เดอะมอลล์ ชี้ หมีเนย หมูเด้ง อินฟลูเอนเซอร์หน้าใหม่ ฮีลใจคนไทย จากความเครียด

หนึ่งในกระแสร้อนแรงของประเทศไทยกับการมาของเซเลบดังหน้าใหม่กับ น้องหมีเนย และหมูเด้ง โดยหมีเนย ทำให้ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ มีลูกค้าเข้ามาหาน้องหมีเนยอย่างหนาแน่นในทุกครั้งที่ปรากฏตัว ต่อยอดไปจนถึงการสร้างคอนเทนต์ การเดบิวต์เป็นนักร้องออกซิงเกิ้ลแรก การคอลแลบส์กับหลากหลายแบรนด์ในประเทศไทย และต่างชาติ โดยเฉพาะประเทศจีน ที่น้องหมีเนย ได้รับความนิยมแบบแมส จึงเกิดการคอลแลบส์กับแบรนด์กาแฟจีน "Luckin Coffee" ที่เป็นเชนร้านกาแฟที่มีสาขามากสุดในโลก ร่วมนำเสนอสินค้าคอลเลกชันพิเศษ พร้อมต่อยอดสู่การจัดแฟนมีตติ้งในประเทศไทย

สำหรับ "หมูเด้ง" ลูกฮิปโปแคระ ของ แม่โจน่า และพ่อโทนี่ แห่ง "สวนสัตว์เปิดเขาเขียว" ได้ถูกนำเสนอเรื่องราวผ่านเพจ "ขาหมูแอนด์ เดอะแก๊ง" จากผู้ดูแลเพจคือ ที่ทุกคนต่างเรียกว่า "พี่เบนซ์" หรือ อรรถพล หนุนดี ฉายาผู้ให้กำเนิด "หมูเด้ง" ทำหน้าที่ Zoo keeper ของสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ได้นำเสนอภาพถ่ายต่างๆ ออกมา เกิดภาพไวรัลไปในประเทศไทย และทั่วโลก ไล่เลียงตั้งแต่วงการ วาดรูป ไอที คริปโทเคอร์เรนซี อาหาร กีฬา และบันเทิงต่างๆ อีกมากมาย ทำให้ "องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์"  ได้ร่วมมือกับภาคเอกชนไทยจำนวน 38 บริษัท ออกสินค้าพรีเมียมถูกลิขสิทธิ์ พร้อมนำรายได้ส่วนหนึ่งนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม รวมถึงนำไปดูแล และสนับสนุนการดูแลชีวิต และสัตว์ป่านานาชนิด รวม 6 สวนสัตว์

ทั้งหมดสะท้อนอีกมิติของผู้คนในประเทศไทย และทั่วโลก ต่างต้องการ "คอนเทนต์ ที่มีความบันเทิง" โดยเฉพาะคอนเทนต์ที่สร้างความสุข และทำให้เกิดรอยยิ้มมากขึ้น ในภาวะที่ทุกคนถูกหล่อหลอม ด้วยความกดดันจากชีวิตส่วนตัว และการทำงานต่างๆ มากมาย! แต่ กระแสไวรัล อาจเกิดไม่ได้เลย ถ้าไม่มีการนำเสนอผ่านโซเชียลต่างๆ ที่ทำให้เกิดการแชร์ และส่งต่อถึงคนทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว  

นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ฉายภาพ พฤติกรรมของคนไทยในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป มีความเครียดมากขึ้น ทำให้ต้องการคอนเทนต์ต่างๆ ที่มาฮีลใจ จึงสร้างเกิดปรากฏการณ์ความนิยมอย่างรวดเร็วของ "หมีเนย" แห่ง Butterbear และ "หมูเด้ง" แห่งสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ทำให้คนไทยจำนวนมากต่างสนใจติดตามคอนเทนต์ด้านนี้สูงมาก

ทั้งหมด จึงเป็นอีกสิ่งสำคัญที่เดอะมอลล์ สามารถนำมาปรับแผนทำการตลาดให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้าในยุคนี้ ที่ยังต้องการทั้งในด้านความสุข และความบันเทิงเช่นกัน 

