ครม. อนุมัติ “หวยเกษียณ” หนุนออมเงิน ลุ้นเงินล้านทุกสัปดาห์

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (16 ก.ค.) มีมติเห็นชอบการส่งเสริมการออมทรัพย์ของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เพื่อรองรับการเกษียณผ่านโครงการสลากสะสมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณ หรือ หวยเกษียณ โดยมอบหมายให้ กอช. แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. กอช. ในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการดำเนินโครงการหวยเกษียณต่อไป

โครงการหวยเกษียณมีหลักเกณฑ์ ดังนี้

1. ผู้ออมสามารถซื้อสลากขูดดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชัน กอช.ใบละ 50 บาท ซื้อได้ไม่เกิน 3,000 บาทต่อเดือน

2. สามารถซื้อได้ทุกวันตลอด 24 ชม. โดยจะมีการออกรางวัลทุกวันศุกร์ เวลา 17.00 น.

3. รางวัลที่ 1 เป็นจำนวนเงิน 1,000,000 บาท จำนวน 5 รางวัล และรางวัลที่ 2 จำนวนเงิน 1,000 บาท จำนวน 10,000 รางวัล ผู้ถูกรางวัลจะสามารถถอนเงินรางวัลได้ทันที หากรางวัลออกไม่ครบ ทบไปงวดต่อไป

4. ไม่ว่าถูกรางวัล หรือไม่ถูกรางวัล เงินที่ซื้อสลากทุกบาท จะถูกเก็บไว้ในบัญชีเงินออมของแต่ละบุคคล ผ่าน กอช. และจะสามารถถอนคืนได้ตอนอายุ 60 ปี เพื่อการออมทรัพย์รองรับการเกษียณ

5. เงินในบัญชีนั้นยังได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนตลอดระยะเวลาก่อนเกษียณ ผ่าน กอช.

“โดยสรุปแล้ว หวยเกษียณ เป็นหวยที่เงินไม่หาย หวยที่ไม่มีวันถูกกิน ยิ่งซื้อมาก ได้ลุ้นมาก ได้ออมมาก มีเงินเก็บมากในยามเกษียณ นอกจากนี้เป็นหวย 3 เด้ง ได้ลุ้นล้าน ได้ออมเงินทุกบาททุกสตางค์ ได้ผลตอบแทนการลงทุน”    

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไป จะเข้าสู่กระบวนการแก้ไข พ.ร.บ. กอช. จะเร่งให้เร็วที่สุด และจะมารายงานความคืบหน้าเรื่อยๆ

โดยหลักการจ่ายรางวัลเบื้องต้น หากแต่ละงวดไม่มีผู้ถูกรางวัล จะมีการทบรางวัลนั้น ๆ ไปในงวดถัดไป และเงินค่าซื้อสลากทั้งหมด จะเป็นเงินออมของผู้ซื้อสลาก (เงินสะสม) ซึ่งจะนำเงินส่งเข้าบัญชีเงินออมรายบุคคลกับ กอช. โดย กอช. จะเป็นผู้บริหารจัดการเงินจำนวนดังกล่าว และเมื่อผู้ซื้อสลากอายุครบ 60 ปี จะสามารถถอนเงินทั้งหมดที่ซื้อสลากทั้งชีวิตออกมาได้

อย่างไรก็ดี ในส่วนผลกระทบด้านเงินงบประมาณนั้น นายเผ่าภูมิ ระบุว่า โครงการนี้จะกระทบกับงบประมาณน้อยมาก เพราะมีการใช้งบประมาณเพื่อจ่ายรางวัลสัปดาห์ละ 15 ล้านบาท เดือนละ 60 ล้านบาท หรือ 700-800 ล้านบาทต่อปี ถือว่าไม่มากเมื่อเทียบกับงบประมาณของเบี้ยคนชรา ที่ใช้เงินประมาณ 90,000 ล้านบาทต่อปี ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วอยากให้มองว่าอันไหนมันคุ้มค่าและเป็นประโยชน์ต่อประเทศมากกว่ากัน

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

จับตา 48 ชั่วโมงอันตราย หลังระเบิดเลบานอน l World in Brief

รมต.เลบานอนเตือนระวังสถานการณ์บานปลายรุนแรง จากเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบา...

‘อาเซียน’ หันใช้คิวอาร์โค้ดพุ่ง ดันภูมิภาคสู่ ‘สังคมไร้เงินสด’

นิกเคอิเอเชียรายงานว่า การชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดเริ่มเป็นที่แพร่หลายในตลาดเกิดใหม่เมื่อหลายปีก่อน เ...

เปิดประสบการณ์เยือน ‘กัมพูชา’ ครั้งแรกของนักการทูตแรกเข้า

“กัมพูชา” ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งคนไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างง่ายดายทั้ง...

“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเลย” ข้อความแรกของซีอีโอใหม่ Nike ถึงพนักงาน

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (20 ก.ย.) ว่า เอลเลียต ฮิลล์ ผู้บริหารคนใหม่ของ Nike Inc., กล่าวต่อ...