เจาะแนวคิด 'ทศพร นิษฐานนท์' ซีอีโอแอมเวย์ กับฮาวทูพลิกแบรนด์-เพิ่มส่วนแบ่ง

“ทศพร นิษฐานนท์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวกับ กรุงเทพธุรกิจว่า แอมเวย์แม้ว่าจะเป็นผู้นำตลาดเบอร์หนึ่งของธุรกิจขายตรงในประเทศไทย ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 31% ในตลาดรวมขายตรงที่มีมูลค่ากว่า 56,400 ล้านบาท แต่มองว่า แอมเวย์มีโอกาสเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้มากกว่านี้ และในบทบาทผู้นำ อยากร่วมผลักดันตลาดให้กลับมาคึกคักมากขึ้น 

ทำไมถึงมองเหตุผลในด้านนี้ หากย้อนกลับไปก่อนที่จะเข้ามาทำงานกับแอมเวย์ "ทศพร" ได้ทำในสายเทคโนโลยีและไอทีมาร่วม 20 ปีแล้ว ได้ร่วมบุกเบิกและผลักดันหลายธุรกิจเติบโต ครองส่วนแบ่งการตลาดที่มากขึ้น

 

สำหรับเส้นทางการทำงานก่อนที่จะเข้ามารับตำแหน่ง ซีอีโอของแอมเวย์ ที่มีอายุน้อยสุดคนหนึ่งในช่วงอายุ 46 ปี โดยในช่วง 20 ปีก่อน จุดเริ่มต้นการทำงานคือ บริษัททางด้านคอมเมิร์ซในประเทศไทย เปรียบเสมือน สตาร์ทอัพยุคบุกเบิกของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

ต่อมาได้ย้ายมาทำงาน ซัมซุง ในประเทศไทยเป็นเวลาร่วมกว่า 12 ปี ดำรงตำแหน่งต่างๆ ร่วม 10 ตำแหน่ง ทั้งดูแลด้านออนไลน์ รีเทล ดีลเลอร์ ซัพพลายเชนก่อนย้ายไปทำงานประจำภูมิภาคอาเซียน ได้รับตำแหน่งที่ประเทศเวียดนาม 6 เดือน สามารถร่วมผลักดัน ยอดขายให้เติบโต 2-3 เท่าตัวจากปกติ หลังจากนั้นได้รับการปรับไปรับตำแหน่ง ดูแลในภูมิภาคเอเชียโอเชียเนีย ร่วมดูแล 13 ประเทศ เป็นเวลา 5 ปี ก่อนที่จะดูแลตลาดประเทศฟิลิปปินส์ ในด้านกลยุทธ์ให้แก่ประธานจากเกาหลีใต้ ซึ่งผลจากการทำงานที่ซัมซุง ร่วมผลักดันให้แบรนด์โทรทัศน์มือถือ แทบเล็ต และ ไอทีขึ้นเบอร์หนึ่งได้ทั้งหมด และครองส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้น

เจาะวิธีพลิกแบรนด์ให้โตและขึ้นสู่ผู้นำ

หลังจากนั้นกลับมาประเทศไทย และมาทำงานที่หัวเว่ย ประเทศไทย ในบทบาททำงานร่วมกับผู้บริหารจากประเทศจีน เพื่อร่วมผลักดันทำให้แบรนด์หัวเว่ย เข้าใจตลาดไทยมากขึ้น ซึ่งสามารถร่วมผลักดันแบรนด์ หัวเว่ย ขึ้นจากลำดับ 8 ในตลาดสู่ ลำดับ 2 ในตลาดโทรศัพท์มือถือได้สำเร็จ ในเวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น

ทั้งหมดมาจาก การที่เคยทำงานในแบรนด์ซัมซุง สามารถปรับใช้วิธีการทำงานทุกอย่างและนำโมเดลที่สำเร็จมาร่วมใช้ ทั้งการสร้างแบรนด์ การสร้างประสบการณ์หน้าร้าน วิธีการขาย และการสร้างโมเดลธุรกิจ ประกอบกับการคุ้นชินกับวงการโทรศัพท์มือถือมายาวนานจึงเข้าใจในตลาดอย่างดี หลังจากนั้นไปทำงาน กับ ซินเน็ค ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ และไอที รวม 60 แบรนด์ก่อนย้ายมาที่ แอมเวย์

