ITC ปล่อยกู้ 1.1 หมื่นล้านแก่ TU / กำไร Q2/67 บวก 127% - จ่อปันผลระหว่างกาล

นายพิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (ITC) เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทวันที่ 6 ส.ค. 2567 อนุมัติการเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกันประเภทการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน และกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567

บริษัทจะให้ความช่วยเหลือทางการเงิน โดยการเข้าทำสัญญากู้ยืมเงินระหว่าง ITC ในฐานะผู้ให้กู้และ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TU) ในฐานะผู้กู้ ซึ่งเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับบริษัทในวงเงินไม่เกิน 11,000 ล้านบาท โดยมีสัญญาเงินกู้ยืมระยะเวลาไม่เกิน 6 ปี รายละเอียดดังนี้
 

• วงเงินกู้ยืมที่ 1 เป็นเงินกู้ระยะยาวไม่เกิน 6,000 ล้านบาท ระยะเวลาการกู้ยืมไม่เกิน 3 ปี โดยมีดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3.10 ต่อปี และสามารถต่ออายุได้ในแต่ละครั้งไม่เกิน 3 ปี รวมอายุทั้งสิ้นไม่เกิน 6 ปี โดยกำหนดให้ทบทวนเครดิต วงเงินอัตราดอกเบี้ย ความเสี่ยง และเงื่อนไขอื่นๆ ก่อนมีการต่ออายุในแต่ละครั้ง
• วงเงินกู้ยืมที่ 2 เป็นเงินกู้หมุนเวียน ไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ระยะเวลาการกู้ยืมไม่เกิน 1 ปี โดยมีดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ประกาศโดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) บวก ร้อยละ 0.10 ต่อปี และสามารถต่ออายุได้ในแต่ละครั้งไม่เกิน 1 ปี รวมอายุทั้งสิ้นไม่เกิน 6 ปี โดยกำหนดให้ทบทวนเครดิต วงเงิน อัตราดอกเบี้ย ความเสี่ยง และเงื่อนไขอื่นๆ ก่อนมีการต่ออายุในแต่ละครั้ง

ดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญาตามประมาณการที่คาดว่าจะได้รับรวมทั้งสิ้น 1,896 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าตามประมาณการ 12,896 ล้านบาท ทั้งนี้ดอกเบี้ยและมูลค่ารวมที่เกิดขึ้นจริงขึ้นอยู่กับเงินกู้ที่เบิกใช้และอัตราดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจริงตามข้อตกลงตามสัญญา

บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการให้กู้ยืมเงินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารเงิน และเพิ่มผลตอบแทนจากการบริหารเงินสดส่วนเกิน ภายใต้กรอบนโยบายการลงทุน และบริษัทจะให้ความช่วยเหลือทางการเงินดังกล่าวให้แก่ไทยยูเนี่ยน ภายหลังจากที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 30 ก.ย. 2567 วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุม (Record date) 20 ส.ค. 2567 วันที่ไม่ได้รับสิทธิเข้าประชุม 19 ส.ค. 2567
 

นายไชยวัฒน์ เจริญรุจิตานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน ITC เปิดเผยถึง ผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ว่า กำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่เท่ากับ 1,009.53 ล้านบาท จากไตรมาส 2/2566 ทำได้ 444.87 ล้านบาท

รวม 6 เดือนแรกปี 2567 มีกำไรสุทธิ 1,830.59 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนทำได้ 870.03 ล้านบาท

คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการระบุว่า กำไรสุทธิไตรมาส 2/2567 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 126.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ เพิ่มขึ้น 23.0% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า สาเหตุหลักจากรายได้จากการขายที่สูงขึ้น กำไรจากการดำเนินงาน และการเพิ่มขึ้นของรายได้อื่น ซึ่งบางส่วนถูกหักกลบด้วยผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ 22.1% สูงขึ้นจาก 13.7% ในไตรมาส 2/2566 และ 20.4% ในไตรมาส 1/2567

สอดคล้องกำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 110.4% เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวในปีก่อนหน้า โดยสาเหตุหลักจากรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น และผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิแข็งแกร่งอยู่ที่ 21.3% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก 12.7% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566

พร้อมกันนี้บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกอยู่ที่ 0.40 บาทต่อหุ้น โดยวันที่ผู้ซื้อหลักทรัพย์จะไม่ได้สิทธิรับเงินปันผล (XD) คือวันที่ 19 ส.ค. 2567 วันกำหนดรายชื่อเพื่อให้สิทธิใดๆ แต่ผู้ถือหุ้น (RD) ในวันวันที่ 20 ส.ค. 2567 และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 3 ก.ย. 2567
 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