ส่องพอร์ตมหาเศรษฐี’อินเดีย’ลงทุนอะไร ในช่วงเศรษฐกิจโตแรง

ตามรายงานของไนท์แฟรงค์ (Knight Frank) บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์  คาดว่าอินเดียจะมีจำนวน "มหาเศรษฐี”เติบโตเร็วที่สุดในโลกในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จากที่ในปีนี้ "เมืองมุมไบ” ขึ้นเป็นศูนย์กลางของเศรษฐีชั้นนำในเอเชียได้แซงหน้า “กรุงปักกิ่ง” ขึ้นเป็นศูนย์กลางมหาเศรษฐีเอเชีย  โดยอยู่อันดับ 3 ของโลก รองจากนิวยอร์กและลอนดอน

จำนวนประชากร มหาเศรษฐีอินเดีย ซึ่งมีสินทรัพย์สุทธิอย่างน้อย 30 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6.1% เป็น 13,263 คนในปี 2566 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 50.1% ภายในปี 2571 ทำให้เป็นประเทศที่มีการเติบโตของเศรษฐีระดับสูงเร็วที่สุดในโลก 

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานเสนอมุมมองที่ว่า ในขณะนี้ เศรษฐีที่กำลังเติบโตของอินเดียกำลังลงทุนความมั่งคั่งของพวกเขาไปที่ไหนบ้าง?

อสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์

อาลอก ไซกัล ประธานและหัวหน้าฝ่ายบริหารความมั่งคั่งของบริษัท Nuvama Private กล่าวว่า ประมาณ 30% ของการลงทุนของมหาเศรษฐีอินเดียถูกทุ่มเทไปยังอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ รวมถึงโครงการต่างประเทศ

นอกจากนี้ผู้คนหันมาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยมากขึ้น เนื่องจากที่ดินมีความผันผวนน้อยลง และมีการจัดสรรความมั่งคั่งไปยังอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยมากขึ้นนับตั้งแต่เกิดการเกิดโรคระบาดโควิด-19

รายงานเผยว่า โดยเฉลี่ยแล้วเศรษฐีระดับสูงชาวอินเดียเป็นเจ้าของบ้านมากกว่า 2 หลัง และประมาณ 12% ของ“เศรษฐีซูเปอร์ริช”ของอินเดียวางแผนที่จะซื้อบ้านหลังใหม่ในปี 2567

“การลงทุนต่างประเทศกำลังเป็นเรื่องสำคัญและเกี่ยวข้องกับคนอินเดียในปัจจุบัน ดังนั้นผู้คนจึงมองหาการย้ายสินทรัพย์บางส่วนไปต่างประเทศหรือแสวงหาการลงทุนทั่วโลก” อาลอก ไซกัล ประธานบริษัท Nuvama Private

นอกจากนี้ เหล่ามหาเศรษฐีของอินเดียยังซื้ออสังหาริมทรัพย์ราคาแพงในต่างประเทศ โดยมุ่งเป้าไปที่ดูไบ ซึ่งประมาณ 20% ของอสังหาริมทรัพย์นอกชายฝั่งของดูไบเป็นเจ้าของโดยนักลงทุนชาวอินเดีย เพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศสำหรับคนรวย หรือให้เช่า และอาจจะขายต่อได้ด้วย

“ดูไบมีทั้งความบันเทิง อาหารอินเดีย … แต่หรูหราขึ้น มันคือมุมไบที่หรูหราขึ้น เดลีที่หรูหราขึ้น” เชธัน เชนอย ผู้อำนวยการบริหารของบริษัทบริหารความมั่งคั่ง Anand Rathi Wealth กล่าว

ลงทุน‘สตาร์ทอัพ’รับกำลังซื้อในอนาคต

การลงทุนในสตาร์ทอัพกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนรวยรุ่นใหม่ของอินเดีย

ไซกัล กล่าวว่า ในช่วง 15-20 ปีที่ผ่านมา ชาวอินเดียรุ่นใหม่จำนวนมากไปศึกษาต่อต่างประเทศ ขยายขอบเขตการเรียนรู้ สร้างเครือข่าย และกลับมาดำเนินธุรกิจของตนเองหรือลงทุนในสตาร์ทอัพ

นิธิน เชงกัปปา กรรมการผู้จัดการของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด กล่าวว่า การลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพในช่วงเริ่มต้นยังเป็นอีกวิธีหนึ่งในการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนของพวกเขา นอกจากนี้มหาเศรษฐีอินเดียยังหันมาลงทุนในสตาร์ทอัพในฐานะ “กลยุทธ์สร้างความมั่งคั่งแบบไดนามิก” โดยวางตำแหน่งตัวเองเพื่อรับผลตอบแทนที่สูงในภาคธุรกิจที่มีการเติบโตสูง เช่น ฟินเทค สุขภาพ และเทคโนโลยี

