“สมศักดิ์” กระโดดขึ้นหลังรถกระบะ วัดระดับน้ำหน้าจวนผู้ว่าฯ สุโขทัย ระดับน้ำอยู่ที่ 2.40 เมตร จากพนังกั้นน้ำที่สูง 2.80 เมตร สั่งเฝ้าสถานการณ์ใกล้ชิด หวั่น น้ำทะลักเข้าพื้นที่เศรษฐกิจ เตรียมเสนอ “เศรษฐา” สร้างที่ระบายน้ำฝั่งขวาแม่น้ำยม
วันที่ 2 ตุลาคม 2566 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้ร่วมประชุมกับหัวหน้าส่วนราชการเพื่อสรุปสถานการณ์น้ำท่วมและแนวทางการแก้ปัญหา โดยมี นายสุชาติ ทีคะสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นายมนู พุกประเสริฐ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ สส.สุโขทัย พรรคเพื่อไทย นางสาวประภาพร ทองปากน้ำ สส.สุโขทัย พรรคเพื่อไทย นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน และหัวหน้าส่วนราชการกระทรวงคมนาคม เข้าร่วม ที่จังหวัดสุโขทัย
ทั้งนี้ ตนได้เน้นย้ำในที่ประชุมให้เฝ้าระวังพื้นที่ในจังหวัดสุโขทัยเป็นพิเศษ เพราะใน ตำบลปากแคว อำเภอเมือง เกิดดินสไลด์ ส่งผลให้น้ำทะลักเข้ามาแล้ว ซึ่งต้องช่วยกันติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ผู้ว่าฯ สุโขทัย ก็คงหลับไม่ได้ ต้องเฝ้าสถานการณ์ตลอดเวลา เพราะหากดินสไลด์เพิ่มจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ส่วนหลังสถานการณ์คลี่คลายก็ต้องมีการเร่งสร้างเขื่อนกันดินสไลด์ในจุดนี้เพิ่ม อีกทั้งเป็นที่ทราบกันดีว่า แม่น้ำยม เป็นแม่น้ำสายเดียวที่ไม่มีเขื่อนรองรับจึงทำให้น้ำเกิดน้ำท่วม เพราะมวลน้ำที่ไหลมามีจำนวนมากถึง 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงทำให้เกิดน้ำท่วมขัง
...
“ผมไม่กล้าหวังที่จะให้มีการสร้างเขื่อน แม้ว่าพี่น้องประชาชนจะบอกว่ามีแนวโน้มที่ประชาชนส่วนใหญ่จะเข้าใจ แต่หลายครั้งที่เราพูดคุยเรื่องเขื่อนก็จะมีปัญหา ผมจึงไม่อยากพูด แต่เปลี่ยนไปพยายามแก้ปัญหาในวิธีอื่นแทน อย่างในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ตั้งแต่จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดสุโขทัย และภาคเหนือตอนบน จังหวัดแพร่ เราก็พยายามแก้ปัญหาในพื้นที่ที่ไม่กระทบกับต้นน้ำแม่น้ำยมก่อน เพื่อลดผลกระทบกับประชาชนให้ได้มากที่สุด เพราะหากย้อนไปดูเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 สร้างความเสียหายถึง 1.42 ล้านล้านบาท เป็นความเสียหายจากทรัพย์สินทางราชการและของพี่น้องประชาชน รวมถึงเสียโอกาสในการประกอบอาชีพ ซึ่งในตอนนั้นน้ำมีความสูงถึง 13 เมตร โดยจะเห็นได้ว่าเหตุน้ำท่วมได้สร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก”
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ประชาชนเริ่มเรียกร้องให้ช่วยเหลือแบบยั่งยืน เพราะจังหวัดสุโขทัยเกิดน้ำท่วมทุกปี โดยเป็นเรื่องความไม่ปลอดภัย ซึ่งที่ผ่านมาเราพยายามแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างเต็มที่ โดยฝั่งขวาแม่น้ำยม ขณะนี้มีการดำเนินการออกแบบเพื่อแก้ปัญหาระยะยาวแล้ว ซึ่งหลังจากนี้จะนำเรียน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้รับทราบและพิจารณาถึงแนวทางการแก้ปัญหา เพราะจะสามารถช่วยการระบายน้ำได้เป็นอย่างดี นอกจากช่วยน้ำท่วมแล้ว เวลาน้ำแล้งยังสามารถปิดประตูเก็บน้ำไว้ใช้ได้อีก เพราะในอีก 3 ปี มีการคาดการณ์ว่าจะเกิดภัยแล้งจากเอลนีโญ ดังนั้น ถ้าวางแผนแก้ปัญหาแบบเป็นระบบก็จะสามารถบริหารจัดการน้ำได้ทั้งหมด
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดสุโขทัย นายสมศักดิ์ ระบุว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา พบว่า มีพื้นที่ 9 อำเภอได้รับผลกระทบแล้ว และมีประชาชนได้รับผลกระทบเพิ่มเป็น 2,007 ครัวเรือน พื้นที่กว่า 62,483 ไร่ ที่น่าเป็นห่วงเพิ่มเติมคือ ตำบลปากแคว ตำบลยางซ้าย อำเภอเมือง เกิดคันดินคอสะพานขาด พื้นที่อำเภอศรีสำโรง พนังกั้นน้ำบริเวณสะพานสิริปัญญารัตน์ เกิดแยกตัว และพื้นที่อำเภอสวรรคโลก น้ำเอ่อล้นตลิ่งคันคลอง และบริเวณคอสะพานหลายจุด ตนจึงฝากเตือนพี่น้องประชาชน ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายสมศักดิ์ ยังได้ลงพื้นที่จุดเสี่ยงเพิ่มเติม คือ บริเวณหน้าจวนผู้ว่าฯ สุโขทัย โดยขึ้นหลังรถกระบะ ถือตลับเมตรปีนขึ้นไปวัดระดับน้ำ พบว่าปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้น จากที่พนังกั้นน้ำสามารถรองรับได้ 2.80 เมตร ความหนาของพนังกั้นน้ำอยู่ที่ 15 เซนติเมตร แต่น้ำขณะนี้อยู่ที่ระดับ 2.40 เมตรแล้ว มวลน้ำก้อนใหม่ที่มาจาก อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ ก็กำลังจะไหลมาที่จังหวัดสุโขทัย ซึ่งหากพนังกั้นน้ำได้รับความเสียหายแตกร้าว ก็จะส่งผลให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมตัวเมืองที่เป็นแหล่งชุมชนและตลาด รวมถึงเรือนจำสุโขทัยด้วย โดยจุดนี้ นายสมศักดิ์ มีความเป็นห่วงอย่างมาก จึงได้กำชับสั่งผู้ว่าฯ สุโขทัย ให้ดูแลใกล้ชิด เพราะไม่อยากให้น้ำทะลักเข้าพื้นที่เศรษฐกิจของจังหวัด.
