‘ทุนจีน’ ไซส์เล็กถอย ‘ทัวร์ทุบตลาด’ เป้า ‘จีนเที่ยวไทย’ ลุ้น 8 ล้านคนเหนื่อย!

ที่แม้นักท่องเที่ยวจีนจะฟื้นตัวช้าจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว แต่ตามเป้าหมายของ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” (ททท.) ในปีหน้าตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย 11 ล้านคน กลับมาเท่าระดับเดิมเมื่อปี 2562

ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ลักษณะการเข้ามาลงทุนภาคท่องเที่ยวและบริการในประเทศไทยของ “ทุนจีน” ยุคฟื้นตัวหลังผ่านวิกฤติโควิด-19 ส่วนใหญ่เป็นทุนขนาดเล็ก ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจบริษัทนำเที่ยว มีวิธีการทำตลาดแบบไม่ปกติ ไม่ได้ลงทุนมากมายเท่าไร แค่ใช้คนไทยเป็นนอมินีจดทะเบียนเปิดบริษัทนำเที่ยว เพื่อเข้ามาทุบตลาด ด้วยการขายแพ็กเกจทัวร์เที่ยวไทยแก่ชาวจีนแบบยอมขาดทุน ทำราคาขายแบบต่ำสุดๆ ไม่สมเหตุสมผล เพราะคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะสามารถกลับมาครองตลาดได้ในภายหลัง ทำให้บริษัททัวร์ของคนไทยอยู่ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม หากไม่เป็นไปตามแผนก็ค่อยถอยกลับไป จึงเป็นที่มาของการเรียกลักษณะการทำทัวร์รูปแบบนี้ว่า “ทัวร์ทุบตลาด”

การทำทัวร์ทุบตลาดถือเป็นวิธีการที่ผู้ประกอบการไทยไม่เห็นด้วย! เพราะจะสร้างความเสียหาย “ทำลายภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทย” หนักยิ่งกว่ากรณีของ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” หากบริษัทนำเที่ยวดังกล่าวเห็นแนวโน้มว่ากรุ๊ปทัวร์จีนนั้นๆ ส่อไม่คุ้มทุน หลังจากข่มขู่และบีบบังคับให้ชอปปิงแล้วแต่ไม่ได้ตามเป้า ก็จะจอดรถทัวร์เพื่อไล่บี้นักท่องเที่ยวจีนให้จ่ายเงินให้ได้ ไม่ยอมปล่อยให้กลับ ทำให้นักท่องเที่ยวจีนรู้สึกแย่ตามมา

“เมื่อทางสมาคมฯ ให้ข้อมูลแก่สังคมถึงการเกิดขึ้นของทัวร์ทุบตลาดเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ทุนจีนที่เข้ามาทำธุรกิจทัวร์แบบนี้ได้เพลาๆ ลง ค่อยๆ ถอยออกไป ไม่ออกมาเล่นเต็มตัว และคิดว่าถ้าทำบ่อยๆ นานเข้าก็ไม่คุ้ม โดยปัจจุบันสมาคมฯติดตามสถานการณ์ และพบว่ายังมีบางรายที่ยังคงทำทัวร์ทุบตลาดอยู่ เราก็พยายามบอกให้กลุ่มคนเหล่านี้ออกไปจากตลาด ส่วนปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ ปัจจุบันมีน้อยมากจนแทบจะหายไปจากตลาดแล้ว”

ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร

ด้านการชอปปิงของกรุ๊ปทัวร์จีนในยุค “สินค้าจีน” ทะลักไทย พบว่าส่วนใหญ่ยังนิยมซื้อ “สินค้าไทย” โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค แต่พฤติกรรมการจับจ่ายเปลี่ยนไปชัดว่ารัดเข็มขัด ประหยัดมากขึ้น “ซื้อเท่าที่จำเป็น” เท่านั้น เพราะเศรษฐกิจจีนไม่ดีในตอนนี้ ทำให้นักท่องเที่ยวจีนต้องคุมงบชอปปิง ต่างจากยุคก่อนโควิดระบาด ตลาดดี เศรษฐกิจดี ชอปปิงแต่ละทีไม่ต้องคิดอะไรมาก ซื้อไปก่อน ใช้เมื่อไรค่อยคิดทีหลัง

สำหรับแนวทางแก้ปัญหาทัวร์ทุบตลาด สมาคมฯมองว่าเบื้องต้นต้องมีการกำกับดูแลให้ “ราคาแพ็กเกจทัวร์” เป็นไปตามกลไกตลาดที่แท้จริง สามารถแข่งขันกันอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นการตั้งราคาสูงหรือต่ำก็ตาม ต้องอยู่ในกรอบ “ความสมเหตุสมผล” เป็นราคาที่สามารถขายได้จริง ไม่ใช่มาตั้งราคาต่ำสุดๆ เพื่อทุบตลาดกันแบบนี้

