว่า “ชัยธวัช” เขย่ารัฐบาลตั้งไข่ทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญทันที เปิดประตูแก้ทั้งฉบับโดย ส.ส.ร.จากเลือกตั้ง ย้ำไม่ร่วมสังฆกรรม กก.ชุด “ภูมิธรรม”

รัฐบาลยืนกระต่ายขาเดียวเดินหน้าโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท มั่นใจทุ่มหมดหน้าตักพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยให้พ้นอาการโคม่า ล่าสุดบรรดา สส.พรรคเพื่อไทยประสานเสียงต้องผลักดันนโยบายนี้ต่อ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ชาวบ้านฐานรากเตรียมจับจ่ายใช้สอยกันแล้ว

“เศรษฐา” เยือนเขตบริหารพิเศษฮ่องกง

เมื่อวันที่ 8 ต.ค.66 เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานถึงภารกิจนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ในการเดินทางเยือนเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน บรูไนดารุสซาลาม มาเลเซีย และสาธารณรัฐสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 8-12 ต.ค.นั้น โดยนายเศรษฐ พร้อมคณะเดินทางไปยังท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กทม. เพื่อขึ้นเครื่องบินเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง ในโอกาสการเยือนเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเดินทางถึงเมื่อเวลา 12.50 น.ตามเวลาท้องถิ่นเขตบริหารพิเศษฮ่องกง จากนั้นเวลา 15.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ที่ห้อง Hennessy โรงแรมคอนราด นายกฯหารือกับภาคเอกชนฮ่องกง นายกฯกล่าวว่ามาเพื่อบอกทุกฝ่ายว่าประเทศไทยเปิด พร้อมรับนักลงทุนและภาคเอกชน วันนี้ยินดีที่ได้เดินทางมา เพื่อรับฟังคำแนะนำ ข้อคิดเห็นจากภาคธุรกิจ ขอให้เชื่อมั่นและมั่นใจว่ารัฐบาลเตรียมพร้อม มีแผนรองรับสำหรับขั้นต่อไป พร้อมให้ความช่วยเหลืออำนวยความสะดวกภาคเอกชน การเดินทางมาครั้งนี้เชื่อว่าได้ประโยชน์อย่างมาก

...

ภาคเอกชนสนใจลงทุนในไทย

ขณะที่ตัวแทนภาคเอกชน Dr. Allan Zeman, Chairman, Lan Kwai Fong Group กล่าวชื่นชมนโยบายวีซ่าฟรีสำหรับนักท่องเที่ยว เชื่อมั่นภาคเอกชนจะได้รับประโยชน์จากนโยบายนี้ ขณะที่ตัวแทนภาคธุรกิจจากโรงพยาบาล กล่าวว่า ฮ่องกงขาดแคลนแรงงานจำนวนมาก อยากเชิญชวนแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆเข้ามาทำงานระยะสั้นที่ฮ่องกง เพื่อทำงาน แลกเปลี่ยนประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ โดยไทยถือได้ว่ามีมาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพอยู่ในระดับสากล ด้าน Chairman, Board of airport Authority Hong Kong กล่าวว่า ไทยกับฮ่องกงจะเร่งสร้างความเชื่อมโยงด้านการคมนาคม เพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวและสร้างความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งนายกฯเห็นพ้องและกล่าวว่า หวังว่าไทยจะได้ร่วมกับฮ่องกง ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยว ขณะที่ตัวแทนภาคธุรกิจการธนาคาร HSBC กล่าวว่า ต้องการให้ไทยจัดโรดโชว์ โดยนายกฯได้ให้นโยบายตลาด หลักทรัพย์ไปทำแผน ทาง HSBC เสนอตัวให้จัดที่ฮ่องกง และตะวันออกกลาง ทั้งที่กาตาร์ UAE และซาอุดีอาระเบีย มีแผนอาจจัดขึ้นหลังปีใหม่ ขณะที่หนึ่งในตัวแทนภาคธุรกิจกล่าวว่า ฮ่องกงสนใจเข้าไปลงทุนในไทยมาก ขอให้รัฐบาลช่วยดูแลเรื่องความยากง่ายในการประกอบธุรกิจไทยให้มีความพร้อมเป็นศูนย์กลางของกลุ่มอาเซียนในเขตภูมิภาคลุ่มน้ำโขง

