เปลี่ยน‘Vision’ เป็น ‘Action’ โจทย์ใหญ่ ‘แพทองธาร’ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

แม้ว่าขั้นตอนทางรัฐสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่จะมีความราบรื่น และเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลา 2 วัน หลังจากที่เศรษฐาพ้นจากตำแหน่งวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมาสภาฯก็โหวตให้แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31

ขณะนี้นายกรัฐมนตรีอยู่ระหว่างการเข้ารับตำแหน่งตามขั้นตอนโดยต้องรอให้มี ครม.ชุดใหม่ก่อนนายกฯจะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณพร้อม ครม.จากนั้นจะมีการแถลงนโยบายต่อสภาฯ ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในช่วงกลางเดือน ก.ย.นี้

แม้ว่านายกฯและ ครม.ใหม่จะยังทำหน้าที่ในตำแหน่งไม่ได้อย่างเป็นทางการ แต่จากวิสัยทัศน์ของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตรที่ได้ฉายภาพแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไว้บนเวที “Vision for Thailand”ที่จัดโดยเครือเนชั่น เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมาก็ถือเป็น“วิชั่น”สำคัญที่รัฐบาลจะนำไปขับเคลื่อนต่อได้

เพราะเป็นวิชั่นที่ครอบคลุมตั้งแต่เรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเฉพาะหน้า เช่น เรื่องการแก้ปัญหาหนี้สินโดยการแฮร์คัทหนี้เสียบางส่วน การกระตุ้นเศรษฐกิจที่ใช้เงินที่มีอยู่จาก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2567 ที่รัฐบาลเดิมได้ทำไว้วงเงิน 1.22 แสนล้านบาทมาแจกให้กลุ่มคนเปราะบาง และกลุ่มผู้พิการ

ไปจนถึงนโยบายที่ต้องทำระยะต่อไปทั้งการดึงการลงทุน สนับสนุนทุนไทยไปลงทุนนอก หาโอกาสใหม่ๆให้เศรษฐกิจของประเทศ เช่น การสร้างให้ไทยเป็นฮับการเงินโลก ดึงธุรกิจดาวเทียมจากจีนมาร่วมมือผลิตในไทย

การสร้างฐานส่งจรวดจากไทยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ไปจนกึงการปฏิรูประบบภาษี ลดภาษีนิติบุคคล ทำภาษี Negative Income Tax และดึงเศรษฐกิจใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดินเพื่อสร้างรายได้ใหม่ และนำเอาเงินที่ได้มากำหนดการใช้จ่ายภาษีโดยเฉพาะแบบที่เรียกว่า Earmarked Tax เป็นต้น

วิชั่นเหล่านี้ถือว่าเป็นแนวคิดที่ดีและหากทำได้จริงจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับประเทศได้ทั้งระยะสั้น และการสร้างการเติบโตในระยะยาว ซึ่งอดีตนายกฯทักษิณเองก็บอกว่าพร้อมจะสนับสนุนนายกรัฐมนตรีเป็นคนช่วยคิดช่วยผลักดันการทำงานอยู่ตลอดเวลา

อย่างไรก็ตามแม้ว่านายกฯแพทองธารจะมี“โค้ช”ที่ดี ที่มีวิชั่น มีไอเดียในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่น่าสนใจ

อย่างไรก็ตามการเข้าไปขับเคลื่อนการบริหารประเทศในฐานะนายกรัฐมนตรีถือว่าเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของแพทองธารที่เป็นนายกรัฐมนตรีเอง ซึ่งความสำเร็จ หรือความล้มเหลวที่จะเกิดขึ้นนายกรัฐมนตรีปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้

การขับเคลื่อนประเทศโดยแปลงจากวิชั่นให้เป็นนโยบาย และเปลี่ยนจากนโยบายไปสู่การปฏิบัติจึงถือเป็นความท้าทายการทำงานของทุกรัฐบาล หากไม่มีการขับเคลื่อนนโยบายอย่างเป็นระบบก็จะไม่สามารถทำให้วิชั่นที่ดีเกิดขึ้นได้จริง
 

เรื่องนี้จึงเป็นโจทย์สำคัญที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องรีบทำความเข้าใจ และเรียนรู้ให้ได้โดยเร็วว่าจะขับเคลื่อนจากวิชั่นให้เป็นนโยบายที่แอคชั่นปฎิบัติจริงได้อย่างไร

เพราะหากทำได้ก็จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น แต่หากทำไม่ได้ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจก็จะลดลง และแรงกดดันทางการเมืองก็จะตามมาในที่สุด

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

จับตา 48 ชั่วโมงอันตราย หลังระเบิดเลบานอน l World in Brief

รมต.เลบานอนเตือนระวังสถานการณ์บานปลายรุนแรง จากเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบา...

‘อาเซียน’ หันใช้คิวอาร์โค้ดพุ่ง ดันภูมิภาคสู่ ‘สังคมไร้เงินสด’

นิกเคอิเอเชียรายงานว่า การชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดเริ่มเป็นที่แพร่หลายในตลาดเกิดใหม่เมื่อหลายปีก่อน เ...

เปิดประสบการณ์เยือน ‘กัมพูชา’ ครั้งแรกของนักการทูตแรกเข้า

“กัมพูชา” ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งคนไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างง่ายดายทั้ง...

“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเลย” ข้อความแรกของซีอีโอใหม่ Nike ถึงพนักงาน

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (20 ก.ย.) ว่า เอลเลียต ฮิลล์ ผู้บริหารคนใหม่ของ Nike Inc., กล่าวต่อ...