'แม่ตั๊ก' ถึง 'บอสพอล' ดิไอคอนกรุ๊ป สู่สำรวจธุรกิจพันล้าน-หมื่นล้านในไทย

ประเด็นของ “นักธุรกิจ” ที่รวยในเวลาอันรวดเร็ว เมื่อมั่งคั่งแล้วเผยความอู่ฟู้! ให้สังคมรับรู้ และกลายเป็น “คนดัง” หรือประหนึ่งเศรษฐีอินฟลูเอ็นเซอร์ จาก “แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์” เจ้าของร้านทองที่ขายสินค้าให้ลูกค้าแล้ว กลับนำทองไปขายไม่ได้ มีบางส่วนเดือดร้อน ได้รับผลกระทบและขอเงินคืน สุดท้ายถูกตำรวจจับคาบ้านพักของตัวเอง

ล่าสุด อีกองค์กรธุรกิจที่สังคมกำลังเกาะติดคืออาณาจักร “ดิไอคอน กรุ๊ป” ของ “พอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล” ที่ก่อร่างสร้างตัวเป็นนักธุรกิจขายตรง และตั้งบริษัทขึ้นมา ทว่า ระยะเวลาเพียง 5 ปี (2562-2566) มีบริษัทต่างๆ สามารถทำเงินทะลุ “หมื่นล้านบาท” เช่น

 -ปีงบ 2564 รายได้รวม 4,950,055,693 บาท กำไรสุทธิ 813,444,976 บาท

-ปีงบ 2565 รายได้รวม 3,071,284,612 บาท กำไรสุทธิ 188,084,851 บาท

"การตลาดแบบตรง" ธุรกิจ “ดิไอคอนกรุ๊ป”

จากข้อมูลของ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ระบุว่าบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด (THE iCON GROUP) มีรายชื่อจดทะเบียน “ธุรกิจการตลาดแบบตรง” แต่ไม่ได้จดทะเบียนผู้ประกอบการธุรกิจขายตรง และไม่ได้อยู่ในสมาคมการขายตรงไทย

นิยามของธุรกิจ “การตลาดแบบตรง” กับธุรกิจขายตรงที่ผู้บริโภครู้จักกันเป็นอย่างดีนั้น “แตกต่างกัน” ซึ่ง “สมาคมการขายตรงไทย” ได้ออกโรงให้ข้อมูล ความรู้ เกี่ยวกับธุรกิจการขายตรงที่ถูกต้อง กับรูปแบบการตลาดแบบตรงอื่นๆ

เช่น ค่าธรรมเนียมในการสมัครต่ำ เงินค่าสมัครจ่ายเพื่อคู่มือความรู้ เอกสารฝึกอบรม และสินค้าตัวอย่างเท่านั้น ,รับประกันคุณภาพความพอใจของสินค้าโดยการคืนเงิน ลูกค้าสามารถเปลี่ยน หรือ คืนสินค้ากับบริษัทได้ เพราะบริษัทมีความรับผิดชอบต่อผู้ขาย ซึ่งเป็นผู้ที่ดำเนินธุรกิจอย่างแท้จริง และการจ่ายผลตอบแทน รายได้ และตำแหน่ง จะขึ้นอยู่กับการทำงานของผู้ขาย คือรายได้จะมาจากยอดขายที่ขายสินค้า ที่สำคัญเป็น “ธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นการขายสินค้าอีกรูปแบบหนึ่งที่นอกเหนือจากการขายตามห้าง ซึ่งผู้บริโภค นักขายตรง และบริษัทขายตรงก็ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมาย” เป็นต้น

ขณะที่การตลาดแบบตรงซึ่งเป็นโมเดลหรือรูปแบบของ “ดิไอคอน กรุ๊ป” ดำเนินการ “จะไม่มีพนักงานขาย” เป็นการขายสินค้า หรือบริการในลักษณะของการสื่อสารข้อมูลผ่านสื่อต่างๆ ทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถจับต้องสินค้าหรือเห็นรูปร่างลักษณะของสินค้าได้อย่างชัดเจน ปัญหาที่เกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค ส่วนใหญ่พบว่าสินค้าที่ผู้บริโภคสั่งซื้อมักจะไม่ตรงกับคำกล่าวอ้างตามที่ได้โฆษณาผ่านสื่อต่างๆ และเมื่อผู้บริโภคใช้สิทธิคืนสินค้าตามที่ผู้ประกอบธุรกิจให้คำรับประกันความพอใจก็ไม่ได้รับเงินคืน หรือได้รับเงินคืนล่าช้าเกินควร

