‘ลาสเวกัส’ ลงทุนด้านความยั่งยืน มุ่งสู่เมืองโซลาร์เซลล์ ต้นแบบการจัดการน้ำ
วันที่ส่ง: 07/11/2024 - ผู้เขียน: กรุงเทพธุรกิจ
“ลาสเวกัส” เมืองที่ใครต่างติดภาพว่าเป็นเมืองคนบาป เต็มไปด้วยกาสิโนที่ไม่เคยหลับใหล ความฟุ่มเฟือย และความสุขสำราญ แต่เมืองแห่งนี้หันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ด้วยการลงทุนหลายล้านดอลลาร์ในการผลักดันโครงการด้านความยั่งยืน ตั้งแต่การอนุรักษ์น้ำ การจัดการขยะ ไปจนถึงพลังงานแสงอาทิตย์
มาร์โก เวล็อตตา เจ้าหน้าที่ด้านความยั่งยืนของเมืองลาสเวกัสกล่าวว่า ความพยายามดังกล่าวเริ่มต้นอย่างจริงจังในปี 2548 และถูกเร่งดำเนินการด้วยพระราชบัญญัติการฟื้นฟูในปี 2552 ที่ออกโดยรัฐบาลกลาง ซึ่งกำหนดเป้าหมายสำหรับพลังงานหมุนเวียน การอนุรักษ์น้ำ การรีไซเคิล และอาคารสีเขียว
“ด้วยพระราชบัญญัติการฟื้นฟูและแนวทางของสภาเมือง ทำให้สามารถลงทุนเริ่มต้น 75 ล้านดอลลาร์ในโครงการความยั่งยืนได้” เวล็อตตากล่าว
แม้ว่าประชากรในเมืองจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่การใช้น้ำก็ลดลงอย่างมากด้วยเช่นกัน ภายในปี 2573 คาดว่า 50% ของไฟฟ้าทั้งหมดในรัฐเนวาดาจะผลิตจากทรัพยากรหมุนเวียน โดยเฉพาะไฟส่องสว่างตามท้องถนนที่ใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้า
ขณะที่รีสอร์ตส่วนใหญ่ก็หันมาใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น ตามที่รัฐสนับสนุน ด้วยโปรแกรมลดหย่อนภาษีทรัพย์สิน 50% เป็นเวลา 10 ปี นอกจากนี้รีสอร์ตยังต้องปฏิบัติตามมาตรฐานของรัฐในการผลิตพลังงานจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน 40% ซึ่งส่วนใหญ่ทำได้เกิน 40% ซึ่งนโยบายนี้ทำให้ลาสเวกัสได้ก้าวไปไกลมากในช่วงเวลาเพียงไม่นาน
“ตอนแรกนักท่องเที่ยวก็รู้สึกประหลาดใจกับความพยายามในการพัฒนาอย่างยั่งยืนของเมืองเช่นกัน แต่ในตอนนี้ลาสเวกัสได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในด้านความยั่งยืน เพราะฉะนั้นความยั่งยืนจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของเมืองไปแล้ว” เวล็อตตากล่าว
เมืองโซลาร์
ลาสเวกัสเป็นเมืองที่ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ต่อหัวได้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของสหรัฐ เป็นรองเพียงโฮโนลูลู ของฮาวาย โดยในแต่ละปีลาสเวกัสมีแสงแดดมากถึง 320 วัน “เราอาจจะเรียกลาสเวกัสว่าเป็นเมืองแห่งพลังงานแสงอาทิตย์ก็ได้” สเตฟเฟน เลห์มันน์ ศาสตราจารย์ด้านสถาปัตยกรรมและการวางผังเมืองที่มหาวิทยาลัยลาสเวกัส รัฐเนวาดากล่าว
MGM Resorts International บริษัทด้านการบริการและความบันเทิงได้พัฒนาแผงโซลาร์เซลล์ขนาด 100 เมกะวัตต์ ทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้าและจ่ายไฟให้กับโรงแรมในเครือ 11 แห่งในลาสเวกัส ซึ่งเทียบเท่ากับพลังงานที่ใช้กับบ้าน 27,000 หลัง แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว ยังไม่เพียงพอที่จะจ่ายไฟให้กับโรงแรมทั้ง 11 แห่งได้ตลอด 24 ชั่วโมง แม้จะต้องซื้อพลังงานจากซัพพลายเออร์รายอื่นแล้วก็ตาม ทำให้บริษัทมีเป้าหมายที่จะจัดหาพลังงานทั้งหมดจากพลังงานหมุนเวียนภายในปี 2030
“ลาสเวกัสตั้งอยู่ในทะเลทรายโมฮาวีซึ่งเป็นพื้นที่แห้งแล้ง ขาดแคลนน้ำ ทำให้การอนุรักษ์น้ำเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของเหล่าเครือโรงแรมต่าง ๆ และต้องดำเนินงานให้มีความยั่งยืน” ไมเคิล กูลลิช รองประธานฝ่ายความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมของ MGM Resorts International กล่าว
เขากล่าวว่าโรงแรมของ MGM ในบริเวณลาสเวกัสสตริป สามารถประหยัดน้ำได้ 16,000 ล้านแกลลอนตั้งแต่ปี 2007 เป็นผลมาจากนโยบายการใช้น้ำที่เข้มงวด รวมถึงการเปลี่ยนหญ้าเป็นสายพันธุ์ที่เป็นมิตรกับภูมิประเทศที่เป็นทะเลทราย ติดตั้งก๊อกน้ำประหยัดน้ำในโรงแรมทุกแห่ง และนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำและน้ำพุเบลลาจิโอ น้ำพุที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง
ขณะที่ Resorts World Hotel ประกาศว่าในปี ประกาศว่าได้บรรลุเป้าหมายสำคัญในปี 2023 ว่าโรงแรมได้เปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนทั้งหมด หลังจากเปิดให้บริการมาได้ 2 ปี โดยใช้บริการจากบริษัทสาธารณูปโภค NV Energy จัดหาพลังงานหมุนเวียน ซึ่งมาจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานความร้อนใต้พิภพ และพลังงานลมในเนวาดา ให้กับรีสอร์ตที่มีห้องพัก 3,500 ห้อง
แบรนดอน มอร์ริสัน หัวหน้าฝ่ายความยั่งยืนของโรงแรมกล่าวว่าระหว่างการก่อสร้าง ได้มีการนำเหล็กจำนวน 13,000 ตันออกมาจากโครงสร้างที่ถูกทิ้งร้างในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำของสหรัฐในปี 2008 โดยบริษัทได้ลงทุนไปกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้คุ้มค่าที่สุด
รีสอร์ตหลายแห่งในลาสเวกัสใช้พลังงานแสงอาทิตย์และประหยัดน้ำจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่จำเป็นสำหรับเมืองทะเลทรายที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ลาสเวกัสกลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญในการใช้พลังงานแสงอาทิตย์และการอนุรักษ์น้ำอย่างมีประสิทธิผล
อย่างไรก็ตามลาสเวกัสคงมีความท้าทายมากมายรออยู่ ศ.เลห์มันน์ระบุว่า โรงแรมหลายแห่งในบริเวณลาสเวกัสสตริปยังไม่เป็นไปตามมาตรฐาน เนื่องจากหลายแห่งยังทำได้ไม่ดีในแง่ของความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และการใช้น้ำโดยรวมต่อหัวของลาสเวกัสยังคงสูงเกินไป
นอกจากนี้ แหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกหลักในเมืองมีอยู่ 2 แห่ง ได้แก่ การขนส่ง โดยเฉพาะจากรถยนต์และรถบรรทุก และการใช้เครื่องปรับอากาศมากเกินไป ซึ่งศ.เลห์มันกล่าวว่าลาสเวกัสต้องวางแผนและทำงานอย่างขยันขันแข็ง เพื่อให้มีทรัพยากรเพียงพอและยั่งยืนสำหรับเมืองทะเลทรายแห่งนี้
รีสอร์ตต่าง ๆ จำนวนมากกำลังพัฒนาระบบพลังงานแสงอาทิตย์ของตนเอง ซึ่งรวมถึงระบบแบตเตอรี่สำรองเพื่อให้สามารถเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ไว้และใช้งานได้เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน เลห์มันน์กล่าวเสริมว่าน้ำที่ใช้ในลาสเวกัสมากกว่า 97% ได้รับการรีไซเคิล ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมาก เมื่อพิจารณาจากปริมาณน้ำในแม่น้ำโคโลราโด แหล่งน้ำจืดของเมืองที่ลดลงอย่างรวดเร็ว
“ครั้งหนึ่งลาสเวกัสเคยถูกมองว่าเป็นเมืองแห่งขยะและของเหลือใช้ แต่จากความพยายามในการพัฒนาอย่างยั่งยืนของเรา ทำให้เราได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนและความมุ่งมั่นด้านสิ่งแวดล้อม” เวล็อตตากล่าว
ที่มา: BBC, Nevada Business
คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ
'จีน' ผ่านงบใหญ่ 10 ล้านล้านหยวน ลุยแก้หนี้แฝงรัฐบาลท้องถิ่น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าในวันนี้ (8 พ.ย.67) ที่ประชุมคณะกรรมาธิการสภาประชาชนแห่งชาติของจีน มีมติ...
‘ทรัมป์’ เลือก ‘ซูซี่ ไวลส์’ เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว สตรีคนแรกรับตำแหน่งนี้
การแต่งตั้ง “ซูซี่ ไวลส์” ดำรงตำแหน่ง ‘แม่บ้านทำเนียบขาว’ เป็นเพียงการประกาศครั้งแรกจากการประกาศแต่ง...
ธนาคารและบริษัทโทรศัพท์ ต้องรับผิดชอบต่อการหลอกลวงออนไลน์
กฎหมายนี้จะเน้นไปที่การหลอกลวงแบบ Phishing เช่น เว็บไซต์ปลอม อีเมลปลอม หรือ SMS ปลอม ที่มิจฉาชีพปลอม...
‘ซาราห์ แม็คไบรด์’ หญิงข้ามเพศคนแรกในสภาสหรัฐ
“ซาราห์ แม็คไบรด์” สมาชิกวุฒิสภาสองสมัยจากรัฐเดลาแวร์ กลายเป็น “ผู้หญิงข้ามเพศคนแรก” ที่ชนะการเลือกต...