วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง ผลพิจารณาคดีสำคัญทางการเมือง และ US Retail Sales/Industrial Production

ทำให้ดัชนีฯ มีความเสี่ยงสูงที่จะร่วงต่อเนื่อง ไปทดสอบแนวรับของกรอบ Down Channel ใหม่ (กรอบ 1,200-1,366 จุด) ที่ 1,280/1,260 จุด ตามลำดับ เราคงคำแนะนำ ชะลอลงทุนจนกว่าจะเห็นสัญญาณกลับตัวทางเทคนิค (Reversal Pattern)

ประเด็น Event สำคัญ วันนี้

TH: สภาฯประชุมสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณา พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ฉบับแก้ไข คาดใช้เวลาเพียง 1 วัน ก่อนพิจารณางบประมาณปี 2025 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท วาระแรก วันที่ 19-21 มิ.ย.

+/-US สุนทรพจน์ Fed Chicago Goolsbee Fed Dallas Logan Fed St. Louis Musalem (Non-Voters) Fed Govern Kugler และ Fed Richmond Barkin (Voters); จับตาสัญญาณดอกเบี้ยครั้งต่อไป โดยจะเป็นบวกต่อตลาดหากสนับสนุนการเร่งลดอัตราดอกเบี้ย

*Australia rate decision คาดคงดอกเบี้ยที่ระดับเดิม แต่ส่งสัญญาณพร้อมปรับขึ้นดอกเบี้ย หากเงินเฟ้อไม่ลดลงมาตามกรอบเป้าหมาย

-TH ผลการพิจารณาวันนี้ ของศาลรัฐธรรมนูญต่อคดียุบพรรคก้าวไกล คดีถอดถอดนายกฯเศรษฐา และคดีเลือกตั้งสว. รวมถึงศาลอาญา คดีทักษิณผิดมาตรา 112 หมิ่นสถาบันการเงิน เราคาดว่าความไม่แน่นอนของผลตัดสินคดีทางการเมือง จะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทยต่อไปอีกระยะหนึ่ง ทั้งนี้ เราประเมินผลตัดสิน จะนำไปสู่ 3 สถานการณ์ ดังนี้

 

1. BASE CASE: “คาดดัชนี SET ทรงตัวบริเวณ 1,320 จุด” ศาลฯ ตัดสินให้นายเศรษฐา พ้นตำแหน่งนายกฯ จนนำไปสู่สถานการณ์ที่ต้องเลือกนายกฯ และจัดตั้งรัฐบาลใหม่ แต่รัฐบาลยังสามารถรักษาฐานเสียงในการโหวตในสภาฯ เอาไว้ได้ (นายกฯ ยังมาจากพรรคเพื่อไทย หรือพรรคร่วมรัฐบาล) ทำให้ความเสี่ยงเรื่องความล่าช้าของเงินงบประมาณและการปรับเปลี่ยนนโยบายภาครัฐมีน้อย

2. BEST CASE: ”คาดดัชนี SET มีแนวโน้มรีบาวด์ลักษณะ V-shape มาที่ 1,355 จุด” ศาลฯ ตัดสินให้นายเศรษฐา ไม่มีความผิด เราประเมินผลกระทบในเชิงบวก เนื่องจากจะไม่ส่งผลต่อความเสี่ยงเรื่องความล่าช้าของเงินงบประมาณและการปรับเปลี่ยนนโยบายภาครัฐ ทำให้ตลาดผ่อนคลายความกังวล

3. WORST CASE: “คาดดัชนีมีแนวโน้มลดลงมาที่ 1,203 จุด” ศาลฯ ตัดสินให้นายเศรษฐา พ้นตำแหน่งนายกฯ จนนำไปสู่สถานการณ์ที่ต้องเลือกนายกฯ และจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และรัฐบาลไม่สามารถรักษาฐานเสียงในการโหวตในสภาฯ เอาไว้ได้ จนนำไปสู่การ ประกาศยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่ ส่งผลให้งบประมาณปี 2025 ล่าช้า และยกเลิกนโยบายเศรษฐกิจภาครัฐของรัฐบาลเดิม นำไปสู่การปรับลดประมาณการเศรษฐกิจของไทยลง

 

เราคาดว่าการพิจารณาของศาลฯ ในวันนี้ ยังคงไม่มีผลตัดสินของคดีสำคัญ โดยเฉพาะคดีถอดนายกฯเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะคาดว่าศาลฯ ยังคงต้องมีการนัดไต่สวนพยานเพิ่มเติม อีกอย่างน้อย 2-3 นัด หรือจนกว่าศาลฯ ได้รับข้อมูลครบถ้วน ก่อนที่จะมีการนัดตัดสิน (คาดเกิดขึ้นหลังเดือน ก.ค.) เช่นเดียวกันกับคดียุบพรรคก้าวไกล ขณะที่ผลตัดสินวันนี้จะมีเพียงคดีเลือกตั้งสว. ว่า 4 มาตรา (ม.36 40 41 42) ขัดหรือแย้งพ.ร.บ.รัฐธรรมนูญ หรือไม่ (คำตัดสินจะมีผลต่อกระบวนการเลือกสว. ระดับประเทศ ที่มีกำหนดเลือกตั้งในวันที่ 26 มิ.ย. ได้ไปต่อหรือต้องหยุดชั่วคราว) ทำให้แนวโน้มดัชนีฯ มีแนวโน้มที่จะลดลงต่อเนื่อง เพราะการกังวลต่อการเกิดผลกระทบ Worst Case Scenario (Fiure 1 ดัชนีฯ ดิ่งลงแรงไปลึกถึง -5 S.D. จากเหตุการเมืองในอดีต) และหากมีความชัดเจนทางการเมือง จะทำให้ระดับดัชนีฯ สามารถปรับขึ้นไปได้ตามระดับศักยภาพที่แท้จริง

