‘ค่ายรถ EV’ เดินสายพบรัฐบาล ทวงเงินอุดหนุน ‘EV3.0’ หลังงบ 67 ล่าช้า

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยถึงมาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของรัฐบาล โดยถือว่าเป็นมาตรการที่ประสบความสำเร็จโดยนโยบายระยะแรก (EV 3.0) ที่ออกมาในปี 2565-2566 ทำให้มีผู้ผลิตอีวีเข้าร่วมกับมาตรการดังกล่าว 23 บริษัท ทั้งในประเภทรถยนต์นั่งไฟฟ้า รถกระบะไฟฟ้า รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โดยในปี 2567 จะมีผู้ที่เริ่มผลิตอีวีในประเทศไทย 6 ราย ตามเงื่อนไขที่จะต้องมีการผลิตอีวีในประเทศ เพื่อทดแทนการนำเข้า 

ซึ่งมาตรการ EV 3.0 การสนับสนุนของกระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิตก็ได้ให้การอุดหนุนเงิน 150,000 บาท สำหรับกรณีที่ซื้อรถ EV ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท และเงินอุดหนุนจักรยานยนต์ไฟฟ้า 18,000 บาท สำหรับรถราคาไม่เกิน 150,000 บาท โดยรัฐบาลจะจ่ายให้กับค่ายรถยนต์เพื่อไปทำโปรโมชันในการขายรถ EV 

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาค่ายรถ EV ที่เข้าร่วมโครงการซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นค่ายรถ EV จากจีน มีการนำเอารถ EV ทั้งคันเข้ามาจำหน่ายซึ่งรัฐบาลได้มีการจ่ายเงินอุดหนุนรถ EV ไปแล้วประมาณ 40,000 คัน ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 35,000 คัน

แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า ในส่วนที่มีการจ่ายเงินอุดหนุนล่าช้ามีผู้ประกอบการ EV จากจีนบางรายเดินทางไปพบรัฐมนตรี และบุคคลสำคัญในรัฐบาลเพื่อทวงถามเงินที่ยังไม่ได้รับตามเงื่อนไขของการเข้าร่วมโครงการ EV 3.0 

ซึ่งรัฐบาลก็มีการอธิบายว่าการจ่ายล่าช้าเนื่องจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 กว่าจะประกาศใช้ได้คือเดือนพ.ค.2567 ซึ่งล่าช้าจากปกติที่จะประกาศใช้ได้ในเดือนต.ค.2566

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีงบประมาณในการใช้จ่ายแล้วรัฐบาลก็จะมีการจัดสรรงบประมาณให้ในส่วนนี้โดยรอให้หน่วยงานต้นสังกัด คือ กรมสรรพสามิต เสนอผ่านกระทรวงการคลัง เพื่อของบกลางฯ จากรัฐบาล

ล่าสุด นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า สรรพสามิตได้เสนอของบประมาณ 7,000 ล้านบาท จากงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นกับสำนักงบประมาณ ซึ่งเตรียมเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เร็วๆ นี้ สำหรับจ่ายเงินอุดหนุนให้ผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้รับชดเชยอีก 35,000 คัน ทั้งนี้ได้จ่ายอุดหนุนผู้ประกอบการไปแล้ว 40,000 คัน กว่า 7,000 ล้านบาท  โดยรวมแล้วมาตรการ EV 3.0 ซึ่งสิ้นสุดลงในปี 2566 ใช้เงินอุดหนุนทั้งสิ้น 1.4 หมื่นล้านบาท

สำหรับมาตรการ EV3.0 ให้สิทธิประโยชน์ค่ายรถที่เซ็นสัญญาร่วมโครงการกับกรมสรรพสามิต ลดอัตราภาษีสรรพสามิตรถอีวีจาก 8% เหลือ 2%  นอกจากนั้นรัฐบาลยังจ่ายเงินอุดหนุนให้ค่ายรถยนต์ที่เซ็นสัญญาเข้าร่วมโครงการเป็นไปตามประเภทของรถ และขนาดของแบตเตอรี่ สูงสุดคันละ 150,000 บาท โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องมีการผลิตรถอีวีในประเทศ ตามจำนวนรถที่นำเข้ามาในปี 2565-2566 ภายในปี 2567 ในอัตรา 1 ต่อ 1 และในปี 2568 อัตรา 1 ต่อ 1.5

 

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

จับตา 48 ชั่วโมงอันตราย หลังระเบิดเลบานอน l World in Brief

รมต.เลบานอนเตือนระวังสถานการณ์บานปลายรุนแรง จากเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบา...

‘อาเซียน’ หันใช้คิวอาร์โค้ดพุ่ง ดันภูมิภาคสู่ ‘สังคมไร้เงินสด’

นิกเคอิเอเชียรายงานว่า การชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดเริ่มเป็นที่แพร่หลายในตลาดเกิดใหม่เมื่อหลายปีก่อน เ...

เปิดประสบการณ์เยือน ‘กัมพูชา’ ครั้งแรกของนักการทูตแรกเข้า

“กัมพูชา” ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งคนไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างง่ายดายทั้ง...

“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเลย” ข้อความแรกของซีอีโอใหม่ Nike ถึงพนักงาน

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (20 ก.ย.) ว่า เอลเลียต ฮิลล์ ผู้บริหารคนใหม่ของ Nike Inc., กล่าวต่อ...