‘เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์’ ผนึกพันธมิตร เดิมเกมบุกตลาด ‘เด็ก-ครอบครัว’ เพิ่มโรงหนัง ‘KIDS CINEMA’ ทั่วไทย

ผ่านครึ่งปี 2567 สถานการณ์ของอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์ยังคงเติบโตอย่างคึกคัก โดยมีปัจจัยบวกจาก “ภาพยนตร์ไทย” และภาพยนตร์ฮอลลีวูดตบเท้าเข้าฉายอย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์คอหนัง คนดู และทำเงินมหาศาล 

“เพียง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีหนังไทยถึง 6 เรื่องที่ทำรายได้เกิน 100 ล้าน และขายสิทธิ์ไปยังตลาดต่างประเทศได้ ทำให้ผู้สร้างมั่นใจสร้างผลงานหนังไทยต่อเนื่อง หนุนปริมาณและคุณภาพหนังไทยดึงคนดู ส่วนไลน์อัพหนังฮอลลีวูดไตรมาส 3 และ 4 แข็งแรงมาก อย่างโรงภาพยนตร์จอยักษ์ IMAX มีการวางหนังฟอร์มยักษ์ทุกสัปดาห์ แน่นมาก แต่ถือเป็น Happy Problem เป็นการอุ่นเครื่องสู่ปีหน้า 2025 ซึ่งคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นปีที่ดีสุด ของเมเจอร์ฯ เพราะเปิดรายชื่อหนังบล็อกบัสเตอร์ปีหน้ามีจำนวนมากสุดเท่าที่เคยมีมา”

นรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ฉายภาพการเคลื่อนธุรกิจโรงภาพยนตร์ของเมเจอร์ปีนี้ ยังคงขยายเปิดโรงภาพยนตร์ใหม่ๆ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด และการขยายตลาด “ป๊อปคอร์น” ซึ่งปัจจุบันเป็นพระเอกเสริมแกร่งให้บริษัท สร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด ได้วางหมากรบเปิดคีออสไปยังพื้นที่นอกโรงภาพยนตร์ เช่น ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ สีลมเอจ

“เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์” เป็นผู้นำธุรกิจโรงภาพยนตร์ ครองส่วนแบ่งตลาดเกินกว่า 70% ปัจจุบันมีฐานแฟน คอหนัง “นับสิบล้านราย” ครอบคลุมตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่

ทว่ากลยุทธ์การทำตลาดปี 2567 จะเห็นการ “รุกหนัก” โรงภาพยนตร์สำหรับเด็กและครอบครัว หรือ Kids Cinema มากขึ้น เพราะมีแรงหนุนจากกำลังซื้อผู้ปกครองที่สูง มี “โอกาส” ต่อยอดไปสู่กิจกรรมอื่นๆ ทั้งผนึกพันธมิตรลุย “เนมมิ่ง สปอนเซอร์” (Naming Sponsor) หรือนำแบรนด์สินค้าและบริการไปเป็นปรากฏในโรงภาพยนตร์ เป็นต้น

แผนขยายโรงภาพยนตร์ Kids Cinema ในปีนี้จะลงทุนเพิ่มโรงอีก 7 สาขา ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จากปัจจุบันมี 14 สาขา เช่น ไอคอน ซีเนคอนิค, ควอเทียร์ ซีเนอาร์ต, พารากอน ซีนีเพล็กซ์, เมกา ซีนีเพล็กซ์, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน โดยตั้งเป้าปีหน้า 2568 จะเปิดเพิ่ม “เท่าตัว” ให้ครบ 40 สาขา

“หนัง” เป็นแม่เหล็กดึงคนดู “เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์” นอกจากหนังอนิเมชั่นจากฮอลลีวูด ยังเห็นการระดม “การ์ตูนอนิเมะ” จากญี่ปุ่นเข้ามาฉายอีกกว่า 40 เรื่อง จากปกติมีราว 20 เรื่องต่อปี

“ปีนี้การ์ตูนอนิเมชั่น Inside Out 2 สร้างปรากฏการณ์น่าทึ่งทำเงินสูงสุดอันดับ 1 ของโลกปี 2024 ส่วนในไทยผลตอบรับดีเกินคาด มุ่งสู่ 150 ล้านบาท แนวโน้มหนังอนิเมชั่นยังเข้าคิวฉายอีกมาก สิ่งที่เมเจอร์ฯ ทำปีนี้ คือ เจาะอนิเมะญี่ปุ่นเพิ่ม เพราะตลาดกว้างกว่าครอบคลุมคนดูวัยรุ่นที่กำลังซื้อสูงและเป็นฐานหลักของเมเจอร์ รวมถึงเด็กและผู้ใหญ่”

เมเจอร์ฯ วางเป้าหมายเพิ่มฐานสมาชิกบัตร MGEN KIDS ให้ครบ 250,000 สมาชิก ภายในปีนี้ และตั้งเป้าสร้างยอดขายตั๋วหนังสำหรับกลุ่มเด็กและครอบครัวให้แตะ 1 ล้านใบ

การขยายคนดูหนังเป็นกลุ่มเด็กและครอบครัว เมเจอร์ฯ มีวัตถุประสงค์สำคัญ คือ 1.สร้างวัฒนธรรมปลูกฝังการเข้าโรงหนังให้เด็ก รู้สึกเป็นเรื่องง่าย สนุก เมื่อเติบโตขึ้นจะอยากชวนเพื่อนดูหนังในโรงหนัง และ 2.ต้องการให้ครอบครัวใช้เวลาร่วมกัน ซึ่งโรงหนังของเมเจอร์ฯพร้อมเป็น Destination ให้พ่อแม่ลูกใช้เวลาร่วมกันเพื่อดูหนัง สอนลูกจากเนื้อหาในหนัง เป็นช่วงเวลาคุณภาพที่อยู่ร่วมกัน

