ทำถึง! ‘10 หุ้นแบงก์’ ติดแกลม ปันผลสูงสุดทะลุ 10%

10 ธนาคารพาณิชย์ของไทย ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ได้เปิดผลประกอบการกันไปแล้ว โดยในส่วนของไตรมาส 2 ปี 2567  กำไรโดยรวมของ 10 แบงก์อยู่ที่ 62,910 ล้านบาท ลดลง 0.95% หากเทียบกับช่วงไตรมาสที่ผ่านมา แต่ถ้าไปดูในรอบครึ่งปี 2567 10 แบงก์ กำไรสุทธิอยู่ที่ 126,421 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 3.69% หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 121,917 ล้านบาท 

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มแบงก์ ยังเป็นหุ้นยอดนิยมของนักลงทุน ด้วยปัจจัยที่ว่าเป็นกลุ่มที่ถือว่ายังแข็งแกร่งและเป็นหุ้นที่สะท้อนภาวะเศรษฐกิจของไทยได้ดี รวมไปถึงในภาพรวมมีการเติบโตของผลประกอบการดีต่อเนื่อง และที่สำคัญมีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ

 

อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้ ให้ข้อมูลกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ภาพรวมของผลการดำเนินงานหุ้นกลุ่มธนาคารถือว่าเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งยังมีความกังวลเกี่ยวกับ NPL ยังควบคุมได้ไม่ค่อยดี หรืออาจมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจ ทำให้หุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์ หรือกลุ่มอื่น ๆ มีความกังวลตามมาด้วย

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มแบงก์ก็ยังมีความน่าสนใจอยู่ ซึ่งหุ้นที่เห็นว่ามีความมั่นคงในแง่ของผลประกอบการ TTB ส่วน SCB ถึงแม้จะมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น แต่ยังสามารถจ่ายปันผลที่สูงได้อยู่

 

ทั้งนี้ แม้ว่า TTB จะเข้มงวดมากในการปล่อยสินเชื่อในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่พอร์ตสินเชื่อของธนาคารก็ยังคงเห็นความเสี่ยงด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้น สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL รวมดูเหมือนจะคงที่ที่ 4.01 หมื่นล้านบาท แต่ credit cost เพิ่มสูงขึ้นเป็น 5.3 พันล้านบาท โดย 1 พันล้านบาท เป็นการตั้งสำรองเพิ่มเติมตามดุลยพินิจของผู้บริหาร ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น หรือ ECL รวมลดลง 1 พันล้านบาท เหลือ 6.08 หมื่นล้านบาท ตัวแปรทั้งหมดนี้บ่งชี้ว่าธนาคารได้เพิ่มการตัดหนี้สูญ/ขาย NPL ใน  2Q เพื่อจัดการกับการเสื่อมลงของคุณภาพสินทรัพย์ อย่างไรก็ตาม เงินสำรอง ECL ที่ TTB ได้สร้างขึ้นจะเป็นประโยชน์สำหรับช่วงเศรษฐกิจขาลงในปัจจุบัน

ภาสกร หวังวิวัฒน์เจิรญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ภาพรวมของหุ้นกลุ่มธนาคารปันผลยังไปได้ดี ซึ่งการจ่ายปันผลเฉลี่ยอยู่ในกรอบ 5 -9% ตามที่ได้คาดการณ์ โดยสูงสุดจะเป็นหุ้น SCB ที่ปันผลอยู่ที่ 9% 

ทั้งนี้ หากนักลงทุนต้องการเลือกหุ้นกลุ่มธนาคารเพื่อให้ได้ปันผลสูง อาจจะต้องเลือกธีมของธนาคารที่มีการจัดการคุณภาพสินทรัพย์ได้ดีกว่ากลุ่ม และสามารถทำได้ดีอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มว่าจะทำได้ดีต่อไป ดังนั้น จึงมีมุมมองต่อหุ้น KTB และหุ้น KBANK เนื่องจากหุ้น 2 ตัวนี้ สามารถคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้ดีอย่างต่อเนื่อง และ P/BV ไม่แพงอยู่ที่ 0.5 เท่า และให้ปันผลได้สูงถึง 5% 

ขณะที่รองลงมา เป็นหุ้น TTB จะให้ปันผลอยู่ที่ประมาณ 6%ต่อปี และจุดเด่นของหุ้น TTB เมื่อเวลาถึงช่วงจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลช่วงครึ่งปีหลังกับครึ่งปีแรกจะเท่ากัน ดังนั้นการจ่ายปันผลในครึ่งปีแรกน่าจะได้อยู่ที่ 3% ซึ่งน่าจะจ่ายปันผลสูงเป็นเบอร์ต้น ๆ ของกลุ่มเช่นกัน หากเทียบกับหุ้นกลุ่มแบงก์ในตัวอื่น ๆ จะมีการกระจายจ่ายปันผลสูงในช่วงครึ่งปีหลังมากกว่า 