ส่วนธุรกิจ “โรงแรม” ยังไม่น่าเป็นห่วง ไม่ค่อยมีนอมินีคนไทย เพราะใช้เงินลงทุนสูง ต่างจากบริษัทนำเที่ยว โดยทุนจีนที่เข้ามาลงทุนทำโรงแรมในประเทศไทยส่วนใหญ่ จะลงทุนร่วมกับบริษัทต่างๆ อย่างเป็นทางการมากกว่า

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเข้าไปกำกับดูแลเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา “การกินรวบ” และเข้ามาทำธุรกิจแบบผิดกฎหมายในภาคท่องเที่ยวอยู่แล้ว ทั้งกระทรวง กรม และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้าไป “ดูแลทุกตลาด” อย่างใกล้ชิด ไม่ใช่แค่ตลาดจีนเพียงตลาดเดียว! เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอย โดยทางกรมการท่องเที่ยวเป็นผู้กำกับดูแลธุรกิจบริษัทนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ว่าดำเนินการถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่ ก็จะมีการขึ้นบัญชีดำเอาไว้ ส่วนร้านค้าและร้านอาหาร เป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์

ทั้งนี้ ททท.ตั้งเป้าหมายดึง “นักท่องเที่ยวจีน” เดินทางเข้าไทยในปี 2568 จำนวน “11 ล้านคน” กลับไปเท่ากับระดับปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด พร้อมตั้งเป้ากระตุ้นการใช้จ่ายสูงขึ้น เพื่อสร้างรายได้ให้มากกว่า 5.3 แสนล้านบาทของปี 2562 ส่วนตลอดปีนี้ยังมั่นใจว่านักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยจะยังไปถึงเป้า 8 ล้านคน เฉลี่ยพำนัก 7-8 วัน และจากการเก็บสถิติของผู้ให้บริการชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน อาทิ อาลีเพย์ (Alipay) และวีแชตเพย์ (WeChat Pay) พบว่านักท่องเที่ยวจีนใช้จ่ายในไทยสูงขึ้น

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์

 

สำหรับภาพรวม “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” เดินทางเข้าไทยตลอดปี 2567 น่าจะไปถึง 36.7 ล้านคนตามเป้าหมายรัฐบาล หลังจากตลาดหลักอื่นๆ ในเอเชีย นอกเหนือจาก “จีนเที่ยวไทย” มีแนวโน้มแตะ “8 ล้านคน” ตามเป้าแล้ว พบว่าเกาหลีใต้เข้ามาเที่ยวมากขึ้น ญี่ปุ่นเองก็มีแนวโน้มฟื้นตัวดี อินเดียมีกลุ่มเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (อินเซนทีฟกรุ๊ป) ขนาดใหญ่เข้าไทยมากขึ้นจากอานิสงส์มาตรการยกเว้นวีซ่า (วีซ่าฟรี)

ศิษฎิวัชร กล่าวถึงเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวจีนของ ททท.ในปี 2568 ว่า ตัวเลข “11 ล้านคน” เป็นเป้าหมายที่มีความกดดันสูง ต้องเร่งเครื่องทำตลาดและเห็นปริมาณเที่ยวบินเส้นทาง ไทย-จีน เพิ่มมากกว่านี้ ส่วนปี 2567 จะไปถึงเป้าหมาย 8 ล้านคนหรือไม่นั้น จากสถานการณ์ล่าสุดมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยเฉลี่ย 1.9-2 หมื่นคนต่อวัน สถิตินักท่องเที่ยวจีนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 4 ส.ค. 2567 พบว่ามีจำนวน 4.23 ล้านคน เท่ากับว่าในอีก 5 เดือนสุดท้ายต้องทำให้ได้อีกเกือบ 3.77 ล้านคน การลุ้นไปให้ถึง 8 ล้านคนจึงนับว่า “เหนื่อย” เหมือนกัน!

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

จับตา 48 ชั่วโมงอันตราย หลังระเบิดเลบานอน l World in Brief

รมต.เลบานอนเตือนระวังสถานการณ์บานปลายรุนแรง จากเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบา...

‘อาเซียน’ หันใช้คิวอาร์โค้ดพุ่ง ดันภูมิภาคสู่ ‘สังคมไร้เงินสด’

นิกเคอิเอเชียรายงานว่า การชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดเริ่มเป็นที่แพร่หลายในตลาดเกิดใหม่เมื่อหลายปีก่อน เ...

เปิดประสบการณ์เยือน ‘กัมพูชา’ ครั้งแรกของนักการทูตแรกเข้า

“กัมพูชา” ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งคนไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างง่ายดายทั้ง...

“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเลย” ข้อความแรกของซีอีโอใหม่ Nike ถึงพนักงาน

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (20 ก.ย.) ว่า เอลเลียต ฮิลล์ ผู้บริหารคนใหม่ของ Nike Inc., กล่าวต่อ...