“ชนินทร์” ยันทุ่มเงินดิจิทัลฟื้นเศรษฐกิจ

นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกลุ่มนักวิชาการเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นการเติมกำลังซื้อครั้งใหญ่ให้ประเทศ กระจายอยู่ทุกชุมชน เงิน 1 หมื่นบาทต่อคนไม่ใช่แค่ช่วยปัญหาค่าครองชีพให้ประชาชนเดินต่อได้ แต่เป็นจำนวนมากพอที่จะดึงดูดการลงทุน เปิดธุรกิจใหม่ๆมารองรับกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นและหมุนวนรอบต่อไปเรื่อยๆ เงินจำนวนนี้หมุนเวียนต่อเนื่องในระบบเศรษฐกิจไทย ส่วนความกังวลที่มาของเงินและมาตรการดำเนินนโยบายต่างๆที่อาจไม่รัดกุมนั้น รัฐบาลตั้งคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตที่ประสานความเห็น มุมมองรอบด้านจากภาคส่วนต่างๆ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ มาเป็นกรรมการร่วมตัดสินใจดำเนินนโยบาย มั่นใจได้ว่าการตัดสินใจใดๆรัดกุม โปร่งใส รักษาผลประโยชน์ประชาชนมากที่สุด รัฐบาลมีเป้าหมายกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศอย่างรวดเร็ว ปั๊มหัวใจเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน ปลุกกำลังซื้อให้ฟื้นตัว ให้เศรษฐกิจประเทศพ้นโคม่า จากนั้นจะมีนโยบายอื่นๆมาเสริมให้ประชาชนสร้างรายได้ เศรษฐกิจหมุนเวียน ฟื้นประเทศไทย ยึดกรอบวินัยการเงินการคลังของประเทศอย่างรัดกุม

โต้ไม่ได้โปรยเงินหาเสียง

นายณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ประธานกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการดำเนินนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตว่า ทราบถึงความกังวลและความไม่เข้าใจของคนกลุ่มต่างๆ ขณะนี้อยู่ในช่วงที่รัฐบาลเริ่มต้นจัดทำนโยบาย หลายฝ่ายอาจไม่ทราบข้อมูลชัดเจน จากการหารือกับนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ทราบว่าจะประกาศความชัดเจนเต็มรูปแบบเร็วๆนี้ โครงการนี้ไม่ใช่โปรยเงินหาเสียง แต่ต้องการช่วยเหลือประชาชนอย่างเป็นรูปธรรมให้มีกำลังจับจ่ายใช้สอย ทำให้เศรษฐกิจประเทศหมุนเวียนครั้งใหญ่ แม้นักวิชาการบางส่วนเห็นว่าเศรษฐกิจประเทศกำลังดีขึ้นไม่จำเป็นต้องดำเนินโครงการนี้ แต่ในข้อเท็จจริงประชาชน โดยเฉพาะต่างจังหวัดยังยากลำบาก จำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจโดยตรงไปที่ประชาชนจำนวนมากให้มีกำลังซื้อมากขึ้น เมื่อมีกำลังซื้อ สินค้าก็ขายได้ จะกระตุ้นภาคการผลิตสินค้าต่างๆให้คนมีงานทำ

สส.พท.ดาหน้า ปชช.อยากได้เงินหมื่น

น.ส.จิรัชยา สัพโส สส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบประชาชน อ.พรรณานิคม อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร พบว่าหลังจากมีความเห็นนักวิชาการบางส่วนคัดค้านโครงการนี้ ทำให้ประชาชนผิดหวัง เนื่องจากวางแผนช่วงต้นปี 67 จะนำเงินดิจิทัลไปต่อยอดอาชีพ ซื้อปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ข้าว อุปกรณ์ซ่อมบ้านที่ผุพัง สะท้อนให้เห็นประชาชนรอคอยเงินดิจิทัลเข้ามาเติมเต็มชีวิตที่ยากลำบากตลอดหลายปีที่ผ่านมา

นายวันนิวัติ สมบูรณ์ สส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่ 286 หมู่บ้าน ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน อยากได้เงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท คาดหวังนำเงินไปต่อยอดทำธุรกิจ ความคิดเห็นนักวิชาการบางส่วนเป็นความเห็นที่เป็นประโยชน์ เชื่อว่าคณะกรรมการนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตนำไปพิจารณาต่อ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน คนเกิดมาไม่เท่ากัน แต่รัฐบาลมีหน้าที่ทำให้สิทธิประชาชนทุกคนใกล้เคียงกัน ลดความเหลื่อมล้ำให้มากที่สุด

