ต่างชาติเที่ยวไทย 7 เดือนแรกทะลุ 20 ล้านคน ส่อง 5 อันดับเดินทางเข้าไทยสูงสุด

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยผลการประเมินเบื้องต้นพบว่า ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมในช่วงเกือบ 7 เดือนเต็ม ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 28 ก.ค. 2567 ทั้งสิ้น 20,335,107 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 957,319 ล้านบาท

สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

1.จีน                  4,065,109 คน

2.มาเลเซีย         2,837,922 คน

3.อินเดีย            1,186,288 คน

4.เกาหลีใต้        1,073,792 คน

5.รัสเซีย               996,990 คน

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (22 – 28 ก.ค.) จากการเข้าสู่ช่วง School holiday ของกลุ่มตลาดระยะใกล้ (Short haul) อาทิ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และไต้หวัน ที่เดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น 0.85% โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ที่เดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น 6,368 คน หรือ 18.06% อีกทั้งนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวสะสมแตะระดับ 4 ล้านคน ในขณะที่กลุ่มตลาดระยะไกล (Long haul) เดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น 1.57% จากการเข้าสู่ช่วงฤดูการท่องเที่ยว (Summer holiday) ของภูมิภาคยุโรป และภูมิภาคตะวันออกกลาง

เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช

สำหรับภาพรวมสัปดาห์ดังกล่าว ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 716,631 คน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ก่อนหน้า 7,364 คน หรือ 1.04% คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 102,376 คน โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ จีน 158,374 คน มาเลเซีย 93,669 คน เกาหลีใต้ 41,623 คน อินเดีย 37,249 คน และเวียดนาม 26,777 คน โดยนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้และมาเลเซีย มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้า 18.06% และ 2.97% ในขณะที่นักท่องเที่ยวจีน อินเดีย และเวียดนามลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าเล็กน้อย

สำหรับในสัปดาห์ถัดไป (29 ก.ค.-4 ส.ค.) คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาทรงตัว จากปัจจัยส่งเสริมการเดินทาง ได้แก่ การเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว Summer holiday ของตลาดภูมิภาคยุโรป การมีมาตรการ Ease of traveling ของรัฐบาล ช่วยเพิ่มการอำนวยความสะดวกในการเดินทางสู่ไทย การยกเว้นบัตร ตม.6 ในด่านทางบกและการกระตุ้นให้สายการบิน เพิ่มจำนวนเที่ยวบิน

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