'เลิศวิทย์ ภูมิพิทักษ์' กับภารกิจแม่ทัพขับเคลื่อน 'โรบินสันไลฟ์สไตล์'

การเข้ามาดิสรัปต์ของเทคโนโลยีดิจิทัล และพฤติกรรมของลูกค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการทำตลาดของศูนย์การค้าที่ต้องปรับตัว การเข้ามารับไม้ต่อของแม่ทัพคนใหม่ เลิศวิทย์ ภูมิพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล จึงน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งว่าการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตและยั่งยืน จะมีกลยุทธ์อย่างไร? 

ในบทบาทแม่ทัพคนใหม่แห่ง ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ถือว่าเป็นโอกาสสำคัญที่นายเลิศวิทย์จะได้นำประสบการณ์การบริหารในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและอสังหาฯ ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน จากเข้าร่วมงานกับกลุ่มเซ็นทรัล เซ็นทรัลพัฒนา และเซ็นทรัลรีเทล มาใช้ขับเคลื่อนศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ซึ่งจะยังคงยึดมั่นในวิสัยทัศน์การเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตของทุกคนในชุมชน เพื่อมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตในศูนย์การค้าที่แตกต่างและเหนือกว่า ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ทุกครอบครัว 

"หลักการบริหารของผมคือ Always Create the Best วันนี้เราทำดีแล้ว พรุ่งนี้ต้องดีขึ้นไปอีก ดียิ่งขึ้นในทุกๆ วัน เพื่อตอบสนองกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยจะเข้ามาสานต่อกลยุทธ์ Lifestyle and Experiential Community เป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตของทุกคนในแต่ละพื้นที่ทั่วไทย มุ่งนำพาโรบินสันไลฟ์สไตล์ไปสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์การค้าชั้นนำที่มีสาขามากที่สุดทั่วไทย ซึ่งแนวทางการบริหารจะเน้น 3 หัวใจหลัก ประกอบด้วย ลูกค้า-คู่ค้า-สังคม เพื่อเป็นการยกระดับ ecosystem ทั้งหมดของศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทำหน้าที่เป็นอีกกลไกสำคัญในการสร้างการเติบโตแบบยั่งยืนให้กับทั้งลูกค้า คู่ค้า และสังคม" นายเลิศวิทย์ กล่าว

ภายใต้กลยุทธ์หลัก Lifestyle and Experiential Community สะท้อนชัดว่า โรบินสันไลฟ์สไตล์ วางให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางของการทำตลาด ด้วยแนวคิด COMPLETE LIFESTYLE DESTINATION ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันของกลุ่มลูกค้าเดิม ทุกเพศ ทุกวัย ทุกครอบครัว และเพิ่มฐานกลุ่มลูกค้าใหม่กับการเป็น "EAT-SHOP-PLAY" เดสติเนชันที่สมบูรณ์แบบที่สุดและครบจบในที่เดียว โดยมุ่งยกระดับการเป็นศูนย์กลางในการใช้ชีวิต เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Food Lover, กลุ่ม Modern Family, กลุ่ม Pet Lover และกลุ่ม Tourist Destination ด้วยการเสริมสร้างประสบการณ์พิเศษอยู่เสมอให้กับลูกค้า อาทิ Special Project การ Collaboration กับ World Class Artists ซึ่งจะเริ่ม Roll Out ในสาขาที่เป็น Flagship Store ตั้งแต่การตกแต่งบรรยากาศของศูนย์การค้า การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย การจัดทำของสมนาคุณเอกซ์คลูซิฟคอลเลกชัน 