เสียงชาวบ้าน–นักวิชาการใครดังกว่า

น.ส.สุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้สภาพเศรษฐกิจแย่มาก พื้นที่ในเมืองหรือชนชั้นกลางอาจมองไม่เห็น แต่ประชาชนในพื้นที่ลำบากมาก ที่ผ่านมาประชาชนหมดความหวัง แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จจึงมีความหวังกับหลายนโยบายพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล เชื่อมั่นเศรษฐกิจต้องดีขึ้นจากหลายนโยบายที่เป็นความหวัง การได้เงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีได้ การหาเงินให้ถึง 1 หมื่นบาท ยุคนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย จึงเป็นความหวังประชาชน ครอบครัวหนึ่งมีสมาชิก 3-4 คน สามารถวางแผนรวบรวมกัน นำเงินไปต่อยอดอาชีพ แต่พอมีกระแสคัดค้าน ชาวบ้านถามว่า จะได้เงินไหม ถ้าไม่ได้เงินนี้ไปต่อยอดความหวัง คงต้องทุกข์แล้ว ทุกข์ต่อ ทุกข์อีก อยากรู้เสียงชาวบ้าน กับเสียงนักวิชาการ เสียงใครดังกว่า

ก้าวไกลบี้รัฐบาลแจงข้อดีข้อเสีย

ด้านนายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะทีมเศรษฐกิจ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี 99 นักเศรษฐศาสตร์ นักวิชาการ และคณาจารย์ ท้วงติงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เป็นนโยบายสร้างความไม่เป็นธรรมในสังคม เศรษฐี มหาเศรษฐี ใครอายุเกิน 16 ปี ล้วนได้รับแจกเงินหมื่น ว่า วันนี้เศรษฐกิจไม่ใช่อยู่ในระดับที่เรียกว่าหัวใจวาย แต่วันนี้มันมีปัญหาเฉพาะส่วน รัฐบาลควรมุ่งเน้นเอาเครื่องมือนี้ไปแก้จุดนั้น เปรียบเสมือนร่างกายมีปัญหาที่ตับก็ต้องไปแก้ที่ตับ ไม่ใช่ว่าตรงนี้มีปัญหาแล้วเอาไฟช็อตเลย เมื่อถามถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ระบุว่า น้อมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ของนักวิชาการ แต่เป็นแค่หนึ่งเสียง พี่น้องประชาชนมีอีกหลายสิบล้านเสียงที่ต้องการเงินดิจิทัล นายสิทธิพลตอบว่า รัฐบาลจำเป็นต้องชี้แจงข้อดีข้อเสียนโยบายให้ครบถ้วน ต้นทุน รายจ่าย ประชาชนจะได้มีข้อมูลตัดสินใจดีขึ้น การใช้เงินกับโครงการลักษณะนี้ไม่ควรเป็นแหล่งเงินนอกงบประมาณ นโยบายนี้คิดรอบด้านหรือยัง เอาเงินจากไหน ต้นทุนเป็นอย่างไร ถ้าเกิดมันไม่เป็นไปตามเป้าอย่างที่รัฐบาลคาดหวังจะเกิดอะไรขึ้น นี่คือสิ่งที่รัฐบาลต้องตอบคำถามนี้

เบรกโครงการผลาญงบประมาณ

น.ส.วรรณิดา นพสิทธิ์ สส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล กล่าวว่า สำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจส่วนใหญ่คาดการณ์เศรษฐกิจประเทศไทยจะขยายตัว แสดงให้เห็นว่ายังไม่เห็นเหตุผลและความจำเป็นใดที่รัฐบาลจะนำเงินจำนวนมากมหาศาลมาแจกแก่ประชาชนเพื่อกระตุ้นการบริโภค แม้เป็นนโยบายที่ประกาศตอนหาเสียง แต่เมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ก็ควรชี้แจงกับประชาชนถึงความจำเป็น ที่สำคัญประเทศยังมีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินเพื่อสวัสดิการของประชาชนอีกหลายด้าน ทั้งนี้ สนับสนุนนโยบายรัฐบาลที่ส่งเสริมให้ประชาชนมีรายรับมากขึ้น ไม่กระทบกับการคลังของประเทศ

