GenZ ชาวไทยรั้งผู้นำช้อปปิ้งเอเชีย พร้อมเปลี่ยนแบรนด์ หากได้ข้อเสนอดีกว่า

ประชากร Gen Z หรือผู้ที่เกิดระหว่างปี 2540-2555  เติบโตมาพร้อมกับอินเตอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย เทคโนโลยี และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เป็นคลื่นลูกใหม่ที่ทรงอิทธิพลสูงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมทุกมิติในทุกๆ ประเทศ โดยเฉพาะโลกแห่งการจับจ่ายใช้สอย 

NielsenIQ (NIQ) บริษัทวิจัยผู้บริโภคระดับโลกด้านข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค เปิดเผยถึงข้อมูลจากรายงาน NIQ Spend Z ระบุว่า ประชากร Gen Z ในประเทศไทย เป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมการใช้จ่ายซื้อของเชิงกลยุทธ์มากที่สุดในเอเชีย ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในเทรนด์ของผู้บริโภคและพลวัตของตลาด

ด้วยพฤติกรรมที่มุ่งค้นคว้าหาข้อมูลและให้ความสำคัญกับ "ราคา" ประชากรกลุ่มนี้จึงมีอิทธิพลอย่างมากต่อการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ด้านการค้าปลีกในประเทศไทยและทั่วโลก 

จะเห็นว่า กลุ่มประชากรวัยนี้ก้าวขึ้นมาเป็นเจนเนอเรชั่นที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และมีอำนาจทางการเงินมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกก็มีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว 

จากข้อมูลของ World Data Lab คาดว่า ประชากร Gen Z จะเป็นคนกลุ่มเดียวที่มีจำนวนถึง 2,000 ล้านคน ซึ่งคิดเป็น 25% ของประชากรโลก และคาดการณ์ว่าภายในปี 2577 ประชากร Gen Z ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะกลายเป็นกลุ่มที่มีส่วนสนับสนุนด้านการใช้จ่ายทั้งหมดของครัวเรือน ซึ่งมีมูลค่าการใช้จ่ายมากกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ รายงานของ NIQ ชี้ให้เห็นว่า กลุ่มผู้บริโภค Gen Z ชาวไทย 86% จะศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของผู้บริโภคชาวเอเชียกลุ่มวัยเดียวกันที่ 71% ประชากรกลุ่มนี้มักจะฟังคำแนะนำจากอินฟลูเอนเซอร์และกลุ่มเพื่อนของตน โดย 75% จะพึ่งพาแหล่งข้อมูลเหล่านี้เพื่อช่วยในการตัดสินใจ 

นอกจากนี้ 42% ของผู้บริโภค Gen Z จะชอบซื้อของบนช่องทางโซเชียลมีเดีย อาทิ ผ่านการคลิกลิงก์จากช่องทางของอินฟลูเอนเซอร์ การซื้อผ่านแอป ผ่านช่องทางโฆษณาออนไลน์ และช่องทางการไลฟ์สดขายของ ถือเป็นส่วนสำคัญของประสบการณ์การซื้อของคนกลุ่มนี้

หากได้ข้อเสนอที่ดีกว่า Gen Z พร้อมเปลี่ยนแบรนด์ 

สิ่งที่น่าสนใจจากข้อมูล ยังพบว่า "ราคา" เป็นจุดเด่นในการตัดสินใจซื้อของประชากร Gen Z ชาวไทย โดย 71% ยินดีที่จะเปลี่ยนแบรนด์เพื่อให้ได้ข้อเสนอที่ดีกว่า เมื่อเทียบกับ 67% ของประชากรกลุ่มวัยเดียวกันทั่วเอเชีย

นอกจากนี้ 68% ของผู้บริโภคชาวไทยกลุ่มนี้ยังคงใช้เว็บไซต์และแอปในการเปรียบเทียบราคาอยู่เสมอ สะท้อนถึงแนวทางเชิงกลยุทธ์ในการซื้อของพวกเขา

เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยในเอเชียแปซิฟิก ประชากร Gen Z ในประเทศไทยมักจะแสดงถึงการใช้แนวทางเชิงกลยุทธ์ได้ดีกว่าอย่างสม่ำเสมอ ถือเป็นมาตรฐานสำหรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่รอบรู้และคำนึงถึงราคา

ธุรกิจต้องปรับตัว-เปลี่ยนเปลี่ยน รับพฤติกรรมการซื้อ Gen Z

ความมุ่งมั่นของผู้บริโภครุ่นใหม่ในประเทศไทยในการค้นคว้าหาข้อมูลอย่างละเอียด คำนึงถึงราคา และความมีอิทธิพลต่อครัวเรือน ทำให้ Gen Z กลายเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงพลวัตของตลาด ภายใต้อิทธิพลที่ได้ขยายออกไปไกลมากเกินกว่าการซื้อของส่วนตัว จนส่งผลต่อการตัดสินใจในการซื้อของสำหรับของครอบครัว

ดังนั้น NIQ มองว่า หากต้องการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค Gen Z  ธุรกิจต่างๆ จะต้องปรับตัวให้เข้ากับนิสัยการซื้อที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และค่านิยมของประชากร Gen Z อาทิ  

- การนำเสนอข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่โปร่งใสและมีรายละเอียดเพื่อตอบสนองความต้องการด้านการวิจัยของผู้บริโภค

- การเสนอโปรแกรมสะสมคะแนนและข้อเสนอพิเศษซึ่งสามารถช่วยป้องกันการเปลี่ยนแบรนด์ของลูกค้าได้

- ธุรกิจควรปรับแต่งกลยุทธ์การตลาดเพื่อดึงดูดผู้ซื้อที่ให้ความสำคัญต่อการวิจัย

- ใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดีย อินฟลูเอนเซอร์ และคำแนะนำจากกลุ่มเพื่อน เพื่อสร้างความไว้วางใจและขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจได้

- ธุรกิจต่างๆ ควรให้ความสำคัญถึงความถูกต้อง ความยั่งยืน และผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจในด้านสุขภาพมากขึ้น

- ลงทุนในนวัตกรรมที่สอดคล้องกับความชอบของคน Gen Z  ทั้งความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความใส่ใจด้านสุขภาพ

"การให้ความสำคัญและสนับสนุนค่านิยม  รวมถึงการปรับแต่งผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ จะช่วยสร้างความเชื่อมโยงที่ยั่งยืนกับกลุ่มผู้บริโภคที่มีอิทธิพลเหล่านี้ได้ และจะช่วยรับประกันความภักดีต่อแบรนด์และความสำเร็จของแบรนด์ในระยะยาว"

ดังนั้น ภาคธุรกิจต่างๆ ต้องเร่งปรับตัวให้เข้ากับแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงเหล่านี้เพื่อการเติบโตในภูมิทัศน์ที่มีการแข่งขันสูง นิสัยการซื้อของเชิงกลยุทธ์ของประชากร Gen Z ในประเทศไทยไม่ได้เปลี่ยนแปลงแค่ภาคค้าปลีกเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงผลักดันการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่จะกำหนดอนาคตของตลาดอีกด้วย

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