“อนุทิน” แถลงผลประชุม ออกมาตรการระยะสั้น 8 ข้อ คุมอาวุธปืน-สิ่งเทียมปืน งดออกใบอนุญาตนำเข้า-ร้านค้ารายใหม่ ชี้ ทุกคนที่ครอบครองต้องนำมาขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง พร้อมสั่งเข้มบังคับใช้กฎหมาย เล็งแก้ไขให้เป็นปัจจุบัน
วันที่ 5 ตุลาคม 2566 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลงผลการประชุมพิจารณาควบคุมการครอบครอง การพกพาอาวุธปืน เครื่องกระสุน สิ่งเทียมปืน ร่วมกับ อธิบดีกรมการปกครอง พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงสาธารณสุข ว่า ทางอธิบดีกรมการปกครอง ได้เสนอมาตรการระยะสั้น ซึ่งหลังจากการหารือทุกฝ่ายก็ไม่มีข้อโต้แย้งอย่างใด
8 มาตรการระยะสั้นควบคุมอาวุธปืน
...
1. ให้นายทะเบียนอาวุธปืนทั่วประเทศ อย่าง นายอำเภอในต่างจังหวัด อธิบดีกรมการปกครองใน กทม. งดการออกใบอนุญาตให้สั่ง นำเข้า หรือค้า ซึ่งสิ่งเทียมอาวุธปืนทุกชนิด (สำหรับผู้รับใบอนุญาตรายเดิมที่จะสั่งนำเข้าเพิ่มเติม) และไม่อนุญาตให้รายใหม่ขออนุญาตเป็นผู้ค้า สั่งนำเข้าสิ่งเทียมอาวุธปืนเพิ่มอีก
2. ขอให้ผู้ครอบครองแบลงค์กัน บีบีกัน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืน ที่อาจจะดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้ ให้นำแบลงค์กัน บีบีกัน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืนของตนที่ครอบครองอยู่ ไปแสดงและทำบันทึกต่อนายทะเบียนอาวุธปืนตามภูมิลำเนาซึ่งตนมีทะเบียนบ้านอยู่ และบีบีกันที่สามารถดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้อย่างเข้มงวด
3. ให้กรมศุลกากรตรวจสอบการนำเข้าสิ่งเทียมอาวุธปืน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แบลงค์กัน
4. ให้การกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งกำกับดูแลสนามยิงปืนที่ได้จดทะเบียนเป็นสมาคมกีฬาทั่วประเทศ มีการกวดขัน ตรวจสอบ ทั่วประเทศ ดังนี้
- ห้ามผู้มีอายุไม่เกิน 20 ปี เข้าสนามยิงปืน ยกเว้นได้รับการอนุญาตตามระเบียบการกีฬาแห่งประเทศไทย เช่น นักกีฬายิงปืนทีมชาติ
- อาวุธปืนที่ใช้ต้องมีทะเบียนถูกต้อง และตรงตัวกับผู้มาใช้บริการ
- ห้ามนำกระสุนปืนออกภายนอกสนามเด็ดขาด
- กรณีสนามยิงปืนในการกำกับดูแลของส่วนราชการ ขอให้ดำเนินการกวดขัน ตรวจสอบ ให้ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการและข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกัน
5. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ งดออกใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว
6. กระทรวงมหาดไทย ไม่มีนโยบายดำเนินโครงการอาวุธปืนสวัสดิการให้ประชาชนทั่วไป ยกเว้นแต่เจ้าพนักงานของรัฐที่จำเป็นต้องมี มีได้คนละ 1 กระบอก และห้ามโอน
7. ให้นายทะเบียนงดการออกใบอนุญาตสั่งนำเข้าอาวุธปืนของร้านค้าอาวุธปืนตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
8. ขอความร่วมมือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี) และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปราบปรามและปิดเว็บไซต์ เพจออนไลน์ซื้อขายอาวุธปืนเถื่อน สิ่งเทียมอาวุธปืนดัดแปลงเป็นอาวุธปืน โดยขอให้รายงานผลการปฏิบัติให้กระทรวงมหาดไทยทราบทุก 15 วัน
ส่วนของมาตรการระยะยาว นายอนุทิน กล่าวว่า จะมีการแก้ไขกฎหมายพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ดังนี้
มาตรการระยะยาว
1. ต้องมีเอกสารใบรับรองแพทย์ที่รับรองเรื่องสุขภาพจิต ภาวะทางจิตใจ ที่ผู้ขออนุญาตซื้ออาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนต้องใช้ประกอบในการยื่นคำขอ
