‘ท่องเที่ยว’ แบกโจทย์หิน 4 เดือนท้าย ปั๊มรายได้ต่างประเทศอีก 1.2 ล้านล้านบาท

จากสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยตามรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-25 ส.ค. 2567 มีจำนวนสะสม 23,096,752 คน ตลาดสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน 4,694,210 คน มาเลเซีย 3,189,106 คน อินเดีย 1,334,357 คน เกาหลีใต้ 1,226,188 คน และรัสเซีย 1,070,902 คน

แม้ในเชิงจำนวนจะมีแนวโน้มไปถึงเป้าหมาย 36.7 ล้านคนในสิ้นปี 2567 ตามเป้าหมายของรัฐบาลได้ไม่ยาก แต่เชิงรายได้ท้าทายอย่างมาก ด้วยรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วงเกือบ 8 เดือนเต็ม สะสมราว 1.08 ล้านล้านบาท เท่ากับว่าภาครัฐและเอกชนต้องออกแรงปั๊มรายได้เพิ่มอีกกว่า 1.2 ล้านล้านบาทในช่วง 4 เดือนสุดท้าย (ก.ย.-ธ.ค.) เพื่อแตะเป้าหมาย 2.3 ล้านล้านบาทของตลาดต่างประเทศตามที่รัฐบาลตั้งไว้

ท่ามกลางสารพัดความท้าทายจากเศรษฐกิจโลก กำลังซื้อทั้งในและต่างประเทศหดตัว ภาคท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์หลักที่ยังแล่นฉิว ฟื้นสู่ภาวะปกติใกล้เคียงปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด ซึ่งเคยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเฉียด 40 ล้านคน สร้างรายได้ตลาดต่างประเทศ 2 ล้านล้านบาท จากรายได้รวมทั้งตลาดในและต่างประเทศ 3 ล้านล้านบาท

นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า สมาคมฯ มั่นใจว่าตลอดปีนี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าป้าย 36.7 ล้านคนตามเป้าหมายของรัฐบาล แต่จุดที่น่ากังวลคือค่าใช้จ่ายต่อคนยังต่ำ น้อยกว่าปี 2562 ก่อนโควิดระบาดด้วยซ้ำ ทำให้รายได้รวมการท่องเที่ยวไทยปีนี้จะไปถึงเป้าหมาย 3.5 ล้านล้านบาทหรือไม่นั้น มองว่าเป็นเรื่องท้าทายอย่างมาก เพราะมีปัจจัยน่ากังวลทั้งภาวะสงครามที่น่าจะเรื้อรัง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

“เราประเมินว่าช่วงไฮซีซันตั้งไตรมาส 4 ปีนี้จนถึงไตรมาส 1 ปีหน้า นักท่องเที่ยวจะยังคงเดินทางจับจ่าย แต่น่าจับตาว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2568 จะเป็นเช่นไร และส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวมากน้อยแค่ไหน เพราะอย่างตลาดอันดับ 1 นักท่องเที่ยวจีน พบว่าแนวโน้มฟื้นตัวช้า ทางการจีนเองก็เน้นโปรโมตให้คนจีนเที่ยวในประเทศมากขึ้นด้วย”

เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์

“ดุสิตธานี” แนะเจาะเซ็กเมนต์ใหม่ศักยภาพแน่น

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยว่าตลอดปี 2567 ประเมินในแง่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น่าพลาดจากเป้าหมาย 36.7 ล้านคนที่รัฐบาลตั้งไว้ แต่ในแง่จำนวนรายได้ มองว่าเป็นเรื่องท้าทายที่จะไปให้ถึงรายได้รวมการท่องเที่ยวทั้งตลาดในและต่างประเทศ 3.5 ล้านล้านบาท

“ในมุมภาคเอกชนท่องเที่ยวจึงต้องการเห็นรัฐบาลภายใต้การนำของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนใหม่ เข้ามาผลักดันตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพ ให้อยู่เที่ยวไทยนานขึ้น ใช้จ่ายมากขึ้น เติมวัตถุประสงค์การเยี่ยมเยือนด้วยการเจาะเซ็กเมนต์ใหม่ๆ ที่มีศักยภาพการใช้จ่าย ขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้การท่องเที่ยว”

ศุภจี สุธรรมพันธุ์

 

ส่องเทรนด์ตลาดระยะใกล้ ชูเสน่ห์โลเกชัน

สำหรับแนวโน้มเทรนด์นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย กระแสการเดินทางของตลาดระยะไกล (Long Haul) จะไม่มากเท่านักท่องเที่ยวตลาดระยะใกล้ (Short Haul) จากเอเชีย รวมถึงตะวันออกกลาง เนื่องจากนักท่องเที่ยวยุโรปและสหรัฐนิยมท่องเที่ยวในเดสติเนชันใกล้ๆ หรือภายในประเทศมากกว่า ส่งผลให้ผู้ประกอบการโรงแรมต้องปรับตัวด้านการทำตลาด ดึงเสน่ห์ด้วยการชูความพิเศษหรือ Unique Selling Point ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์เทรนด์การเดินทางระยะใกล้มากขึ้น

