เจ้าของ Temu ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีเบอร์ 1 จีน ‘คอลิน หวง’ รวย 1.7 ล้านล้านบาท

คอลิน หวง (Colin Huang) อายุ 44 ปี ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ "พินตัวตัว” (PDD Holdings Inc.)  แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีนบริษัทแม่ของ “เทมู” (Temu) ขึ้นแท่น มหาเศรษฐีเบอร์ 1 จีน ตามดัชนีมหาเศรษฐีของบลูมเบิร์ก ด้วยทรัพย์สินมูลค่า 48,600 ล้านดอลลาร์ แซงหน้า “จงซานซาน”เจ้าสัวน้ำดื่มหนงฟู่สปริงที่ครองตำแหน่งมานานกว่า 3 ปี

หวง เป็นอดีตวิศวกร Google ประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยในธุรกิจเกมและอีคอมเมิร์ซ แต่หลังจากพักรักษาตัวจากอาการป่วย 1 ปีเต็ม ก็กลับมาสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการ “อีคอมเมิร์ซ” ด้วยการก่อตั้งพินตัวตัว  ด้วยโมเดลธุรกิจที่เน้นการขายสินค้าราคาถูกและโปรโมชั่นสุดคุ้ม ทำให้ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในบุคคลที่รวยที่สุดในโลก

ในช่วงโควิด-19 ทรัพย์สินของหวงได้หายไปอย่างรวดเร็วลดลง 87% ในเวลาประมาณหนึ่งปี จากนั้นเกิดเรื่องราวที่น่าประหลาดใจขึ้นกับบริษัทพินตัวตัวที่กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง โดยการขยายธุรกิจออกไปนอกประเทศจีนภายใต้ชื่อแบรนด์ Temu ช่วยต่อกรกับเศรษฐกิจภายในประเทศที่อ่อนแออย่างต่อเนื่อง

ไม่ได้รวยเพราะโชคช่วย

การที่คอลิน หวง ก้าวขึ้นมาเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในจีนนั้น ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลมาจากปัจจัยหลายประกอบกัน

ประการแรกคือ การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคชาวจีน หลังจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ ผู้คนหันมาจับจ่ายใช้สอยอย่างระมัดระวังมากขึ้น และมองหาสินค้าที่มีราคาถูกและคุ้มค่า ซึ่งตรงกับโมเดลธุรกิจของ Pinduoduo พอดี

นอกจากนี้ นโยบายของรัฐบาลจีน ที่กดดันภาคเอกชนอย่างต่อเนื่องก็ส่งผลให้คู่แข่งรายใหญ่ของ Pinduoduo เช่น Alibaba ต้องเผชิญกับความยากลำบาก ทำให้ Pinduoduo สามารถขยายตลาดและเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

แม้ว่าคอลิน ฮวงจะประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่เขาก็ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น

  • การประท้วงจากซัพพลายเออร์

การที่ Pinduoduo เน้นการขายสินค้าในราคาที่ถูกมาก ทำให้ซัพพลายเออร์บางรายไม่พอใจกับการลดราคาและกำหนดเงื่อนไขที่เข้มงวด

  • การแข่งขันที่รุนแรง

แม้ว่า Pinduoduo จะเป็นผู้นำตลาดอีคอมเมิร์ซกลุ่มหนึ่ง แต่ก็ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากคู่แข่งรายอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ

  • การกำกับดูแลจากรัฐบาล

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ

เปิดประวัติ ‘คอลิน หวง’ อัจฉริยะทางคณิตศาสตร์

คอลิน หวง แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ทางคณิตศาสตร์อันโดดเด่นตั้งแต่ยังเด็ก ตอนอายุเพียง 12 ปี ได้รับโอกาสเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนภาษาต่างประเทศหางโจว และเข้าศึกษาต่อในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ณ มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง และศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน ประเทศสหรัฐอเมริกา

หลังจากสำเร็จการศึกษาเพียงสองปี  เขาตัดสินใจกลับบ้านเกิดเพื่อร่วมก่อตั้ง Google China จากนั้นในปี 2550 เขาได้ก่อตั้งบริษัทของตัวเองและประสบความสำเร็จในการขายกิจการในปี 2553 เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้บุกเบิกด้านการตลาดออนไลน์ในจีน ด้วยการช่วยเหลือบริษัทต่าง ๆ ให้เข้าถึงแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ เช่น Taobao และ JD.com 

แม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรคทางสุขภาพจนต้องเกษียณอายุในปี 2556 แต่เขาก็ไม่หยุดนิ่ง นำประสบการณ์และความรู้ที่สั่งสมมาสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ที่ก่อให้เกิด Pinduoduo ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในบริษัทอีคอมเมิร์ซที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก

หวง เคยกล่าวไว้ว่า 'PDD ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่การทำให้คนเมืองรู้สึกหรูหรา แต่เราต้องการมอบสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันให้กับผู้คนในชนบทและเมืองรอง เช่น กระดาษเช็ดมือ ผลไม้สด ในราคาที่คุ้มค่า

“เป้าหมายไม่ใช่ราคาถูก แต่คือการทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าพวกเขาได้รับข้อเสนอที่ดี”

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

จับตา 48 ชั่วโมงอันตราย หลังระเบิดเลบานอน l World in Brief

รมต.เลบานอนเตือนระวังสถานการณ์บานปลายรุนแรง จากเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบา...

‘อาเซียน’ หันใช้คิวอาร์โค้ดพุ่ง ดันภูมิภาคสู่ ‘สังคมไร้เงินสด’

นิกเคอิเอเชียรายงานว่า การชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดเริ่มเป็นที่แพร่หลายในตลาดเกิดใหม่เมื่อหลายปีก่อน เ...

เปิดประสบการณ์เยือน ‘กัมพูชา’ ครั้งแรกของนักการทูตแรกเข้า

“กัมพูชา” ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งคนไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างง่ายดายทั้ง...

“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเลย” ข้อความแรกของซีอีโอใหม่ Nike ถึงพนักงาน

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (20 ก.ย.) ว่า เอลเลียต ฮิลล์ ผู้บริหารคนใหม่ของ Nike Inc., กล่าวต่อ...