“ความสนใจในธุรกิจขายตรง มาจากการที่ก่อนหน้านี้ได้ทำงานด้านอิเล็คทรอนิกส์และไอที จึงมีความใกล้ชิดกับบทบาทการบริหารด้านการตลาด และได้เรียนรู้มุมมองให้เข้าใจผู้บริโภค ทำให้สนใจอยากไปเรียนรู้สายอื่นๆ ที่ไม่ใช้เทคโนโลยี ทำให้ย้ายมาทำที่แอมเวย์ในช่วงโควิดเมื่อ 4 ปีก่อน ประกอบกับมองเทรนด์สุขภาพกำลงมา และกระแสที่คนรุ่นใหม่สนใจอยากทำธุรกิจส่วนตัวมาแรงเช่นกัน”

หากย้อนกลับไปในวิธีพลิกแบรนด์ให้เติบโตในช่วงที่ผ่านมา ต้องเข้าไปลงพื้นที่และรับฟังความต้องการของกลุ่มลูกค้าให้มากที่สุด เข้าไปร่วมแก้ pain point ให้แก่ลูกค้า อย่างโทรศัพท์มือถือ เข้าไปตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเวียดนามที่อยากได้ใช้สินค้าที่เทคโนโลยีที่ดีและเข้าถึงได้ง่าย รวมถึงต้องมองลึกไปถึงปัญหาของดีลเลอร์อยากให้มีการแก้ไขในจุดใดก็ต้องไปแก้ด้านนั้น เพื่อร่วมสร้างทำให้แบรนด์เติบโต  

“การบริการแบรนด์ต่างๆ เราต้องเข้าไปดูในเชิงลึก เมื่อวางภาพแรกถูก ที่เหลือฮาวทูต่างๆ จะมาเอง ดีลเลอร์ คู่ค้ามีปัญหาอะไร ร่วมเข้าไปตอบโจทย์แก้ปัญหาของลูกค้านั้น เป็นวิธีการทำให้แบรนด์สร้างการเติบโต”

ธุรกิจขายตรงแม้เป็นเบอร์หนึ่ง ต้องต่อยอดการเติบโต

แอมเวย์ที่เป็นเบอร์หนึ่งในตลาดอยู่แล้ว และมีสินค้าหลายกลุ่มครองส่วนแบ่งผู้นำ แต่มีคู่แข่งในตลาดจำนวนมาก สิ่งสำคัญคือต้องประเมินทิศทางตลาด รวมถึงแนวโน้มการเติบโต และเมกะเทรนด์ต่างๆ ซึ่งพบว่า คนทั่วโลกต่างให้ความสนใจในการดูแลสุขภาพมีสูงขึ้น สอดรับกับตลาดที่แอมเวย์ มุ่งโฟกัส มีแนวโน้มขยายตัวถึง 8% ต่อปีในช่วง 5 ปีข้างหน้า

“โจทย์แรกที่ได้เข้ามาทำงานแอมเวย์ มาจากทีมผู้บริหารอยากได้ ผู้บริหารจากอุตสาหกรรมอื่นๆ มาทำงาน”

ทั้งนี้เมื่อเข้ามาทำงานในปีแรก แอมเวย์ มียอดขายผ่านออนไลน์ที่ 15% โดยในเวลาดังกล่าว แอมเวย์ กำลังลงทุนปรับระบบเทคโนโลยีหลังบ้านครั้งใหญ่ และวางงบลงทุนไว้ 1,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงาน ทั้งการโหลดข้อมูลได้เร็วขึ้น 10 เท่าและปรับให้สามารถรองรับทราฟฟิกของลูกค้าอีก 10 เท่า และในปีล่าสุดก็กำลังปรับระบบให้ดีมากขึ้น เป็นการลงทุนต่อเนื่อง เพื่อสร้างระบบที่ดีสุดและไม่สะดุดในทุกการใช้งาน รวมถึงการลงทุนด้านเอไอ และดาต้าต่างๆ ในการเก็บข้อมูลและบริหารข้อมูลต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น