"ที่ผ่านมา เราพบอินไซด์ที่น่าสนใจของกลุ่มลูกค้าระดับบนที่มีกำลังซื้อ ต่างระมัดระวังในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และคิดมากขึ้น โดยลูกค้ากลุ่มนี้แม้ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ แต่อยู่ในสังคมที่บอกว่า เศรษฐกิจไม่ดีนัก จึงรู้สึกไม่ดีที่จะใช้จ่ายตามปกติ เลยระมัดระวังใช้จ่ายเพิ่มขึ้นไปด้วย" 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากระแสของหมีเนย และหมูเด้งมาแรงมาก แต่ในมุมมองของอินฟลูเอนเซอร์ในประเทศไทย ยังมีความสำคัญต่อภาคธุรกิจในการทำการตลาดผ่านกลุ่มนี้สูงมากเช่นกัน

ค้าปลีก เร่งทำการตลาดผ่าน อินฟลูเอนเซอร์

สำหรับภาคค้าปลีก บทบาทของอินฟลูเอนเซอร์มีความสำคัญมาก โดยมีการร่วมมือไม่จำกัดเฉพาะแม็คโคร และนาโนเท่านั้น ได้ขยายไปจนถึงกลุ่มเล็กๆ มากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับตลาดและกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่มีความต้องการหลากหลายมากขึ้น 

ขณะเดียวกัน อินฟลูเอนเซอร์ที่มีบทบาทสำคัญอย่างมาก ทำให้ในแต่ละปีเดอะมอลล์มีการร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์มาร่วมทำแคมเปญการตลาดต่างๆ ร่วมกัน ตั้งระดับ 100 ไปจนถึง 1,000 คน พร้อมใช้ในงบการตลาดมีสัดส่วน 5-10% เกี่ยวข้องกับอินฟลูเอนเซอร์

ตลาดคอนเทนต์ ครีเอเตอร์-อินฟลูเอนเซอร์โตปีละ 20-30%

นางสาวสุวิตา จรัญวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เทลสกอร์ จำกัด มองภาพรวมอุตสาหกรรมคอนเทนต์ครีเอเตอร์ และอินฟลูเอนเซอร์ของประเทศไทย มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น โดยในประเทศไทยมีกลุ่มคนทำงานทั้งคอนเทนต์ครีเอเตอร์ และอินฟลูเอนเซอร์ จำนวน ประมาณ 9 ล้านบาท แบ่งเป็น Full-time กว่า 2 ล้านคน และ Part-time ทั้งกลุ่มไมโคร ที่มีผู้ติดตาม 1,000-20,000 คน จำนวนประมาณ 7 ล้านคน โดยประเมินว่า สร้างมูลค่าต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2567 ประมาณ 45,000 ล้านบาท

สำหรับทั่วโลกตลาด คอนเทนต์ ครีเอเตอร์ มีจำนวน 200 ล้านคน จากจำนวนประชากรโลกกว่า 7,000 ล้านคน โดยขนาดตลาดคอนเทนต์ครีเอเตอร์ทั่วโลกในปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 5.5 ล้านล้านบาท คาดว่าจะเติบโตถึง 16 ล้านล้านบาท ภายในปี 2573 (ไม่รวมตลาดของประเทศจีน)

ทั้งนี้ แนวโน้มตลาดมีการเติบโตประมาณ 20-30% ต่อปี รวมถึงตลาดประเทศไทย และทั่วโลก ซึ่งมีอิทธิพลที่สำคัญมากขึ้น อีกทั้ง 80% ของผู้บริโภคในเอเชีย มีการติดตามอินฟลูเอนเซอร์ และมีแนวโน้มซื้อสินค้าตามที่อินฟลูเอนเซอร์แนะนำ 

“แนวโน้มอินฟลูเอนเซอร์มีความน่าสนใจ และมีความสำคัญมากขึ้น เพราะคนไทยใช้งานโซเชียลมีเดียสูงถึง 50 ล้านคน หรือ 71.5% จากจำนวนประชากรทั้งหมด 70 ล้านคน และ 55% ของผู้บริโภคระบุว่า ส่วนลด และโปรโมชัน ทำให้ติดตามอินฟลูเอนเซอร์ และครีเอเตอร์” 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