ไม่พลิกโผเมื่อ "บิ๊กอ๊อบ" พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ได้รับการโปรดเกล้าฯ ขึ้นเป็น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) คนที่ 36 โดยเริ่มทำหน้าที่ตั้งแต่ 1 ต.ค. 66 ถือว่า "กองทัพ" ได้คนดี มีความรู้ ความเหมาะสม แถมยังเป็นนายทหารรุ่นใหม่ที่ทันต่อโลกยุคโซเชียล
ทั้งการวางตัวได้ดี แบบฉบับทหารอาชีพ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ขับเคลื่อนงานกองทัพเป็นหลัก และสนองนโยบายรัฐบาล กระทรวงกลาโหม โดยจะเห็นว่าที่ผ่านมา "เศรษฐา ทวีสิน" นายกฯ และรมว.คลัง เมื่อมีภารกิจคาบเกี่ยวกับความมั่นคง มักจะเรียกบริการให้ "บิ๊กอ๊อบ" ร่วมคณะ เพราะทั้งคู่มีมุมมอง ความคิด การอ่าน แบบสมัยใหม่ และนิสัยใจคอคล้ายๆ กัน
และหลังจาก พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รับเข้ารับตำแหน่ง ผบ.ทสส. ภารกิจแรกที่ตัวเองอยากทำ คือลงไปดูแลความเป็นอยู่ของกำลังพลผู้ใต้บังคับบัญชา โดยได้บุกโรงประกอบเลี้ยง โรงอาหาร เพื่อเน้นในเรื่องสุขลักษณะ ความสะอาด ก่อนร่วมรับประทานอาหาร เพื่อสอบถามข้อมูล คุณภาพชีวิตทหารชั้นผู้น้อย เพื่อจะให้ความช่วยเหลือที่ได้จากข้อมูลโดยตรง โดยเฉพาะความเป็นอยู่ สิทธิประโยชน์ การแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ และช่องทางประกอบอาชีพเสริม และให้ความสำคัญดูแลทุนการศึกษาในระดับต่างๆ ตลอดจนการดูแลสุขภาพ และสิทธิด้านการรักษาพยาบาล
...
ถือเป็นการสร้างบรรยากาศ ความใกล้ชิด เพื่อลดช่องว่างระหว่างชั้นการบังคับบัญชา ซึ่งจะส่งผลให้การปฏิบัติงานมีความรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ ทั้งภารกิจด้านความมั่นคง การช่วยเหลือประชาชน สร้างเสริมประสิทธิภาพในทุกภารกิจที่ได้รับมอบต่อไป
จากนั้นได้บุกไป ร.ร.เตรียมทหาร อันเป็นสถาบันการเร่ิมเข้าสู่รั้วทหาร กองทัพ เพื่อพูดคุย รวมถึงถ่ายทอดประสบการณ์ โดยหวังจะเป็นส่วนหนึ่งในการปลุกจิตสำนึกรักกองทัพ ทำเพื่อผืนแผ่นดินไทย พร้อมรับมือสังคมยุคใหม่ เทคโนโลยี โซเชียลมีเดีย ที่ทำให้สังคมเปลี่ยนไป แต่สุดท้ายไม่ว่าใครจะทำอะไรกับกองทัพ แต่สำคัญที่สุดคือทรัพยากรบุคคล เพราะไม่มีเทคโนโลยีอะไรที่จะมาทดแทนจิตวิญญาณของนักรบที่มุ่งมั่นต่อเป้าหมายได้
ก่อนเปลี่ยนชุดร่วมวิ่งออกกำลังกายกับน้องๆ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปี 1 และชั้นปี 2 และร่วมรับประทานอาหารเช้า แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และได้มอบแนวทางการปฏิบัติงานให้คณาจารย์ของส่วนการศึกษาฯ และนายทหารปกครองของกรมนักเรียนเตรียมทหารด้วย
จากนั้นถัดมา พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ได้มอบเจตนารมณ์การปฏิบัติงาน ประจำปี 2567 ให้แก่กำลังพลในกองบัญชาการกองทัพไทย หัวหน้าส่วนราชการ และผู้บังคับหน่วยจนถึงระดับผู้อำนวยการกอง หรือเทียบเท่า รวมทั้งพบปะพูดคุย และมอบเจตนารมณ์ให้กับนายทหารสัญญาบัตร และนายทหารประทวน ซึ่งประกอบด้วยเจตนารมณ์ 12 ด้าน ได้แก่
การปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (Duty First), การพิทักษ์รักษา และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์, การพัฒนากำลังพล และครอบครัว (Human resource development), การสื่อสารทางยุทธศาสตร์กับประชาชน (Strategic Communication), การพัฒนาประเทศ และการช่วยเหลือประชาชน (People First), การใช้ทรัพยากรของหน่วยทหารให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน, การพัฒนาการปฏิบัติการร่วม (Joint Warfighting Functions), การพัฒนาไปสู่กองทัพที่ทันสมัย, การพัฒนาหน่วยทางด้าน Cyber, การรณรงค์ให้เป็นกองทัพของทหารอาสา และการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (Support to Government)
ทั้งนี้ เพื่อพัฒนากองทัพไทยให้มีศักยภาพในการปฏิบัติงานอย่างเต็มขีดความสามารถ พร้อมเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง
...
สำหรับประวัติ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี
เกิดวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2508 เป็นบุตรชายของ พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี อดีต ผบ.ทบ. และอดีต รมว.มหาดไทย กับคุณหญิง แพทย์หญิงสุมนา หนุนภักดี
เป็นนายทหารที่เติบโตในรั้ว กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) หรือ "วงศ์เทวัญ" ในหน่วย ร.11 รอ. มาตั้งแต่นายทหารชั้นยศ ร.ต.-พ.อ.
สำเร็จการศึกษาวิทยาลัยการทหาร Virginia Military Institute
หลักสูตรทางทหารที่สำคัญ หลักสูตรหลักประจำ โรงเรียนเสนาธิการทหารบก รุ่นที่ 75
หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 62
...
ประวัติรับราชการ
ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์
ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 11
ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์
รองแม่ทัพภาคที่ 1
รองเสนาธิการทหารบก
หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา
รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด
และได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2566
โดย "พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี" จะนั่งตำแหน่ง ผบ.ทสส. และจะมีเวลาการทำงาน และโชว์ฝีมือในการพัฒนา กองทัพไทย นับจากนี้ถึง 30 ก.ย. 2568.
...