“ก่อนหน้านี้ เราเคยทำมาร์เก็ตแชร์ 70-80% ในธุรกิจโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต ของซัมซุง ดังนั้นแอมเวย์ ที่เป็นผู้นำตลาดขายตรง ก็มีโอกาสสร้างแบรนด์ให้โตได้มากกว่านี้อีก อย่างตลาดสุขภาพที่ทุกคนมองว่ามีขนาดใหญ่มากในโลก สามารถต่อยอดไปได้อีกเยอะ ทั้งท่องเที่ยว สปา และอุปกรณ์ในการดูแลสุขภาพ เรียกได้ว่า มีโอกาสอีกมหาศาล”

ล่าสุดภาพรวมยอดขายผ่านออนไลน์ เพิ่มขึ้นมาที่ 55% แล้ว และยอดลูกค้าสมัครสมาชิกกว่า 70% จากออนไลน์ แสดงว่า ทิศทางกำลังเติบโตที่ดี โดยแม้ว่าออนไลน์ขยายตัว แต่บริษัทให้ความสำคัญลงทุนพัฒนาหน้าร้านอย่างไม่หยุดนิ่งเช่นกัน ล่าสุดได้ปรับหน้าร้านของแอมเวย์ให้มีคาเฟ่ ร่วมสร้างคอมมูนิตี้ในชอป เพื่อเป็นจุดศูนย์กลางให้ลูกค้าและนักธุรกิจได้มาเจอกัน และได้พบสินค้าต่างๆ

อีกทั้งบริษัทได้ร่วมยกระดับและเสริมแกร่งพนักงานสู่ครีเอเตอร์จำนวน 50,000 คนในช่วงที่ผ่านมา พร้อมมีโปรแกรมติดอาวุธให้แก่นักธุรกิจแอมเวย์ ที่จัดโปรแกรมอบรม เทรนนิงตลอดทั้งปี ร่วมเสริมความแข็งแกร่งให้แก่นักธุรกิจที่มีอยู่กว่า 3.3 แสนคน และการวางแนวทางให้นักธุรกิจ กลายเป็น personal coach ร่วมดูแลและให้คำแนะนำด้านสุขภาพอย่างครบวงจร

ผ่าแนวคิดการทำงาน และจุดมุ่งหมายในการทำงานแอมเวย์

แนวคิดการทำงานที่ผ่านมาคือ ยึด work hard work smart คือ แม้ว่าทำงานหนักแต่ต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพมากกว่าองค์กรอื่นๆ  ทุกอย่างต้องรวดเร็ว ผสมผสานด้วย passion ทำให้การทำงานทุกวัน มีความสุข และไม่เหนื่อย มีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน  

“คอนเซ็ปต์ทำงานให้มีประสิทธิภาพและทำงานหนัก อาจเป็นความสำเร็จของผู้บริหารหลายคน ผมแบ่งเวลาเวลาที่มีคุณภาพ เพราะผมมีเวลาจำกัด เราจัดการเวลาให้มีคุณภาพได้ เมื่อมีเวลาที่แบ่งอย่างดีและมีประสิทธิภาพแล้ว เมื่อมีเวลาส่วนตัวก็ออกกำลังกายในทุกสัปดาห์ พักผ่อนและให้เวลากับครอบครัว โดยมีภรรยาทำหน้าที่แม่บ้านร่วมดูแลลูกสองคน ร่วมจัดสวรรเวลาของครอบครัว เวลาไปเที่ยวร่วมกัน และออกกำลังกายด้วยกัน”

อีกอย่างคือเมื่อมาทำงานแอมเวย์ จึงสนใจดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยเมื่อต้องการเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านใด จำเป็นต้องลงทุนพัฒนาด้านนั้นอย่างจริงจังที่สุด โดยเวลาส่วนตัวที่นอกจากออกกำลังกายและอยู่กับครอบครัว อีกสิ่งคือ การอ่านหนังสือ จากในปัจจุบันให้น้ำหนักกับการเลือกหนังสือด้านสุขภาพ จึงทำให้มีหนังสือสุขภาพที่อ่านแล้ว 20 เล่มแล้วในช่วงเวลา 4 เดือน รวมถึงหนังสือเกี่ยวกับเคล็ดลับอายุยืนยาวในโลก ถือว่าแตกต่างจากที่ผ่านมา จะมุ่งอ่านหนังสือและสนใจเกี่ยวกับด้านธุรกิจและการตลาดมากกว่า