ปชป.เขย่าปมร้อนแตกเป็น 3 มุมมอง

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการคัดค้านนโยบาย แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ว่า ขณะนี้มีนักวิชาการ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันคือ สภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย รวมถึงภาคเอกชนและประชาชนทั่วไป ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเงิน 5.6 แสนล้านบาทอย่างกว้างขวาง แบ่งความคิดเห็นได้เป็น 3 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มที่คัดค้านให้ยกเลิกนโยบาย 2. กลุ่มที่ให้ปรับปรุงการแจกเงินตรงกลุ่มเป้าหมาย ไม่ใช่เหวี่ยงแหแจกทุกคน และ 3.กลุ่มที่สนับสนุนการแจกเงิน ที่ส่วนมากเป็นคนของรัฐบาลและประชาชนส่วนหนึ่ง

สอนเชิงอย่าตอกลิ่มบ่มเพาะขัดแย้ง

“ปรากฏว่าคนของรัฐบาลบางคนออกมาตอบโต้ คนเห็นต่างว่า เป็นพวกอยู่ดีมีกินสุขสบาย ไม่เห็นหัวคนที่ยังลำบาก เป็นการตอบโต้ที่ไม่เหมาะสม ที่ออกมาบอกให้เกิดการเข้าใจได้ว่า เป็นเรื่องคนรวยไม่เห็นด้วยที่จะแจกเงินให้คนจน ความเป็นจริงคนที่คัดค้านและเห็นต่าง ไม่ได้แสดงความคิดเห็นบนพื้นฐานของสถานะทางเศรษฐกิจสังคมที่แตกต่างกัน ไม่ใช่เรื่องของคนอยู่ดีมีกินกับคนที่ลำบากอย่างแน่นอน แต่แสดงความคิดเห็นบนเนื้อหาสาระข้อมูล ที่แตกต่างจากของรัฐบาลมากกว่า คนของรัฐบาลควร ชี้แจงด้วยข้อมูลเนื้อหาสาระจะเหมาะสมกว่า ไม่ควรเอาความคิดเห็นที่แตกต่างมาสร้างความแตกแยกทางสังคม เป็นเรื่องที่รัฐบาลไม่ควรทำอย่างยิ่ง” นายองอาจกล่าว

กระทุ้งทบทวนนโยบายเทหมดหน้าตัก

นายชนินทร์ รุ่งแสง รักษาการกรรมการบริหาร พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการบริหารราชการของรัฐบาลว่า แค่เริ่มต้นการบริหารราชการแผ่นดินนโยบายการแก้เศรษฐกิจปากท้อง ค่าครองชีพของรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจน ขาดความเชื่อมั่น มีแต่ ฉาบฉวย เสมือนผักชีโรยหน้า จะสร้างปัญหาใหญ่ให้ประเทศในอนาคต โดยเฉพาะนโยบายเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ที่ยังไร้ทิศทางที่ชัดเจน ตอบไม่ได้ว่าใช้เงินงบประมาณส่วนไหน จนนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์กว่าร้อยคน รวมถึงอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย อดีต รมว.คลัง ออกมาคัดค้านนโยบายสร้างหนี้ภาระผูกพันให้ลูกหลาน แต่ผู้นำรัฐบาลยังดื้อรั้นไม่รับฟังคำเตือน

ก.ก.ย้ำจุดยืนแก้ รธน.ยกฉบับ

สำหรับความเคลื่อนไหวการนิรโทษกรรม หลังจากที่พรรคก้าวไกลได้เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ท่ามกลางเสียงคัดค้านและสนับสนุนนั้น วันเดียวกัน นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงจุดยืนการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ขอย้ำจุดยืนถึงรัฐบาลต้องชัดเจนในหลักการใหญ่ ทั้งแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับหรือไม่ สุดท้ายตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นข้ออ้างแก้ไขรัฐธรรมนูญ รายมาตราหรือไม่ รวมถึงถ้าแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับโดย ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง หรือไปแก้ไขให้ที่มาของ ส.ส.ร.มาจากเลือกตั้งทางอ้อม หรือเลือกตั้งบางส่วน โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิจากที่ไหนไม่รู้มาควบคุมกำกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คำถาม 2 ข้อนี้ถ้ารัฐบาลมีคำตอบที่ไม่ชัดเจน คงไม่สะดวกไปร่วมเป็นกรรมการด้วย แต่ยินดีไปให้ความเห็น เสนอแนะ บนจุดยืนของพรรคก้าวไกลจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยมี ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้ง