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ:

+US Retail Sales เดือน พ.ค. คาด +0.3% MoM, +2.8% YoY (Vs เดือน เม.ย. 0% MoM, +3% YoY) Industrial Production เดือน พ.ค. คาด +0.2% MoM, -0.1% YoY (Vs เดือน เม.ย. 0% MoM, -0.4% YoY)

-EU Inflation Rate/Core Inflation Rate Final เดือน พ.ค. คาด 2.6% YoY/2.9% YoY (Vs เดือน เม.ย. 2.4% YoY/2.7% YoY)

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ หุ้นที่มีประเด็นข่าวเชิงบวก ได้แก่ PTTEP COM7 SVI

Strategic daily picks

PTTEP   ปิด 148.50 บาท/แนวรับ 146.00 บาท แนวต้าน 155.00 บาท

การเข้าซื้อสัดส่วนเงินลงทุน 10% ในแหล่ง Ghasha (UAE) คาดจะเพิ่ม footprint ของ PTTEP ในแหล่งปิโตรเลียมในตะวันออกกลาง (ปัจจุบันมีพอร์ตปิโตรเลียมใน UAE และโอมาน ที่ดำเนินการผลิตแล้วบางส่วน และอยู่ในขั้นตอนสำรวจบางส่วน) โดย KTX ยังไม่ได้รวมโครงการดังกล่าวเข้าไปในประมาณการ (รอข้อมูลเพิ่มเติม) ทั้งนี้ ประเมินมูลค่าเหมาะสม 12M FWD ที่ 174.00 บาท

COM7   ปิด 16.80 บาท/แนวรับ 16.30 บาท แนวต้าน 18.00 บาท

บริษัทคาดอัตรากำไรขั้นต้นใน 2Q24 มีโอกาสปรับขึ้นมาอยู่ที่ 13% (1Q24=12.7%) และยังสามารถคุมค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยได้ดี ขณะเดียวกันบริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปี 2024 โต 10% รวมทั้งบริษัทมีการขยายการลงทุนไปยังหลายธุรกิจทั้งธุรกิจสินเชื่อ ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และอื่น ๆ นอกจากนี้ ในช่วงที่เหลือของปี 2024 จะขยายสาขาเพิ่มอีก 70 สาขา (1Q24=40 สาขา) ทั้งนี้ Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2024 ที่ 3.01 พันล้านบาท (+5.43% YoY) และมูลค่าเหมาะสม 21.74 บาท

SVI   ปิด 7.85 บาท/แนวรับ 7.50 บาท แนวต้าน 8.25 บาท

KTX คาดกำไรปกติของ SVI จะเติบโตเฉลี่ย 17% ต่อปีในระหว่างปี 2023-26E โดยได้แรงหนุนจากการเติบโตของยอดขายอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ที่แยกตัวออกมาจากจีน พร้อมกันนี้บริษัทมีการลงทุน เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ ด้วยการขยายพื้นที่การผลิตในประเทศกัมพูชาและสโลวาเกีย ส่งผลให้พื้นที่ผลิตรวม เพิ่มขึ้น 26% เป็น 106,740 ตร.ม. ทั้งนี้ ประเมินมูลค่าเหมาะสม 12M FWD ที่ 8.00 บาท

 

 

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘อีลอน มัสก์’ หนุน ‘ทรัมป์’ พนักงานบริจาคให้‘แฮร์ริส’

ข้อมูลจากโอเพนซีเคร็ตส์ องค์กรไม่หวังผลกำไรไม่แบ่งฝักฝ่าย ผู้ติดตามข้อมูลการบริจาคเงินหาเสียงและการล...

สหภาพแรงงาน Teamsters ไม่หนุน'ทรัมป์-แฮร์ริส'

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สหภาพแรงงานทีมสเตอร์สมีสมาชิกกว่า 1.3 ล้านคน เป็นตัวแทนของกลุ่มคนขับรถบร...

ครึ่งแรกปี67จีนครองแชมป์ซื้อคอนโดเมียนมาซิวเบอร์สองแซงรัสเซีย2ปีซ้อน

วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เป...

อสังหาฯ แบกสต็อกอ่วม 1.57 ล้านล้าน เอ็นพีแอลพุ่ง ‘ทุกตลาดติดลบหนัก’

นายกสมาคมอาหารชุด หวังเร่งแก้นอมินีต่างชาติในตลาดบ้านมูลค่า 1 ล้านล้านบาท จัดเก็บภาษี หวังแบงก์ชาติล...