การค้าขายระบบปิระมิด "ร่ำรวยรวดเร็ว"

นอกจากนี้ สมาคมการขายตรงไทย ยังชี้มีการค้าขาย “ระบบปิระมิด” ซึ่งต่างจากขายตรงด้วย ที่สุ่มเสียงสร้างผลกระทบกับผู้บริโภค เนื่องจากค่าธรรมเนียมจากการสมัครสูง “ผู้สมัครจะถูกหลอกให้จ่ายค่าฝึกอบรม และซื้อสินค้าเกินความต้องการ ผลกำไร” ของระบบพีระมิดส่วนใหญ่จะมาจากการรับสมัครสมาชิก ในการสร้างรายได้จะมาจากการรับสมัครสมาชิกใหม่ ซึ่งจะถูกบังคับให้ซื้อสินค้าที่มีราคาสูงเป็นจำนวนมาก ไม่มีนโยบายรับซื้อสินค้ากลับคืน เพราะนโยบายนี้จะทำให้ระบบพีระมิดล้มได้ และ “ร่ำรวยในเวลารวดเร็ว” หรือ Get - rich - quick scheme

ที่น่าสนใจคือผู้ที่อยู่ระดับ “ยอดพีระมิด” มีไม่กี่คน และมั่งคั่งจากผู้เข้าร่วมจำนวนมากซึ่งเป็น “ฐานของพีระมิด” ที่ควักเงินจ่ายเบื้องบนสุดนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีการฉ้อฉลหลอกลวงคนให้เข้ามาในระบบ เป็นต้น

กว่าจะเป็นองค์กร “หมื่นล้านบาท” ธุรกิจยืนหยัดหลายทศวรรษ

เมื่อ “ดิไอคอนกรุ๊ป” กลายเป็นองค์กร “หมื่นล้านบาท” ในเวลาอันรวดเร็ว เท่านั้นไม่พอ สิ่งที่สังคมจับจ้องคือ “ประวัติ” ที่ไม่ได้มีพื้นฐานจากการเป็นทายาทธุรกิจ หรือเคยคร่ำหวอดในแวดวงการค้ามาก่อน ทำไมจึงประสบความสำเร็จล้นหลาม

ทว่า “กรุงเทพธุรกิจ” ชวนผู้อ่านแกะรอยความมั่งคั่งขององค์กรธุรกิจระดับ “หมื่นล้านบาท” ที่กว่าจะทำเงินมั่งคั่งขนาดนั้น ต้องใช้เวลายาวนาน สั่งสมประสบการณ์ ความน่าเชื่อถือในการจำหน่ายสินค้าและบริการหลายปี รวมถึงสร้างแบรนด์จนครองใจผู้บริโภคได้

ประเทศไทย มีองค์กรหมื่นล้านจำนวนไม่น้อย ยกตัวอย่าง “เครือสหพัฒน์” ที่มีบริษัทในเครือจำนวนมาก หากดูการค้าขายทำเงินกว่าจะได้ “หมื่นล้านบาท” ไม่ง่าย บางบริษัทมีสินค้าดัง ผู้บริโภครู้จักอย่างดี ยังทำเงินไม่ถึงหมื่นล้านด้วยซ้ำ

บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน) มียืนหยัดในตลาด 53 ปี ทำรายได้ปีก่อนแตะ “หมื่นล้านบาท” จากปีก่อนหน้ารายได้กว่า 9,000 ล้านบาท หรือย้อนไปอีกปี 2565 รายได้กว่า 7,000 ล้านบาท เป็นต้น ส่วนสินค้าในพอร์ตโฟลิโอ เรียกว่ารู้จักกันดีทั้งชุดชั้นในวาโก้ เสื้อผ้าแอร์โรว์ ลาคอสท์ มิตซูโน่ บีเอสซี แบรนด์ดังขนาดนี้ ยังขายสินค้าทำเงินสู้ “ดิไอคอนกรุ๊ป” ไม่ได้เลย ทั้งที่แจ้งเกิดเพียง 5 ปี

ขนาดยักษ์สินค้าอุปโภคบริโภคยังไม่สู้ “ดิไอคอนกรุ๊ป”

ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคของไทย มีหลายแบรนด์ดังที่ตบเท้าเข้ามาปักฐานการผลิต นำแบรนด์สินค้าดังระดับโลกมาสู่คนไทย และทำตลาดหลายปี “ยอดขาย-รายได้” ยังยากจะทัดเทียมกับ “ดิไอคอนกรุ๊ป”

ตัวอย่างองค์กรหมื่นล้านบาทข้ามชาติ เช่น บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด มีสินค้าอยู่ในเกือบครบทั้ง 22 ล้านครัวเรือนไทย หรือปัจจุบันคือ 98% ขนาดที่มีข้อมูลเชิงลึกว่าผู้บริโภคชาวไทย 1 คน จะมีการใช้สินค้าของยูนิลีเวอร์อย่างน้อย 3 ชิ้นต่อวัน จากหลากแบรนด์ไม่ว่าจะเป็นผงซักฟอกบรีส โจ๊กคนอร์ แชมพูโดฟ ครีมบำรุงผิวซิตร้า น้ำยาล้างจานซันไลต์ ยาสระผมซันซิล สบู่ลักษ์

เรียกว่าขายสารพัดสินค้าจำเป็นที่คนต้องใช้ทุกวัน ผนวกกับการทำตลาดมากว่า 90 ปี ยังสร้างยอดขายกว่า 4 หมื่นล้านบาท บิ๊กคอร์ประดับโลกที่มีประสบการณ์บนเส้นทางธุรกิจกว่า 100 ปี จะเติบโตได้แต่ละย่างก้าวจะเห็นว่าไม่ง่าย

หรือ “คาโอ” ผู้ผลิตสินค้าจำเป็นสัญชาติญี่ปุ่น มีแบรนด์ดังไม่แพ้กัน ทั้งผงซักฟอกแอทแทค ไฮเตอร์ บิโอเร แฟซ่า ผ้าอนามัยลอรีเอะ ยืนหยัดในตลาดไทย 60 ปี ยอดขายยังทะลุ 1 หมื่นล้านบาทไม่มากนัก

แม้กระทั่ง “คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย)” ที่สร้างฐานทัพธุรกิจในไทยกว่า 60 ปี มีสินค้าที่ทุกครัวเรือนต่างต้องเคยใช้ทั้ง ยาสีฟันคอลเกต และสินค้าอื่นๆอีกมากมาย ค้าขายมายาวนาน ยังสร้างยอดขายกว่า 1 หมื่นล้านบาทเช่นกัน

รวมถึงบริษัท เสริมสุข จำกัด(มหาชน) ที่เก่าแก่กว่า 6 ทศวรรษ ขายเครื่องดื่มที่ผู้บริโภคต้องดื่มกันทุกวัน อย่างน้ำดื่มคริสตัล ชาเขียวพร้อมดื่มโออิชิ ฯ องค์กรเหล่านี้ ไม่มีทำเงินหมื่นล้านบาทในห้วงเวลาเพียงครึ่งทศวรรษ

ทางลัดกิจการหมื่นล้านบาท

หากดูเส้นทางองค์กร “หมื่นล้านบาท” ตัวอย่างข้างต้น จะเห็นว่า นอกจากรากฐานบริษัทที่แข็งแกร่ง สินค้าของบริษัทยังเป็นที่รับรู้ในวงกว้าง(Mass) เรียกว่าเข้าถึงคนไทยแทบทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเด็กและผู้ใหญ่

ความต่างของธุรกิจที่ก้าวไปสู่มั่งคั่งอย่าง “ดิไอคอนกรุ๊ป” ที่เห็นได้ชัดคือสินค้าของอีกรายนั้น แทบไม่เป็นที่รับรู้เลย นอกจากการใช้ “นักแสดงดัง”ระดับตัวพ่อตัวแม่ มาเป็น “พรีเซ็นเตอร์” สร้างความน่าเชื่อถือให้กับ “องค์กร”

เมื่อย้อนดูคำกล่าวของ “นักแสดงดัง” ที่สวมบทเป็นพรีเซ็นเตอร์ควบกับภารกิจการสื่อสารองค์กร ที่ประกาศกับสมาชิกให้ทราบถึงผลิตภัณฑ์เซรั่มเปิดตัวเพียงไม่นาน แต่ทำยอดขายทะ 1 ล้านขวด ซึ่งหากคำนวณเป็นยอดขายเชิงมูลค่า ถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม องค์กรจะยิ่งใหญ่เติบโตทางลัด เป็นอาณาจักรหมื่นล้านบาท ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ ซึ่งสิ่งที่ภาคธุรกิจใช้มีทั้งการซื้อและควบรวมกิจการ แต่จะเดินเกมเหล่านี้ได้ต้องมีทุนไม่น้อยในการหนุน