บี้รัฐบาลตั้งไข่ทำประชามติทันที

“วันนี้เริ่มต้นจากการทำประชามติแก้ไขรัฐ ธรรมนูญดีที่สุด ถ้าผ่านแต่ละพรรคการเมืองก็เสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยมี ส.ส.ร. แต่ร่างของแต่ละพรรคอาจมีเวอร์ชันไม่เหมือนกัน และใช้กลไกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ (กมธ.) ในวาระที่ 2 หาความเห็นร่วมกันได้ ขอให้รีบเริ่มต้นทำประชามติ ที่ต้องใช้เวลาหลายเดือนในการให้ข้อมูลกับสังคม ให้ประชาชนติดสินใจโหวตลงมติอย่างไรสุดท้ายตั้งคณะกรรมการ ขึ้นมาเพื่อให้มีเหตุผลไม่จัดทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับหรือไม่ แก้แค่รายมาตราหรือไม่ เป็นสิ่งที่กังวล ไม่ใช่เราไปขัดขวางการทำประชามติ ขัดขวางการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” นายชัยธวัชกล่าว

รทสช.ขีดเส้นไม่แตะ 3 กลุ่มความผิด

นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทุกสีเสื้อเข้าสภาฯว่า หลักการสร้างความปรองดองเป็นจุดยืนของพรรค รทสช. ที่ต้องการสลายสีเสื้อที่ขัดแย้งมาตลอดเกือบ 20 ปี เราต้องหยุดเพื่อให้ประเทศเดินหน้า แต่การนิรโทษกรรมเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องไม่กระทบตามหลักสากล หลักความผิดที่ไม่เห็นด้วย และต้องไม่แตะ คือ 1.ความผิดอาญาร้ายแรง 2.การทุจริตคอร์รัปชัน 3.ทำผิดมาตรา 112 เมื่อถามว่า กังวลเป็นการเพิ่มความขัดแย้งหรือช่วยให้เกิดการปรองดองได้ นายอัครเดชตอบว่า หากทำความเข้าใจในจุดยืนและหลักการร่วมกันในกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้อง หาจุดยืนร่วมที่ลงตัว ก็สามารถสร้างความปรองดองได้ แต่หากทุกคนล้วนยึดจุดยืนตัวเองเป็นหลัก ก็ไม่สามารถหาจุดร่วมจนกลายเป็นการสร้างความขัดแย้งครั้งใหม่ขึ้นมา เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกล เสนอว่าหากพรรคอื่นๆเห็นสอดคล้องก็สามารถยื่นร่างประกบเข้ามากับร่างของพรรคก้าวไกลได้ นายอัครเดชตอบว่า พรรค รทสช. มีคณะทำงานด้านกฎหมายที่มีการศึกษาร่างกฎหมายนิรโทษกรรมอยู่แล้ว แต่เสนอประกบด้วยหรือไม่ ต้องรอเข้าสู่ที่ประชุมพรรค รทสช.อีกที

พลังบูรพาหนุนนิรโทษคดีการเมือง

นายสุระ เตชะทัต เลขาธิการพรรคพลังบูรพา กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกล ยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ต่อประธานสภา สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอนิรโทษกรรมให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ.49 จนถึงวันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายมองเห็นตรงกันในจุดใหญ่ หลักคิดนิรโทษกรรมให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง เพื่อสลายความขัดแย้ง ทำให้คนในชาติสามัคคี หลังแบ่งฝักแบ่งฝ่ายมายาวนาน 18 ปี แต่ในรายละเอียดของเนื้อหาควรพิจารณาร่วมกันจะครอบคลุมไปถึงมูลฐานความผิดใดบ้าง คดีความประเภทใด ดังนั้นขอเสนอให้ สส.ทำหน้าที่หาข้อสรุปในสภาฯไป ส่วนนอกสภาฯควรเปิดเวทีสาธารณะถกเถียงหาข้อสรุปที่เป็นทางออก