“การทำงานที่นี้จะมี personal coach จากต่างประเทศ มาให้คำปรึกษาในแทบทุกสัปดาห์ พร้อมให้เราประเมินวัดผลตัวเองทุกครั้งว่า ทำงานแล้ว มีความหมายในชีวิตไหม มีความสุขในชีวิตไหม ให้ความสุขของตัวเองเท่าใด เปรียบเสมือนให้เราวัดตัวเองตลอดเวลา สร้างเอนเนอร์จี้ทำงาน ที่ต้องทำงานแล้ว ต้องมีความหมายในชีวิต ทำงานแล้วมีความสุข และต้องมีเป้าหมายในการทำงานให้ประสบความสำเร็จ” 

 

การสร้างอิมแพ็คให้ทุกคนมีชีวิตที่สุขภาพดีและอายุยืนยาว

อีกสิ่งที่เปลี่ยนแปลงจากการดูแลสุขภาพอย่างจริงจังคือ ได้ปรับตัวเองมาทานมังสวิรัติมาแล้วประมาณ 4 เดือน โดยมีจุดเปลี่ยนที่สำคัญมาจากการได้ดูซีรีย์ ตามคำแนะนำของ ซีอีโอ แอมเวย์ จากประเทศสหรัฐ ในเรื่อง  You Are What You Eat มีเนื้อเรื่องจากผลการทำวิจัยของ Dr. Christopher Gardner ได้ศึกษาเรื่องการดูแลสุขภาพ ซึ่งได้นำฝาแฝดที่มีทุกอย่างเหมือนกัน นำมาศึกษาในเวลา 8 สัปดาห์ภายใต้สิ่งแวดล้อมเหมือนกัน โดยคนแรกให้ทานแพลนท์เบส อีกคนให้ทานอาหารเฮลท์ตี้และมีเนื้อสัตว์ ซึ่งเมื่อครบกำหนดไปตรวจสุขภาพ พบว่า คนแรกมี สุขภาพที่ดีกว่า จากการวัด เทโลเมียร์(Telomere) คือ การวัดปลายสุดของโครโมโซม โดยหากมีหางที่ยาวขึ้น แสดงถึงอายุที่ยืนยาว

อีกทั้งผลจากการสนใจในเรื่องสุขภาพอย่างจริงจัง จึงอยากทำให้ทุกคนได้เห็นผลลัพธ์ในการดูแลสุขภาพ ร่วมสร้างอิมแพ็คทำให้ทุกคนในองค์กร กว่า 1,000 คนและนักธุรกิจกว่า 3.30 แสนคน ให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพ และเชื่อว่าทุกคนสามารถมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้จริงๆ เพื่อมีจุดมุ่งหมายไปสู่การสร้างสังคมที่ทุกคนมีอายุยืนยาว พร้อมสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ทุกคนไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ป่วยอยู่ติดเตียงอีกต่อไป ตามแนวทางของ Longevity และ Healthspan ที่ดีในระยะยาว

“ผมเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงที่ยากสุดคือ ตัวเรา จึงต้องสร้างเปลี่ยนแปลงที่ตัวเองก่อน เพื่อให้คนอื่นได้เห็น เกิดพลังการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ตามมา เราต้องพร้อมเป็น product of the product สร้างอิมแพ็คต่อคนอื่นๆ ”

 

 

 

 

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

UN โหวตไทย เป็นคณะมนตรี UNHRC 1 ใน 18 ประเทศด้วยคะแนนสูงสุด

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รั...

ชาวอเมริกันในไทยหย่อนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าคึกคัก

วันนี้ (10 ต.ค.2567) ชาวอเมริกันประมาณ 20 -30 คน ออกมาหย่อนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าที่หน้าสถานทูตสหรัฐใ...

‘อาร์โนลต์’ ขยายอาณาจักรสู่ ‘วงการฟุตบอล’ รุกซื้อหุ้นสโมสรปารีส เอฟซี

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า “ตระกูลอาร์โนลต์” เจ้าของอาณาจักรแบรนด์หรู LVMH ระดับโลก ใกล้บรรลุข้อต...

COP29 เปิดตัวพอร์ทสั่งอาหารออนไลน์ เมนูยั่งยืน เชื่อมโยงวัฒนธรรมทั่วโลก

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2024 The COP29 Azerbaijan Operating Company บริษัทดำเนินงาน COP29 ในประเทศอาเซอ...