สำหรับจุดเด่นของโรงภาพยนตร์ Kids Cinema ที่ตอบโจทย์กลุ่มเด็กและครอบครัว คอนเซปต์คือการฉายหนังตัวอย่างเป็นหนังที่เหมาะสำหรับเด็กเท่านั้น และเพิ่มแสงสว่าง +20% ลดเสียงลง -30% มีบ่อบอลขนาดใหญ่ และสไลเดอร์ให้เด็กสนุกได้ในโรงหนังตลอดการชมภาพยนตร์ รวมถึงกิจกรรมเวิร์กชอปจาก Kids Butler ระบายสี เพนท์หน้า ก่อนเข้าชมภาพยนตร์ และที่นั่งโซฟาขนาดใหญ่ นั่งรวมกันได้ทั้งครอบครัว

โรงภาพยนตร์ Kids Cinema ยังพร้อมรองรับการจัด “ปาร์ตี้วันเกิด” ให้น้องๆและเพื่อนๆ พร้อมจัดเต็มทั้งป้ายวันเกิด ป้ายไฟ ขนม เครื่องดื่ม และกิจกรรมสนุกๆตลอดการชมภาพยนตร์ แบบครบจบในที่เดียว

อีกกลยุทธ์ตลาดเชิงรุกของโรงภาพยนตร์ Kids Cinema คือการผนึกพันธมิตรลุย “เนมมิ่ง สปอนเซอร์” เพื่อสร้างผลลัพธ์ Win-Win Strategies โดยปีนี้ เมเจอร์ฯ ตั้งเป้ามีเนมมิ่งสปอนเซอร์ใหม่ รวม 12 ราย จากครึ่งปีแรกมีเนมมิ่งสปอนเซอร์ใหม่แล้วถึง 6 ราย

จุดแข็งของกลยุทธ์ “เนมมิ่ง สปอนเซอร์” โรงภาพยนตร์ Kids Cinema ต่อยอดฐานคนดูหนังกลุ่มเด็กและครอบครัวให้ลูกค้ามากขึ้น ซึ่งปัจจุบันสินค้าแม่และเด็กมีกำลังซื้อสูง ตัวอย่างความสำเร็จที่ผ่านมา คือ การผนึกลาซาด้า (LAZADA) ซึ่งต้องการขยายตลาดสินค้าหมวดดังกล่าว จึงเนรมิตโรงภาพยนตร์ “LAZADA Kids Cinema” ที่ควอเทียร์ ซีเนอาร์ต โดยเมเจอร์ฯ ต่อยอดฐานข้อมูลกลุ่มแม่และเด็ก การแจกคูปอง แบ่งปันข้อมูล(Database) กระตุ้นกลุ่มเป้าหมายไปชอปปิงสินค้าแม่และเด็กบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของลาซาด้าเพิ่มขึ้น รวมถึงจัดกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า (CRM) ให้ลูกค้าที่มียอดใช้จ่ายสูง (Top Spender) ทำกิจกรรมเพื่อสังคมพาเด็กด้อยโอกาสมาดูหนังมอบความบันเทิงคู่ความรู้ (Edutainment)

“เมเจอร์ฯ รุกเนมมิ่ง สปอนเซอร์ ซึ่งลูกค้าตอบรับดี เราวางกลยุทธ์เป็น Total Marketing Campaign ให้ลูกค้า คิดโปรแกรมช่วยสร้างยอดขายให้พาร์ตเนอร์ด้วย”

นรุตม์ ฉายภาพความสำเร็จของเนมมิ่ง สปอนเซอร์ในโรงภาพยนตร์ Kids Cinema ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา เป็นการติดอาวุธสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ให้ลูกค้าพันธมิตร เพราะทุกครั้งที่ดูหนังต้องเอ่ยชื่อแบรนด์โรงหนังเนมมิ่ง สปอนเซอร์ การเป็นพื้นที่มอบประสบการณ์ให้กลุ่มเป้าหมายจากสินค้าและบริการต่างๆ สามารถจัดกิจกรรมสร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) ผ่านเวิร์กชอป แบรนด์ทำโฆษณา แจกสินค้าตัวอย่างในโรงหนังได้ ขณะที่เมเจอร์ฯ พร้อมหนุนการนำฐานข้อมูลมาต่อยอด การเจาะเป้าหมายหรือ Targeting อย่างแม่นยำผ่านอีเมล ไลน์กลุ่ม มอบข้อเสนอพิเศษให้ลูกค้าผ่านแอปพลิเคชั่นของเมเจอร์ฯ

“เมเจอร์ฯ มีฐานคนดูหนังที่แข็งแรง ช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อสินค้าและสร้างยอดขายให้ลูกค้า และการที่แบรนด์พันธมิตรทำเนมมิ่ง สปอนเซอร์ จัดกิจกรรมที่โรงหนังยังนำไปสู่การสร้างความรักต่อแบรนด์ หรือ Brand Love”

เมื่อภารกิจ “เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์” มุ่งหน้าสร้างวัฒนธรรมการเข้าโรงภาพยนตร์ ดูหนังในโรงให้แก่เด็กๆ ดังนั้น “โอกาส” ของสินค้าหมวดหมู่ต่างๆ ทั้งขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์นม สินค้าแม่และเด็กอีกมากมาย สามารถคว้าโอกาสสร้างแบรนด์ในใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่เด็กๆ ได้เช่นกัน เพื่อที่เด็กวันนี้กลายเป็นผู้ใหญ่วันหน้า จะเลือกและจงรักภักดีต่อแบรนด์สินค้านั้นๆ ในอนาคต

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