ความสำเร็จ-รวย! จูงใจ

ในโลกโซเชียลนอกจากพูดถึงบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปมุมต่างๆ อีกสิ่งหนึ่งที่มีการแชร์กันให้รับรู้คือ จำนวนไม่น้อยเคยผ่านด่านทดสอบการเป็น “สมาชิก” ของธุรกิจที่มีเครือข่ายคล้ายใยแมงมุง ซึ่งการก้าวขาเข้าไปจะเจอการหว่านล้อมสารพัด ตั้งแต่แต่งกายดี สวมสูทสุภาพ ภูมิฐาน การพูดจาปลุกใจสร้างความฮึกเหิม! ที่ขาดไม่ได้คือการชู “ความสำเร็จ” ทั้งรายได้สูงที่จะพลิกชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือ

นอกจากนี้ การใช้พรีเซ็นเตอร์ คนดังมากมาย มาช่วย “สร้างความน่าเชื่อถือ”(Trust) เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคเข้าไปติดกับดัก และร่วมทำธุรกิจ การค้าด้วย เพราะมีความคิดว่าบรรดาคนดัง คงใช้สินค้า ที่สำคัญ “ดังและรวยระดับนี้” คงไม่มาหลอกให้ชอกช้ำใจ

เมื่อความสำเร็จและ “รวย” กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนถวิลหา ทำให้วลี “ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย” กลายเป็นสิ่งที่สร้างตัวตนความน่าเชื่อถือให้คนพูด อีกด้านเป็นแรงบันดาลใจให้คนขยันอยากรู้สึกว่าขยันถูกที่เสียหน่อยจะได้รวย ยิ่งได้เห็น“ตัวอย่างความสำเร็จ” ของบรรดาเครือข่าย ทำให้ทุกอย่างน่าเชื่อถือ ลงตัวร่วมหัวจมท้ายทำธุรกิจ

สำหรับความสำเร็จของ “บอสพอล” ยังถูกนำไปถ่ายทอดผ่านคอนเทนต์มากมาย เพื่อให้สังคมรับรู้ และสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง อย่างไรก็ตาม หากดูบรรดา “นักธุรกิจชั้นนำของไทย” หลายคนที่ประสบความสำเร็จเป็นมหาเศรษฐีหมื่นล้านแสนล้าน น้อยนักที่จะแบ่งปันคัมภีร์ให้ผู้คนรับรู้ เพราะส่วนใหญ่เป็นนักทำหรือปฏิบัติ เอาเวลาอันมีค่าไปทำธุรกิจ มากกว่านักพูดเรื่องราวสวยหรู

วงการธุรกิจเต็มไปด้วย “บทเรียน” ทั้งความสำเร็จ ล้มเหลว หลอกลวง มีจริยธรรม ธรรมาภิบาล ความซื่อสัตย์ต่อ “ประชาชน-ผู้บริโภค” จึงอยากให้ทุกคนมี “ต่อมเอ๊ะ” ฉุกคิดสักนิดก่อนจะเชื่อ ใช้สินค้าและบริการ เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อและได้รับผลกระทบ เกิดความเสียหายตามมา

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

UN โหวตไทย เป็นคณะมนตรี UNHRC 1 ใน 18 ประเทศด้วยคะแนนสูงสุด

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รั...

ชาวอเมริกันในไทยหย่อนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าคึกคัก

วันนี้ (10 ต.ค.2567) ชาวอเมริกันประมาณ 20 -30 คน ออกมาหย่อนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าที่หน้าสถานทูตสหรัฐใ...

‘อาร์โนลต์’ ขยายอาณาจักรสู่ ‘วงการฟุตบอล’ รุกซื้อหุ้นสโมสรปารีส เอฟซี

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า “ตระกูลอาร์โนลต์” เจ้าของอาณาจักรแบรนด์หรู LVMH ระดับโลก ใกล้บรรลุข้อต...

COP29 เปิดตัวพอร์ทสั่งอาหารออนไลน์ เมนูยั่งยืน เชื่อมโยงวัฒนธรรมทั่วโลก

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2024 The COP29 Azerbaijan Operating Company บริษัทดำเนินงาน COP29 ในประเทศอาเซอ...