นอกจากนี้ หมายรวมถึงสร้าง New Experiences อื่นๆ ในศูนย์การค้าฯ ให้กลายเป็นพื้นที่สุดพิเศษให้ทุกคนได้มาใช้ชีวิตและปลดล็อกไลฟ์สไตล์แบบใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน จัดเต็มกิจกรรมและอิเวนต์ที่อัดแน่นไปด้วยความสนุกที่หลากหลายกว่า 52 อิเวนต์ ครอบคลุม 27 สาขาทั่วไทย ที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุก Segment และช่วยสร้างรายได้ให้กับพันธมิตรร้านค้าในทุกช่วงเทศกาลและตลอดทั้งปี พร้อมพัฒนาปรับปรุงสาขา ยกระดับประสบการณ์ลูกค้าให้สมบูรณ์มากขึ้น โดยมีแผนรีโนเวทสาขาทั้งภายในและภายนอกศูนย์การค้าทั้งหมด 14 สาขา ที่เป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่ 5 สาขา ได้แก่ สระบุรี, กาญจนบุรี, สมุทรปราการ, ราชบุรี และสุรินทร์ ซึ่งภาพรวมของแนวทางการออกแบบ จะเนรมิตบรรยากาศภายในของศูนย์การค้าด้วยงานศิลป์ตกแต่งเพิ่มความสดใสและการใช้ชีวิตที่แตกต่างภายในศูนย์การค้า มาพร้อมกับความสวยงามที่น่าประทับใจ เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้า New Gen ที่ต้องการพื้นที่ในการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น

ในขณะเดียวกันจะมีการต่อยอดธุรกิจและสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ ที่เน้นให้ความสำคัญกับลูกค้ากลุ่มครอบครัว โดยวางเป้าหมายขยายธุรกิจ SUNDAY สวนสนุกเด็กในร่ม พื้นที่เสริมสร้างพัฒนาการเด็ก ไปยังสาขาของศูนย์การค้าฯ ทั่วไทย รวมถึงศูนย์อาหาร Food Park ศูนย์รวมความอร่อยจากร้านเด็ดชั้นนำ มีแผนรีโนเวทมากกว่า 10 สาขา เสริมกำลังด้วยร้านสตรีทฟู้ดชื่อดังและร้านค้าในกระแสของแต่ละพื้นที่ ทั้งยังมีการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ในพื้นที่ของศูนย์การค้าในหลายสาขา เช่น Outdoor Mall และ Strip Mall ซึ่งเป็นพื้นที่การเดินช้อปปิ้งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน และมีแผนจะนำไปใช้ในการต่อยอดธุรกิจในอนาคต นอกจากนี้ จะสร้างแลนด์มาร์กแห่งใหม่ในทุกพื้นที่ที่เข้าไปดำเนินธุรกิจ เปิดประสบการณ์ใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจทั้งกลางวันและกลางคืนด้วยไนท์ วอร์กกิ้ง สตรีท, ลานนั่งเล่นแฮงเอาต์

เรื่องของพันธมิตรที่เป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักนั้น ใช้กลยุทธ์ INCLUSIVE GROWTH FOR PARTNERS เน้นการเชื่อมโยงการทำธุรกิจของคู่ค้าที่ครบวงจรแบบ B2B2C ร่วมกับการเสริมกำลังด้านบุคลากรและรูปแบบการทำงานร่วมกับพันธมิตรร้านค้าและแบรนด์ชั้นนำ รวมถึงบริการที่ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า โดยจะนำเสนอ Total Solutions แก่ร้านค้าแบบครบวงจร ผนึกกำลังกับพันธมิตรชั้นนำของไทย อาทิ Robinson Department Store, Tops, Supersports, B2S, Power Buy และเน้นทำงานแบบ Proactive มุ่งสร้าง Business Success ให้แก่ร้านค้าและซัพพอร์ตแบบทุกมิติ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มศักยภาพของธุรกิจในระยะยาว 

การขยายธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะกับการให้การสนับสนุนแบรนด์กลุ่มใหม่ๆ ที่กำลังมาแรง เช่น สุกี้ตี๋น้อย, โอ้กะจู๋, Shinkanzen Sushi เข้ามาอยู่ในศูนย์การค้าฯ ให้ธุรกิจคู่ค้าได้ขยายและเติบโตอย่างแข็งแกร่งไปด้วยกัน ตลอดจนสนับสนุนธุรกิจในพื้นที่และกลุ่มสตาร์ทอัพ โดยการเปิดพื้นที่ให้เจ้าของธุรกิจเอสเอ็มอี และกลุ่มสตาร์ทอัพทั้งหลายในแต่ละพื้นที่ได้มีโอกาสเข้ามาออกร้านในศูนย์การค้า เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

อีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจของศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ก็คือ การขับเคลื่อนสังคม ด้วยแนวคิด CREATE SUSTAINABLE COMMUNITY ที่มุ่งเน้นการสร้างศูนย์กลางการใช้ชีวิตของคนในแต่ละพื้นที่ ทั้งด้านการศึกษา ด้านเศรษฐกิจในชุมชน และด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างระบบนิเวศที่ดีที่เข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต และเป็นศูนย์กลางของแต่ละจังหวัด ได้แก่ การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของชุมชน โดยการผนึกกำลังสถาบันการศึกษา เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาและเสริมทักษะของเยาวชนในด้านต่างๆ รวมถึงกิจกรรม CSR ที่ได้ร่วมทำกับชุมชนอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการ Funtastic English Class ออกแบบความสุขสนุกยกคลาส, กิจกรรม STUDENT FUN FAIR เปิดประสบการณ์ความสนุก ส่งต่อความสุขนอกห้องเรียน เป็นต้น อีกทั้งมุ่งสร้างคุณค่าและมูลค่าเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจในชุมชน ส่งเสริมการสร้างรายได้ในชุมชน โดยการสนับสนุนการจัดจ้างแรงงาน การเปิดพื้นที่สำหรับจัดจำหน่ายสินค้าร่วมกับชุมชน ส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนและคนในสังคมอย่างยั่งยืน

โรบินสันไลฟ์สไตล์ มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจศูนย์การค้าสู่การเติบโตแบบยั่งยืนให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม ตามเจตนารมณ์ของเซ็นทรัล รีเทลในการเป็น Green & Sustainable Retail องค์กรค้าปลีกค้าส่งต้นแบบด้านความยั่งยืน ช่วยลดการใช้ทรัพยากรชาติที่มีอย่างจำกัด สามารถบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อธุรกิจของศูนย์การค้า รวมถึงชุมชนและสิ่งแวดล้อม สะท้อนความตั้งใจจริงได้จากโครงการต่างๆ อาทิ การติดตั้ง Solar Rooftop จำนวน 25 สาขา สามารถ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้ 73,145.48 Ton CO2 การจัดทำระบบ Chiller Plant Management การติดตั้ง EV Charging Station เพื่อสนับสนุนให้เกิดการใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น อาทิ การจับมือร่วมกับ OR EV Station PluZ และ Tesla ในการติดตั้ง Supercharger สะท้อนให้เห็นถึงความุ่งมั่นในการให้ความสำคัญกับเรื่องของการใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มรูปแบบในฐานะของการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม

นายเลิศวิทย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า พร้อมขับเคลื่อนให้องค์กรมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งและไดนามิกก้าวทันกระแสโลก ดังนั้น อีกเรื่องที่ผมให้ความสำคัญคือ เรื่องของบุคลากร ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยเรามีการพัฒนาคนทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว เช่น การเพิ่มศักยภาพหรือการพัฒนาด้วยความรู้ใหม่ๆ เพื่อทำให้องค์กรพัฒนาก้าวไกลอย่างไม่หยุดยั้ง

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘ไทย’ ร่วงลงสองอันดับ! ใน IMD World Talent Ranking ปี 2024 ส่วนสิงคโปร์นำโด่ง

จากการจัดอันดับ “ประเทศที่มีความเป็นเลิศในด้านบุคลากรผู้มีความสามารถประจำปี 2024” (The 2024 IMD Worl...

Apple วางขาย iPhone 16 พร้อมนวัตกรรมความยั่งยืน ใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิล 85%

Apple ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอีกครั้ง ด้วยการวางขาย iPhone 16 ที่เน้นความยั่งยืน โด...

ผล 1 ปีกับความคืบหน้า ESG Symposium ส่งไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ สู้โลกเดือด

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เห็นผลเป็นรูปธรรม ตาม 4 ข้อเสนอจากงาน ESG Symposium 2023 ทั้งสร้าง "สระบุรี...

‘ลาซาด้า’ เดินเกมทำกำไร ชู '3 กลยุทธ์' สร้างยุคใหม่อีคอมเมิร์ซ

วาริสฐา เกียรติภิญโญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย กล่าวว่า ลาซาด้ายังเดินหน้าลงทุนใน...