จับตาเส้นทางข้าว 10 ปี ส่งออกหรือจำหน่ายในประเทศ

ปิดอีเว้นท์ใหญ่ “โชว์กินข้าว 10 ปี ” ของ “ภูมิธรรม เวชยชัย ”รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หลัง “บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด”จ.กำแพงเพชร เข้าวินเสนอราคาประมูลสูงสุดข้าวค้างสต๊อก 10 ปี จำนวน 1.5 หมื่นตันในโครงการรับจำนำข้าว สมัยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เก็บที่คลังสินค้ากลางกิตติชัย (หลัง2) และคลังสินค้า บริษัท พูนผลเทรดดิ้ง จำกัด (หลัง4)จ.สุรินทร์ โดยเสนอราคาซื้อสูงสุดทั้ง 2 คลัง รวม 286 ล้าน หรือราคาที่ 19.07บาท ต่อกิโลกรัม

ถือได้ว่าเป็นการปิดฉากประมูลข้าว 10 ปี  ซึ่ง นาย“ภูมิธรรม” เองถึงกับบอกว่า เป็นการปิดตำนานโครงการจำนำข้าวในขณะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สำหรับจุดเริ่มของอีเว้นท์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ที่นายภูมิธรรม ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ ของเพื่อตรวจสอบข้าวในสต๊อกที่เก็บรักษาไว้ในโครงการรับจำนำข้าวเป็นเวลา10 ปี ที่ถูกร้องเรียนว่าเป็นข้าวเน่า โดยลงไปตรวจสอบโกดังที่เก็บข้าวในโครงการรับจำนำข้าว 2 แห่ง

จากนั้นต้นเดือนพ.ค.ก็ขนทัพสื่อลงไปอีกครั้งพร้อมโชว์กินข้าว 10 ปี พร้อมประกาศประมูลข้าว 10 ปี แต่สังคมยังคาใจข้าว 10 ปี กินได้หรือไม่ จนกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์นำข้าวตัวอย่างไปพิสูจน์ ผลออกมาเป็นข้าวดีคุณภาพ สุดท้ายก็เปิดประมูลและปิดจ๊อบข้าว 10 ปีได้

 

อย่างไรก็ตามประมูลข้าว 10 ปียังไม่จบง่าย ๆเพราะสังคมเคลือบแคลงสงสัยว่า  “บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด”ที่มีทุนจดทะเบียนเพียง 2 ล้านบาท และในปี 66 มีกำไรเพียง 2 แสนกว่าบาท กลับคว้าการประมูลข้าวไปด้วยราคาสูงสุดเหยียบ 300ล้านบาท จะนำเงินจากไหนมาชำระค่าข้าว หรือ เป็น”นอมินี”นายทุนข้าวของใครหรือไม่อย่างไร อีกทั้งราคาที่ประมูลได้ไม่สมเหตุสมผลสูงเกินจริง ถือเป็นราคาที่ผิดปกติ

ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของ “ภูมิธรรม” ที่ต้องตรวจสอบ เพื่อสร้างความโปร่งใส เพราะหากไม่โปร่งใสสุดท้ายประมูลข้าวในครั้งนี้คงเป็นแค่“ปาหี่” ล่าสุด 21 มิ.ย.67องค์การคลังสินค้า (อคส.)ได้เรียกบริษัท ธนสรร ไรซ์ จังหวัดชัยนาท บริษัทค้าข้าวใหญ่ 1 ใน 5 ของประเทศ ซึ่งเป็นผู้เสนอราคาสูงเป็นอันดับ 2 ที่กิโลกรัมละ 18.01 บาทมาต่อรองราคา  ซึ่งหากมีรายใด เสนอราคาสูงเกินกว่า   19.07 บาท ต่อกิโลกรัม  ก็จะมีสิทธิ์ได้ข้าวล็อตนี้ไ

 

 

 

 

อย่างไรก็ตามไม่ว่าบริษัทใดจะคว้าการประมูลข้าว 1.5 หมื่นตันไปได้ แต่ประเด็นที่ต้องติดตามกันต่อไปคือ เส้นทางของข้าว 1.5 หมื่นตันสุดท้ายจะไปไหน ซึ่งมีเพียง 2 เส้นทาง คือ เส้นทางที่ 1 คือส่งออกไปยังกลุ่มประเทศแอฟริกาและ เส้นทางที่ 2 จำหน่ายภายในประเทศ โดยการนำข้าวเก่า 10 ปี มาผสมขายกับข้าวปัจจุบัน

จึงน่าสนใจว่า หลังจากนี้บริษัทที่ชนะการประมูลจะนำข้าวจำนวน 1.5 หมื่นตัน เดินทางไปสู่เส้นทางไหน ซึ่งเป็นไปได้ทั้ง 2 เส้นทางเพราะทีโออาร์ อคส. ที่กำหนดไว้เป็นการเปิดประมูลข้าวหอมมะลิในสต๊อกแบบทั่วไป ไม่ได้ระบุว่าจะต้องส่งออกเพียงอย่างเดียว สามารถนำไปขัดสีปรับปรุงคุณภาพนำมาผสมกับข้าวอื่นบรรจุเป็นข้าวถุงขายในประเทศก็ได้เช่นกัน ดังนั้นบทสรุปข้าว10 ปี ยังคงไม่จบกันแค่นี้

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

จับตา 48 ชั่วโมงอันตราย หลังระเบิดเลบานอน l World in Brief

รมต.เลบานอนเตือนระวังสถานการณ์บานปลายรุนแรง จากเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบา...

‘อาเซียน’ หันใช้คิวอาร์โค้ดพุ่ง ดันภูมิภาคสู่ ‘สังคมไร้เงินสด’

นิกเคอิเอเชียรายงานว่า การชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดเริ่มเป็นที่แพร่หลายในตลาดเกิดใหม่เมื่อหลายปีก่อน เ...

เปิดประสบการณ์เยือน ‘กัมพูชา’ ครั้งแรกของนักการทูตแรกเข้า

“กัมพูชา” ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งคนไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างง่ายดายทั้ง...

“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเลย” ข้อความแรกของซีอีโอใหม่ Nike ถึงพนักงาน

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (20 ก.ย.) ว่า เอลเลียต ฮิลล์ ผู้บริหารคนใหม่ของ Nike Inc., กล่าวต่อ...