รวมไปถึงบริษัท “สตาร์ทอัพสินค้าอุปโภคบริโภค” เป็นที่ชื่นชอบของนักลงทุนเหล่านี้ เนื่องจากพวกเขามองหาส่วนแบ่งจากกระแสการบริโภคที่กำลังเติบโตของอินเดียมากขึ้น เนื่องจากจำนวนครัวเรือนที่มีรายได้ปานกลางถึงสูงเพิ่มขึ้น ตลาดผู้บริโภคของอินเดียมีแนวโน้มจะกลายเป็นอันดับสามของโลกภายในปี 2570 ตามประมาณการของ Fitch Solutions’ BMI ทำให้เหล่ามหาเศรษฐีต้องการลงทุนในบริษัทที่นำเสนอสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์

อินเดียคาดว่าจะมีสตาร์ทอัพเพิ่มขึ้น 180,000 แห่งภายในปี 2573 พร้อมกับยูนิคอร์น 280 แห่ง ตามประมาณการของสตาร์ทอัพ Inc42  โดย ณ สิ้นปี 2566 อินเดียมีสตาร์ทอัพจำนวน 117,254 แห่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 350 แห่งในปี 2557

‘สินค้าหรูหรา’พอร์ตการลงทุนที่หลากหลาย

มหาเศรษฐีอินเดียยังแสวงหาโอกาสการลงทุนทางเลือกอย่างจริงจัง ผลการสำรวจของ Knight Frank เปิดเผยว่า ประมาณ 17% ของความมั่งคั่งของเศรษฐีระดับสูงอินเดียถูกนำไปลงทุนในสินค้าหรูหรา โดยมีเครื่องประดับ ศิลปะ และนาฬิกา เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุด

สินค้าเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงการลงทุน แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ที่แสดงถึงสถานะและความหรูหรา ขณะที่เพิ่มมูลค่าก็เพิ่มสูงขึ้นตามกาลเวลา

"เศรษฐีระดับสูงมักมีเงินทุนและความรู้ที่มากกว่าคนทั่วไป ทำให้พวกเขาสามารถกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์หลากหลายชนิดได้ รวมทั้งสินค้าหรูหรา เช่น งานศิลปะ หรือนาฬิกาหรู ช่วยลดความเสี่ยงหากสินทรัพย์บางอย่างขาดทุน"

‘หุ้น’ครองแชมป์ดาวเด่นในพอร์ต

นักลงทุนรายใหญ่ยังคงให้ความสำคัญกับหุ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากมองว่าหุ้นมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่สูง โดยเฉพาะในตลาดอินเดียที่กำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

เค. โจเซฟ โธมัส จาก Emkay Wealth Management ยืนยันว่า หุ้นและกองทุนหุ้น ยังคงเป็นสินทรัพย์หลักในพอร์ตการลงทุนของเศรษฐีซูเปอร์ริช โดยเฉพาะหุ้นขนาดกลางและเล็กที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ เพราะมีโอกาสเติบโตสูงตามไปกับเศรษฐกิจอินเดียที่ขยายตัว

เชงกัปปา จาก ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด เสริมว่า นอกจากหุ้นขนาดกลางและเล็กแล้ว นักลงทุนรายใหญ่ยังกระจายการลงทุนไปยัง หุ้นบลูชิพ ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงและมีความมั่นคง รวมถึงหุ้นในภาคอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตสูง เช่น เภสัชกรรมและเทคโนโลยี

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

จับตา 48 ชั่วโมงอันตราย หลังระเบิดเลบานอน l World in Brief

รมต.เลบานอนเตือนระวังสถานการณ์บานปลายรุนแรง จากเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบา...

‘อาเซียน’ หันใช้คิวอาร์โค้ดพุ่ง ดันภูมิภาคสู่ ‘สังคมไร้เงินสด’

นิกเคอิเอเชียรายงานว่า การชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดเริ่มเป็นที่แพร่หลายในตลาดเกิดใหม่เมื่อหลายปีก่อน เ...

เปิดประสบการณ์เยือน ‘กัมพูชา’ ครั้งแรกของนักการทูตแรกเข้า

“กัมพูชา” ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งคนไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างง่ายดายทั้ง...

“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเลย” ข้อความแรกของซีอีโอใหม่ Nike ถึงพนักงาน

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (20 ก.ย.) ว่า เอลเลียต ฮิลล์ ผู้บริหารคนใหม่ของ Nike Inc., กล่าวต่อ...