ขณะที่ผลการดำเนินงานใน 8 แบงก์ ที่กำไรสุทธิงวด ไตรมาส 2/67 เป็นไปตามคาดอยู่ที่ 6.2 หมื่นล้าน บาท ลดลง 1.2% QoQ และ +2.0% YoY จาก ECL สูงขึ้น ตามวัฎจักรขาขึ้นของ NPL ทำให้สัดส่วน NPL / LOAN กลุ่มฯ ขยับมาที่ 3.7% เทียบกับ 3.6% ณ สิ้นงวดก่อน จาก BAY, BBL และ KKP ด้าน COVERAGE RATIO กลุ่มเหลือ 175.8% จาก 178.7% ณ สิ้นงวดไตรมาส 1/67  โดยปัจจัยด้าน ECL หักล้างการขยายตัวของ PPOP ที่ 1.4% QoQ 

โดยธนาคารพาณิชย์ที่การขยายตัวของกำไรในเชิง YoY เด่นกว่ากลุ่ม 3 อันดับ แรก นำโดย TTB +17% YoY) เพราะ TAX SHEILD ตามด้วย KBANK + 15% YoY จาก CREDIT COST ลดลง และ KTB (+10% YoY) ตามรายได้ที่เติบโต ภายใต้วัฎจักรขาขึ้นของ NPL ไทย จึงมองว่า ธนาคารพาณิชย์ที่เร่งเก็บกวาด NPL มาในช่วงก่อนหน้า อย่าง KBANK และ KTB มีแนวโน้มควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้ดีกว่า กลุ่มคาดว่าจะช่วยให้ CREDIT COST ทั้งปียังอยู่ในกรอบเป้าหมายของธนาคาร ตามด้วย TTB ที่มี TAX SHIELD

ทั้งนี้ “กรุงเทพธุรกิจ” ได้สำรวจ  10 หุ้นกลุ่มแบงก์ ที่มี Dividend Yield หรือ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลตั้งแต่ต้นปี และย้อนหลังไปอีก 2 ปี หุ้นแบงก์หลักทรัพย์ใดให้ปันผลสูงสุด

1.บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) SCB

  • มาร์เก็ตแคป 341,761.39 ล้านบาท 
  • เงินปันผล YTD ปี 2567 ที่ 10.19%
  • เงินปันผล ปี 2566 ที่ 6.31%
  • เงินปันผลปี 2565 ที่ -%
  • P/E 7.80 เท่า 
  • P/BV 0.70 เท่า 
  • ราคา YTD -4.25%
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุด 52 สัปดาห์ 118.50 / 95.50 บาท  
  • กำไรไตรมาส 2/67 ที่ 10,014 ล้านบาท

2.บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) TISCO

  • มาร์เก็ตแคป 75,060.53 ล้านบาท 
  • เงินปันผล YTD ปี 2567 ที่ 8.27%
  • เงินปันผล ปี 2566 ที่ 7.77%
  • เงินปันผลปี 2565 ที่ 7.20%
  • P/E  10.37 เท่า 
  • P/BV 1.70 เท่า 
  • ราคา YTD -6.02%
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุด 52 สัปดาห์ 103.50 / 93.75 บาท  
  • กำไรไตรมาส 2/67 ที่ 1,748 ล้านบาท 

3.ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) KKP

  • มาร์เก็ตแคป 34,717.18 ล้านบาท 
  • เงินปันผล YTD ปี 2567 ที่ 7.32%
  • เงินปันผล ปี 2566 ที่ 6.47%
  • เงินปันผลปี 2565 ที่ 4.00%
  • P/E 7.14 เท่า 
  • P/BV 0.55 เท่า 
  • ราคา YTD -18.41%
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุด 52 สัปดาห์ 61.00 / 41.00 บาท  
  • กำไรไตรมาส 2/67 ที่ 769 ล้านบาท 

4.ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) TTB

  • มาร์เก็ตแคป 171,243.22 ล้านบาท 
  • เงินปันผล YTD ปี 2567 ที่ 5.95%
  • เงินปันผล ปี 2566 ที่ 4.35%
  • เงินปันผลปี 2565 ที่ 2.69%
  • P/E  8.78 เท่า 
  • P/BV 0.73 เท่า 
  • ราคา YTD +5.39%
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุด 52 สัปดาห์ 1.92 / 1.53 บาท  
  • กำไรไตรมาส 2/67 ที่ 5,355 ล้านบาท