“การตีความคำว่า โลเกชัน (Location) ก็สำคัญ เพราะจากนี้ไปคงไม่ใช่แค่ว่าโรงแรมตั้งอยู่กลางเมือง ภูเขา หรือแม่น้ำ แต่ต้องดึงเสน่ห์ของโลเกชันนั้นๆ ออกมาด้วย ควบคู่กับการเฟ้นหาความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity & Innovation) ออกแบบข้อเสนอที่พักตอบโจทย์ลูกค้ารายเซ็กเมนต์ซึ่งล้วนมีความต้องการแตกต่างกันชัดเจน เช่น กลุ่มนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางที่สนใจเดินทางมาไทยช่วงโลว์ซีซันหน้าฝน หรือจะเป็นกลุ่มที่สามารถทำงานได้จากทุกที่ (Work From Anywhere) และกลุ่มดิจิทัลนอแมด (Digital Nomad)”

 

เทคโนโลยี-ยั่งยืน ใครทำก่อนได้ก่อน

ขณะเดียวกัน เทคโนโลยียังคงเป็นเทรนด์สำคัญที่ผู้ประกอบการต้องนำมาใช้เพิ่มศักยภาพแก่โรงแรมอย่างเต็มที่ในมิติต่างๆ ทั้งการยกระดับให้เป็น สมาร์ต โฮเทล (Smart Hotel) เพื่อสร้างประสบการณ์น่าประทับใจแก่ลูกค้า การเพิ่มศักยภาพการขาย เช่น ทำ เวอร์ชวล ทัวร์ (Virtual Tour) ให้ลูกค้าสามารถเห็นห้องพักก่อนตัดสินใจจองได้ รวมไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพด้านบริหารต้นทุน

“อีกเรื่องสำคัญที่คนให้ความสนใจก็จริง แต่ในหลายๆ ประเทศยังไม่ได้ทำอะไรมากนัก นั่นก็คือเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco-Friendly) เช่น Waste Management หรือการบริหารจัดการของเสีย ผู้ประกอบการโรงแรมสามารถใส่แนวทางเหล่านี้เข้ามาในการบริหารได้เลยทันที เพราะนี่คือเรื่องที่ใครทำก่อน ได้ก่อน”

 

“ทริปดอทคอมกรุ๊ป” ชี้ 3 เทรนด์หลักน่าจับตา

นายบุน เซียน ชาย กรรมการผู้จัดการ และรองประธานฝ่ายการตลาดต่างประเทศ ทริปดอทคอมกรุ๊ป แพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์ชั้นนำระดับโลก กล่าวว่า หนึ่งในเทรนด์น่าสนใจของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกคือการขับเคลื่อนด้วยตลาดนักเดินทางรุ่นใหม่ เมื่อหมุดหมายของพวกเขาไม่ใช่แค่การเดินทางไปถึงเดสติเนชันนั้นๆ แต่ต้องการไปสัมผัสประสบการณ์อื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะกลุ่มเจน Z ที่เน้นแสวงหาประสบการณ์จากทางโรงแรม เช่น จิบน้ำชายามบ่าย และสปา ซึ่งเป็นบริการที่โรงแรมสามารถจับมือหรือคอลแลปส์กับผู้ประกอบการท้องถิ่นได้

อีกเทรนด์ที่ ทริปดอทคอมกรุ๊ป เห็นได้ชัดคือที่พักทางเลือก เช่น โรงแรมบูติก และที่พักตากอากาศ ได้รับความนิยมสูงมากจากกลุ่มเดินทางกับเพื่อนและครอบครัว ด้วยไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยวต้องการสัมผัสความเป็นท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเห็นเทรนด์การเติบโตของดีมานด์นักท่องเที่ยวกลุ่มลักชัวรี โดยเฉพาะในเอเชีย พบว่ากว่า 63% นิยมจองโรงแรมที่พัก 4-5 ดาว ราคาห้องพักเฉลี่ย (ADR) อยู่ที่ 5,500 บาทต่อห้องต่อคืน

บุน เซียน ชาย 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

จับตา 48 ชั่วโมงอันตราย หลังระเบิดเลบานอน l World in Brief

รมต.เลบานอนเตือนระวังสถานการณ์บานปลายรุนแรง จากเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบา...

‘อาเซียน’ หันใช้คิวอาร์โค้ดพุ่ง ดันภูมิภาคสู่ ‘สังคมไร้เงินสด’

นิกเคอิเอเชียรายงานว่า การชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดเริ่มเป็นที่แพร่หลายในตลาดเกิดใหม่เมื่อหลายปีก่อน เ...

เปิดประสบการณ์เยือน ‘กัมพูชา’ ครั้งแรกของนักการทูตแรกเข้า

“กัมพูชา” ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งคนไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างง่ายดายทั้ง...

“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเลย” ข้อความแรกของซีอีโอใหม่ Nike ถึงพนักงาน

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (20 ก.ย.) ว่า เอลเลียต ฮิลล์ ผู้บริหารคนใหม่ของ Nike Inc., กล่าวต่อ...