‘โอซีซี’ แก้เกมแข่งราคากดดันกำไร ลุยบริการ สินค้าสัตว์เลี้ยง เสริมแกร่ง

"โอซีซี" คร่ำหวอดในธุรกิจความงามและไลฟ์สไตล์ ในประเทศไทยมายาวนานกว่า 51 ปี มีแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอหลากหลาย ทั้งกลุ่มเครื่องสำอาง คัฟเวอร์มาร์ค เคเอ็มเค บีเอสซี แฮร์ แคร์ ฯลฯ กลุ่มเสื้อผ้า เช่น ชุดชั้นใน ชุดว่ายน้ำ ชุดนอนสตรีแบรนด์กี ลาโรช (Guy Laroche) อินเนอร์แวร์แบรนด์กุลเซ่ (Gunze) เป็นหัวหอกบุกตลาด

ทว่า สินค้าหลักทำเงิน โดยเฉพาะ “เครื่องสำอาง” ที่ปี 2566 มีสัดส่วนรายได้ราว 86% กำลังถูกท้าทายด้วย “สงครามราคา” ทำให้บริษัทต้องพลิกกระบวนท่า หาโอกาสโตจากธุรกิจและบริการใหม่ๆเพื่อสร้าง “กำไร”

ธีรดา อำพันวงษ์ กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอซีซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถานการณ์ของตลาดเครื่องสำอางแข่งเดือดเลือดสาด หรือ เป็น Red Ocean อย่างมาก และเป็นการต่อสู้กันด้วยกลยุทธ์ “ราคา” หากแบรนด์ไม่สามารถฉีกหนี ทำสินค้าราคาแพงระดับ “หมื่นบาท” ต่อชิ้นขึ้นไปจะเผชิญความยากลำบาก

“ตลาดเครื่องสำอางเซ็กเมนต์ระดับกลางและล่างหรือแมสเล่นกลยุทธ์ราคา ทำให้ผู้ประกอบการต้องกดต้นทุนที่สูงมากให้ได้ ซึ่งโอซีซีเองก็มีการต่อรองกับผู้ผลิตในเครืออย่างเอส แอนด์ เจ อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเตอร์ไพรส์ ให้ได้ต้นทุนที่ถูกลง เพื่อไปสู้ในตลาด แล้วใช้กิจกรรมการตลาดไปเสริมอีกแรง”

การทำธุรกิจปี 2567 ของโอซีซี จึงต้องปรับตัวต่อเนื่อง โดยจะมีการ Revamp Brand สินค้าใหม่ทั้งบีเอสซี แฮร์แคร์ 3 รายการใหม่ เพื่อรับเทรนด์ผู้บริโภคชอบความหอมตอบโจทย์การดูแลเส้นผม และทำให้สินค้ามีคุณค่ามากขึ้น หลังจากที่ผ่านมา รีแวมป์ 2 แบรนด์ ได้แก่ เครื่องสำอางเคเอ็มเอ และกลุ่มเสื้อผ้ากี ลาโรช ทำให้ยอดขายติดท็อป 4 ในห้างสรรพสินค้า จากไม่เคยอันดับ จนพันธมิตรใช้เป็นแม่เหล็กทำกิจกรรมต่างๆดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังแตกไลน์สินค้าสู่ผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์ “VETRESKA” จากสหรัฐฯ เข้ามาทำตลาด รองรับเมกะเทรนด์คนรักและพร้อมเปย์เพื่อสัตว์เลี้ยงตัวโปรดมากขึ้น ซึ่งหลังจากเปิดตัวสินค้าดังกล่าว ส่งผลให้ร้านค้าพันธมิตรต่างๆสนใจนำไปจำหน่ายอย่างมาก

“เรามีสินค้าแบรนด์ VETRESKA จากสหรัฐ ที่เปิดตัวในงานเพ็ท เอ็กซ์โป ผลตอบรับและยอดขายดีมาก ร้านค้าต่างๆ ก็วิ่งเข้าหาเรา ต้องการให้นำสินค้าไปวางขาย”

บริษัทยังวางแผนเปิดร้านตัดผมบริการด่วน “อีซี่คัท” เพิ่ม จากปัจจุบันมี 17 สาขา เช่น อยู่บนทำเลสถานีรถไฟฟ้า ห้างค้าปลีกฯ รวมถึงการลุยการวิเคราะห์ข้อมูล(Data Analytics) เพื่อแก้ Pain point ให้ร้านอีซี่คัท และร้านทำผมหรือซาลอนอื่นๆนำไปต่อยอดธุรกิจ เช่น การจองคิว การจองช่างตัดผม เลือกทรงผม ฯ หลังจากผ่านมามีลูกค้าไปใช้บริการบางสาขาโดยไม่นัดหมาย (วอล์กอิน) ทำให้เสียโอกาส ซึ่งบริการดังกล่าวจะเสริมแกร่งให้กับร้านค้า นอกเหนือจากที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทในร้านทำผม หรือ ซาลอนต่างๆ

“เราจะพัฒนาซอฟต์แวร์เกี่ยวกับดาต้า อนาไลติกส์ เพื่อเติมสล็อตการบริการบางช่วงเวลาของร้านอีซี่คัท มีข้อมูลลูกค้าที่ถูกต้อง อยากตัดผมทรงไหน กับช่างคนไหน ทรงอะไร ที่สำคัญเรายังต้องการให้บริการด้านข้อมูลแก่ลูกค้า มากกว่าการขายสินค้า ซึ่งเป็นบริการใหม่ที่พัฒนาขึ้น นอกเหนือจากหมวดสินค้าเครื่องสำอาง ซึ่งปัจจุบันแข่งขันสูง กำไรน้อย”

โอซีซี ยังทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ “Omni Channel” สอดคล้องกับวิชั่นมุ่งเป็น “บริษัการค้า Omni Channel ที่ได้รับความน่าเชื่อถือมากสุดสำหรับแบรนด์ต่างประเทศที่ต้องการเข้ามาลงทุน และทำธุรกิจในประเทศไทย” ล่าสุด ได้เปิดตัวเว็บไซต์  OCCLIFESTORE.COM จำหน่ายผลิตภัณฑ์ความงาม ผลิตภัณฑ์แฟชั่น ผลิตภัณฑ์แฮร์แคร์ ผลิตภัณฑ์เวลเนส และผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง โดยครอบคลุมแบรนด์ดังทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อมอบประสบการณ์การช้อปออนไลน์แบบครบวงจรตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคดิจิทัล นอกจากนี้ จะพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อรองรับลูกค้าภาคธุรกิจ (B2B) ให้สั่งซื้อสินค้าคลิกเดียวออเดอร์ส่งตรงถึงโกดังทันที

“เดิมสินค้าเรือธงของโอซีซีคือเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม แต่ตอนนี้เรือธงไม่ทำกำไรได้ดีเหมือนในอดีต บริษัทต้องหาธุรกิจ ความเชี่ยวชาญใหม่ๆ มาเติมให้โอซีซีแข็งแกร่งเหมือนเดิม”

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มครึ่งปีหลังยังมีความท้าทาย เพราะยอดขายสินค้าบริษัทพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะ “จีน” ค่อนข้างมาก แต่ตอนนี้ต้องมองหาโอกาสจากธุรกิจใหม่ๆ คนรักสัตว์เลี้ยง และบริการอื่นๆ

สำหรับปี 2566 บริษัทมียอดขาย 915.28 ล้านบาท เติบโต 6.41% เผชิญขาดทุน 6.27 ล้านบาท ลดลง 18.49 ล้านบาท หรือลดลง 74.68% จากปีก่อนหน้า

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