สว.โหรทำนายราหูใกล้สิ้นฤทธิ์

วันเดียวกัน นายวันชัย สอนศิริ สว. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “อสุรินทราหูมาแล้ว” ราหูใกล้ย้ายก็มีแรงกระแทกไปที่รัฐบาลและพรรคแกนนำบ้าง เป็นธรรมดาจากดาวหาง ดาวตกฟาดหัวฟาดหางออกฤทธิ์ออกเดชให้เห็น แต่จะหมดเรี่ยวหมดแรงไปในที่สุด เพราะอสุรินทราหูจากชั้น 14 มีแนวโน้มโคจรมาสู่พื้นดินแห่งมนุษย์ หลังจาก 13 ต.ค.66 ขยับเขยื้อนเคลื่อนไปถึง 17 ต.ค.66 จะมีฤทธิ์มีเดช สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นปราบอริราชศัตรูไปได้ราบคาบด้วยอสุรินทราหู ตามตำราท่านว่า อสุรินทราหูเป็นผู้รับใช้สนองพระเดชพระคุณองค์พระนารายณ์และพระพรหม ยิ่งมาเจอดาวอาทิตย์ จะมีพลังอำนาจ ก่อให้เกิดความสงบ สยบการเคลื่อนไหวแห่งดาวทุกดวง แม้แต่ก้าวไกลก็จะไปไม่ถึงด้วยอิทธิฤทธิ์ของอสุรินทราหู การโคจรมาครั้งนี้ไม่เหมือนกับทุกๆครั้งที่ผ่านมา เป็นการแสดงพลังแห่งฤทธิ์เดช เพื่อประเทศชาติและประชาชน ต้องสร้างสันติสุข ศิวิไลซ์แห่งไทยประเทศให้บังเกิดให้จงได้ เป็นสงครามครั้งสุดท้ายของอสุรินทราหู หลัง 13 ต.ค.66 เป็นต้นไป ปฐมบทแห่งอำนาจและฤทธิ์เดชจะประกาศก้องไปทั่วท้องแผ่นดิน ยิ่งใหญ่อลังการ มหัศจรรย์เกินคาด ตาดูดาว เท้าติดดิน

ร้องสภาค้าน สส.จั่วไพ่นั่ง กมธ.

นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน กล่าวว่า วันที่ 9 ต.ค.66 เวลา 10.00 น. จะไปยื่นหนังสือต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอทบทวนการแต่งตั้ง สส.รายหนึ่ง เป็นคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร หลังถูกแฉคลิปวิดีโอกำลังนั่งจั่วไพ่ในสภาฯ ตอนเป็น สส.สมัยที่แล้ว แม้การเลือก กมธ.ประจำสภาฯ 35 คณะ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 129 และข้อบังคับที่ 90-91 โดยสัดส่วนแต่ละคณะประกอบด้วย กมธ. 15 คน และ สส. 1 คน เป็น กมธ.ได้ไม่เกิน 2 คณะ โดยประธานที่ประชุมให้แต่ละพรรคเสนอชื่อ สส.พร้อมผู้รับรองไล่เลียงจนครบถ้วน แต่มิใช่ว่า สส.แต่ละคนอยากเป็นกรรมาธิการอะไรก็เสนอชื่อให้เข้าไปอยู่ในคณะนั้นได้เสมอไป โดยเฉพาะ กมธ.ป.ป.ช. มีหน้าที่พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง กระบวนการ และมาตรการการป้องกันปราบปรามทุจริต ต้องเป็น สส.ที่ไม่เคยมีประวัติเกี่ยวกับการทุจริตจึงถือว่าชอบ แต่การให้ สส.ที่มีข่าวฉาวถูกแฉคลิปวิดีโอนั่งจั่วไพ่ในสภาฯ ไปนั่งเป็น กมธ.ป.ป.ช.เป็นการย้อนแย้งโดยสิ้นเชิง ทำให้การตรวจสอบทุจริตขาดความน่าเชื่อถือ ดังนั้น ขอยื่นคัดค้าน สส.คนดังกล่าวเป็น กมธ.ป.ป.ช.ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร หากประธาน สภาฯ ไม่ทบทวน จะเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ต้องนำความไปร้อง ป.ป.ช.สอบต่อไป


อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...