5.ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) BBL

  • มาร์เก็ตแคป 252,921.68 ล้านบาท 
  • เงินปันผล YTD 5.28%
  • เงินปันผล ปี 2566 ที่ 2.88%
  • เงินปันผลปี 2565 ที่ 2.36%
  • P/E 6.02 เท่า 
  • P/BV 0.46 เท่า 
  • ราคา YTD -15.34%
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุด 52 สัปดาห์ 175.00 / 129.00 บาท  
  • กำไรไตรมาส 2/67 ที่ 11,807 ล้านบาท

6.ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) KTB

  • มาร์เก็ตแคป 238,990.65 ล้านบาท 
  • เงินปันผล YTD ปี 2567 ที่ 5.08%
  • เงินปันผล ปี 2566 ที่ 3.71%
  • เงินปันผลปี 2565 ที่ 2.36%
  • P/E  6.35 เท่า 
  • P/BV 0.57 เท่า 
  • ราคา YTD -7.07%
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุด 52 สัปดาห์ 20.50 / 15.40 บาท  
  • กำไรไตรมาส 2/67 ที่ 11,195 ล้านบาท

7.ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) KBANK

  • มาร์เก็ตแคป 303,273.93 ล้านบาท 
  • เงินปันผล YTD ปี 2567 ที่ 5.08%
  • เงินปันผล ปี 2566 ที่ 2.96%
  • เงินปันผลปี 2565 ที่ 2.20%
  • P/E  6.72 เท่า 
  • P/BV 0.55 เท่า 
  • ราคา YTD -5.19%
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุด 52 สัปดาห์ 136.00 / 118.50 บาท  
  • กำไรไตรมาส 2/67 ที่ 12,653 ล้านบาท 

8.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) BAY

  • มาร์เก็ตแคป 182,422.89 ล้านบาท 
  • เงินปันผล YTD ปี 2567 ที่ 3.43%
  • เงินปันผล ปี 2566 ที่ 3.01%
  • เงินปันผลปี 2565 ที่ 2.76%
  • P/E 5.74 เท่า 
  • P/BV 0.48 เท่า 
  • ราคา YTD -12.21%
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุด 52 สัปดาห์ 34.00 / 24.30 บาท  
  • กำไรไตรมาส 2/67 ที่ 8,209 ล้านบาท 

9.บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) LHFG

  • มาร์เก็ตแคป 18,853.46 ล้านบาท 
  • เงินปันผล YTD ปี 2567 ที่ 3.37%
  • เงินปันผล ปี 2566 ที่ 1.00%
  • เงินปันผลปี 2565 ที่ 3.24%
  • P/E 10.33 เท่า 
  • P/BV 0.52 เท่า 
  • ราคา YTD -11.00%
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุด 52 สัปดาห์ 1.13 / 0.88 บาท  
  • กำไรไตรมาส 2/67 ที่ 491 ล้านบาท  

10.ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) CIMBT

  • มาร์เก็ตแคป 15,321.80 ล้านบาท 
  • เงินปันผล YTD ปี 2567 ที่  -%
  • เงินปันผล ปี 2566 ที่ 1.85%
  • เงินปันผลปี 2565 ที่ 1.20%
  • P/E 10.93 เท่า 
  • P/BV 0.32 เท่า 
  • ราคา YTD -29.03%
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุด 52 สัปดาห์ 0.77 / 0.42 บาท  
  • กำไรไตรมาส 2/67 ที่ 669 ล้านบาท  



 

 

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

จับตา 48 ชั่วโมงอันตราย หลังระเบิดเลบานอน l World in Brief

รมต.เลบานอนเตือนระวังสถานการณ์บานปลายรุนแรง จากเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบา...

‘อาเซียน’ หันใช้คิวอาร์โค้ดพุ่ง ดันภูมิภาคสู่ ‘สังคมไร้เงินสด’

นิกเคอิเอเชียรายงานว่า การชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดเริ่มเป็นที่แพร่หลายในตลาดเกิดใหม่เมื่อหลายปีก่อน เ...

เปิดประสบการณ์เยือน ‘กัมพูชา’ ครั้งแรกของนักการทูตแรกเข้า

“กัมพูชา” ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งคนไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างง่ายดายทั้ง...

“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเลย” ข้อความแรกของซีอีโอใหม่ Nike ถึงพนักงาน

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (20 ก.ย.) ว่า เอลเลียต ฮิลล์ ผู้บริหารคนใหม่ของ Nike Inc., กล่าวต่อ...