2. ความหมาย บทนิยาม ของคำว่า “สิ่งเทียมอาวุธปืน” ไม่ให้หมายความรวมถึงแบลงค์กัน บีบีกัน หรือสิ่งเทียมอาวุธปืนอื่น ที่สามารถดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้ง่าย
3. กำหนดให้ผู้ที่จะซื้อสิ่งเทียมอาวุธปืนที่สามารถดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้ ต้องยื่นคำขอต่อนายทะเบียนอาวุธปืน
4. ผู้ครอบครองอาวุธปืนทั่วประเทศทั้งรายเดิมที่มีอยู่แล้ว และรายใหม่ที่อาจจะมีเพิ่มขึ้น ต้องนำอาวุธปืนมายิงทดสอบเก็บข้อมูลหัวกระสุนทุกกระบอก และทุกราย
5. ให้ใบอนุญาตมีและใช้อาวุธปืน (ป.4) มีอายุของใบอนุญาต ซึ่งผู้ที่ได้รับใบอนุญาตไปแล้วจะต้องนำอาวุธปืนมารายงานตัวกับนายทะเบียน ในทุก 5 หรือ 10 ปี เพื่อพิจารณาต่ออายุใบอนุญาต เช่นเดียวกับใบขับขี่รถยนต์
นายอนุทิน ระบุต่อไปว่า การหารือในวันนี้เราพยายามที่จะใช้กฎหมายที่กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลอยู่ในการบังคับใช้อย่างเต็มที่ ส่วนที่อยู่นอกเหนือกระทรวงมหาดไทยและจะต้องเป็นข้อเสนอ ตนจะนำเรียนไปยังนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ที่ให้นโยบายมาอย่างชัดเจน เช่น มีข้อที่ดูแล้วยังไม่ปลอดภัย หากมีการเปลี่ยน จำเป็นต้องแก้ไขกฎหมายๆ ขึ้นมาใหม่ จะต้องนำเสนอนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบและดำเนินการต่อไป ผ่านระบบรัฐบาลและระบบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อช่วยกันให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งกระบวนการต่อจากนี้ อธิบดีกรมการปกครองจะกลับไปร่างคำสั่งการ โดยจะมีผลบังคับใช้ทันทีที่เสร็จสิ้น
จากนั้นผู้สื่อข่าวถามว่าปืนที่มีการครอบครองอยู่ขณะนี้ ทั้งปืนเถื่อนและถูกกฎหมาย จะมีการกวาดล้างอย่างไร นายอนุทิน ตอบว่า ในส่วนที่มีการลงทะเบียนไว้ ก็ทราบอยู่แล้วว่าใครเป็นเจ้าของ สำหรับ บีบีกัน ก็ขอให้มาทำการขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องกับทางกรมการปกครอง อย่างน้อยหากมีการขึ้นทะเบียนก็จะรู้ว่าเป็นปืนของใคร หากมีการเปลี่ยนมือหรือไม่ได้มาแจ้งความ เจ้าของก็ต้องรับผิดชอบในอาวุธปืนนั้นๆ หากขึ้นทะเบียนแล้วมีการตรวจค้นถูกจับ ก็จะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
ขณะที่มาตรการข้อที่ 6 เจ้าพนักงานของรัฐที่จำเป็นต้องมีปืน 1 กระบอก หากในกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐลาออกหรือเกษียณราชการจากพื้นที่ควรจะต้องทำอย่างไรต่อไป นายอนุทิน กล่าวว่า เขาต้องเป็นผู้รับผิดชอบในอาวุธปืนนั้น เพราะเขาซื้อมาแล้วก็เป็นของเขา แต่ว่าจะโอนไม่ได้ หากเสียชีวิตก็ต้องตกเป็นของทายาท แต่นำไปใช้ในขอบเขตที่นอกเหนือกฎหมายไม่ได้
“คนที่พกปืนไปมาทุกวันนี้ผิดกฎหมายทั้งนั้น ประชาชนทั่วไปในประเทศนี้ไม่สามารถที่จะแต่งตัวเสร็จแล้วนำปืนพกหนีบแล้วไปไหนมาไหนได้ตามสะดวก โดยที่อ้างว่าเอาไว้ป้องกันตัว เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายอยู่แล้ว ไปดูใบอนุญาตหรือใบพกพา ไม่ได้มีการอนุญาตให้ทำเช่นนี้ได้ คนมีใบอนุญาตจริงๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมายทั้งใบอนุญาตและใบพกพา ไม่มีคนทำผิด คนก่อเหตุที่มีเรื่องมีราวทั้งหลายคือพวกที่ผิดกฎหมายทั้งนั้น ปืนไม่ใช่ของตัวเอง ปืนเถื่อนซื้อมาจากอะไรก็ไม่รู้ เป็นผู้ทำผิดกฎหมายและตั้งใจทำผิดกฎหมาย ตรงนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เร่งดำเนินคดีในทุกกรณี”