บทเรียนจากอังกฤษ 'อนุรักษนิยม' แพ้ภัยตนเอง? | กันต์ เอี่ยมอินทรา

การชนะอย่างถล่มทลายของพรรคแรงงาน ทำให้ได้นายกฯ คนใหม่ของอังกฤษ คือ เซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์

นั่นเท่ากับความพ่ายแพ้อย่างราบคาบของพรรคอนุรักษนิยม ที่ครองอำนาจมาอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 14 ปี ภายใต้การนำของนายกฯ ถึง 5 คน และที่น่าสนใจที่สุดก็คือ การเลือกตั้งครั้งล่าสุด ผู้ที่ชนะอย่างถล่มทลายก็คือ พรรคอนุรักษนิยมเอง ดังนั้นทำไมภายในระยะเวลาไม่ถึง 4 ปี จึงทำให้ผู้ชนะอย่างถล่มทลายกลายเป็นผู้แพ้อย่างราบคาบไปได้?

หากติดตามการเมืองอังกฤษอย่างต่อเนื่องจะพบว่า คนอังกฤษมักให้โอกาสพรรคใดพรรคหนึ่งอย่างยาวนานในการเป็นรัฐบาล 2-3 สมัย อาทิ ยุคนายกฯ หญิงเหล็ก มาร์กาเรต แทตเชอร์ จากพรรคอนุรักษนิยม ต่อด้วยโทนี แบลร์ จากพรรคแรงงาน และล่าสุดยุคนายกฯ 5 คน จากพรรคอนุรักษนิยม แต่ละยุคล้วนกินเวลาเกิน 10 ปีทั้งสิ้น

และโดยธรรมชาติแล้ว ก็เป็นที่ทราบดีทั้งในสายตานักวิเคราะห์ และคนทั่วไปว่า พรรคอนุรักษนิยมนั้นตรงกับจริตคนอังกฤษที่สุด อาจจะด้วยเพราะความเป็นชนชาติที่มีประวัติศาสตร์ ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงามแต่โบราณจนกลายเป็นอัตลักษณ์ความภูมิใจ ทั้งจากสื่อ และจากปากรุ่นพ่อ รุ่นปู่ ถึงความยิ่งใหญ่ ทั้งจากฐานเสียงที่มีผู้สูงอายุอยู่มาก ทั้งหมดทั้งมวลหลอมรวมเป็นฐานเสียงที่สำคัญของพรรคอนุรักษนิยม

แล้วทำไม การเลือกตั้งครั้งนี้ ผลจึงกลับตาลปัตรกลายเป็นแพ้อย่างราบคาบ?

หนึ่ง ความเบื่อหน่ายต่อตัวบุคคล และมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้แทนในพรรคอนุรักษนิยม โดยเฉพาะช่วงหลังที่มักมีกรณีให้ประชาชนกังขาถึงมาตรฐานจริยธรรมของคนในพรรคตั้งแต่ระดับผู้นำไล่ลงมา อาทิ กรณีการเข้าร่วมปาร์ตี้ของอดีตนายกฯบอริส จอห์นสันในช่วงที่รัฐประกาศล็อกดาวน์ประเทศ การแต่งตั้งผู้ที่มีมลทินขึ้นมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือล่าสุดกรณีการพนันผลแพ้ชนะเลือกตั้งของสส. ภายในพรรคเอง

สอง ความเปลี่ยนแปลงในพรรคแรงงาน จากค่อนไปทางซ้ายสุดโต่งมาเป็นกลางซ้ายมากขึ้น จึงทำให้จากคู่แข่งเดิมที่ไม่ค่อยจะเข้าตาคนอังกฤษเพราะทั้งสไตล์ของผู้นำพรรคแรงงานตลอดจนแนวนโยบาย ส่งผลให้ตลอดระยะเวลาเป็น 14 ปี พรรคอนุรักษนิยมชนะการเลือกตั้งตลอด และเพราะชนะตลอดนี่เอง การได้มาซึ่งอำนาจจึงมีเรื่องราวดราม่ามากมายภายในพรรค เปลี่ยนแนวนโยบาย กลายเป็นความไม่มั่นคงของประเทศทั้งที่ควรมั่นคงจากการชนะการเลือกตั้ง

สาม ดอกผลของนโยบาย และการบริหารงานของพรรคอนุรักษนิยมที่ยังคงตามหลอกหลอนคนอังกฤษมาจนปัจจุบัน โดยเฉพาะสภาพความเป็นอยู่ที่ยากลำบากขึ้น อันเนื่องมาจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น และสวัสดิการของรัฐที่แย่ลง อันเป็นผลพวงสืบเนื่องมาจากหลากวิกฤติที่ถาโถมอังกฤษ​ อาทิ กรณีแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป หรือ Brexit กรณีการเข้าสนับสนุนการสู้รบในยูเครน

ทั้งหมดทั้งมวล จึงสามารถพูดได้ว่า สนิมเน่าจากเนื้อในส่วนหนึ่ง และอีกหนึ่งคือ คู่แข่งที่ปรับภาพให้ดึงดูดมากขึ้น ซึ่งอนุรักษนิยมทั่วโลกสมควรใช้เป็นกรณีศึกษา

 

 

 

 

 

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

จับตา 48 ชั่วโมงอันตราย หลังระเบิดเลบานอน l World in Brief

รมต.เลบานอนเตือนระวังสถานการณ์บานปลายรุนแรง จากเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบา...

‘อาเซียน’ หันใช้คิวอาร์โค้ดพุ่ง ดันภูมิภาคสู่ ‘สังคมไร้เงินสด’

นิกเคอิเอเชียรายงานว่า การชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดเริ่มเป็นที่แพร่หลายในตลาดเกิดใหม่เมื่อหลายปีก่อน เ...

เปิดประสบการณ์เยือน ‘กัมพูชา’ ครั้งแรกของนักการทูตแรกเข้า

“กัมพูชา” ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งคนไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างง่ายดายทั้ง...

“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเลย” ข้อความแรกของซีอีโอใหม่ Nike ถึงพนักงาน

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (20 ก.ย.) ว่า เอลเลียต ฮิลล์ ผู้บริหารคนใหม่ของ Nike Inc., กล่าวต่อ...