วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง ตัวเลขเศรษฐกิจจีน

ทำให้ดัชนีฯ อยู่ในทิศทางขาลง และมีแนวโน้มเคลื่อนตัวลดลงไปทดสอบแนวรับของกรอบขาลงใหญ่ Down Channel ที่ 1,296 จุด หรือระดับต่ำสุดเดิม 1,277 จุด เราคงมุมมองชะลอลงทุนจนกว่าจะเห็นสัญญาณกลับตัวทางเทคนิค (Reversal Pattern)

ประเด็น Event สำคัญ วันนี้

US สุนทรพจน์ Fed Philadelphia Harker (Non-Voter) จับตาสัญญาณดอกเบี้ยครั้งต่อไป

 

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ:

China ตัวเลขเศรษฐกิจสาคัญเดือน พ.ค. Retail Sales คาด +3%YoY (Vs เดือน เม.ย. 2.3% YoY) Industrial Production คาด +6%YoY (Vs เดือน เม.ย. 6.7% YoY) House Price Index คาด -3.5% YoY (Vs เดือน เม.ย. -3.1% YoY) Fixed Asset Investment (YTD) คาด +4.2%YoY (เท่ากับเดือน เม.ย.) Unemployment Rate คาด 5% (เท่ากับเดือน เม.ย.) ทั้งนี้ PBOC 1 Yr MLF อาจมีการพิจารณาปรับลดจากปัจจุบัน 2.5% หากตัวเลขเศรษฐกิจจีนออกมาแย่กว่าคาดการณ์ เพื่อช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวให้เติบโตได้ตามเป้าหมายของทางการ

Weekly Strategy:

มุมมองต่อ SET Index: ความกังวลจากเสถียรภาพทางการเมืองไทย และ การปรับคาดการณ์ DOTPLOT ของเฟด ยังเป็นปัจจัยกดดันกระแสเงินทุนต่างชาติไหลออกต่อเนื่อง ทั้งตลาดหุ้นไทย (-4.0 พันล้านบาท WoW) และ ตลาดพันธบัตรรัฐบาล (-10.3 พันล้านบาท WoW)) กดดันให้ดัชนี SET ปรับลดลง WoW สวนทางกับประมาณการ 2024E EPS ที่ยังคงถูกปรับเพิ่มประมาณการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง +1.25% (นับจากจุดต่ำสุด ณ เดือน มี.ค. 2024) มาที่ 97.0 บาท/หุ้น สอดคล้องกับดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจไทย ที่มีสัญญาณเร่งตัวกลับ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนตลาดหุ้นไทย หรือ Earnings yield) ปรับตัวขึ้น 9 Bps. WoW มาอยู่ที่ 7.40% (สูงกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 12 เดือนที่ 6.81%) ผลักดัน MRP ปรับตัวสูงขึ้น 12 Bps.WoW มาที่ 4.63% ซึ่งสูงกว่า 2 S.D. ของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 90 วัน ทั้งนี้ เมื่อพิจารณา MRP ของไทยเปรียบเทียบกับประเทศสำคัญของโลก 

 

พบว่า ไทยเป็นเพียงประเทศเดียวที่ MRP อยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ย และ ยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ จึงบ่งชี้ให้เราเห็นว่ามูลค่าของหุ้นไทย ณ ปัจจุบัน อยู่ในระดับต่ำเกินไป (Oversold) ดังนั้น หากความเสี่ยงทางการเมืองเริ่มคลี่คลาย จะทำให้ดัชนีมีโอกาสรีบาวนด์กลับสู่ระดับปกติได้ (Normalize)

เราแบ่งมุมมองของผลกระทบการเมืองต่อ SET Index เป็น 3 กรณี จากผลตัดสินคดีการเมืองสำคัญของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 18 มิ.ย. (ดูรายงาน Weekly Report) ได้แก่ 1. คดีกกต. ขอให้ยุบพรรคก้าวไกล ฐานการกระทำล้มล้างการปกครอง 2. คดี 40 สว. ยื่นถอดถอน “นายเศรษฐา ทวีสิน” นายกฯ และ 3. คดีพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ อีกทั้งอัยการสูงสุดจะมีการนัดให้ "นายทักษิณ ชินวัตร" มาฟังคำสั่งฟ้องต่อศาลอาญา ในคดีที่ตกเป็นผู้ต้องหากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากการให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้เมื่อปี 2015 ทั้งนี้ เรามองว่าคดีการถอดถอน “นายเศรษฐา ทวีสิน” นายกฯ จะเป็นตัวแปรสำคัญที่สุดที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองและอาจนำไปสู่ 3 สถานการณ์ ดังนี้

1. BASE CASE: “คาดดัชนี SET ทรงตัวบริเวณ 1,320 จุด” ศาลฯ ตัดสินให้นายเศรษฐา พ้นตำแหน่งนายกฯ จนนำไปสู่สถานการณ์ที่ต้องเลือกนายกฯและจัดตั้งรัฐบาลใหม่ แต่รัฐบาลยังสามารถรักษาฐานเสียงในการโหวตในสภาฯเอาไว้ได้ (นายกฯ ยังมาจากพรรคเพื่อไทย หรือ พรรคร่วมรัฐบาล) ทำให้ความเสี่ยงเรื่องความล่าช้าของเงินงบประมาณและการปรับเปลี่ยนนโยบายภาครัฐมีน้อย

2. BEST CASE”คาดดัชนี SET มีแนวโน้มรีบาวด์ลักษณะ V-shape มาที่ 1,355 จุด”: BEST CASE: ศาลฯ ตัดสินให้นายเศรษฐา ไม่มีความผิด เราประเมินผลกระทบในเชิงบวก เนื่องจากจะไม่ส่งผลต่อความเสี่ยงเรื่องความล่าช้าของเงินงบประมาณและการปรับเปลี่ยนนโยบายภาครัฐ ทำให้ตลาดผ่อนคลายความกังวล

 

3. WORST CASE“คาดดัชนีมีแนวโน้มลดลงมาที่ 1,203 จุด”: ศาลฯ ตัดสินให้นายเศรษฐา พ้นตำแหน่งนายกฯ จนนำไปสู่สถานการณ์ที่ต้องเลือกนายกฯและจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และรัฐบาลไม่สามารถรักษาฐานเสียงในการโหวตในสภาฯเอาไว้ได้ จนนำไปสู่การประกาศยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่ ส่งผลให้งบประมาณปี 2025 ล่าช้า และยกเลิกนโยบายเศรษฐกิจภาครัฐของรัฐบาลเดิม นำไปสู่การปรับลดประมาณการเศรษฐกิจของไทยลง

กลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้

เรามองว่า ระดับดัชนีฯปัจจุบัน อยู่ในจุดที่คุ้มค่าต่อการซื้อเก็งกำไรในขารีบาวนด์กลับ อิงจากระดับดัชนีฯปัจจุบันที่ต่ำกว่าระดับดัชนีที่เราประเมินเพื่อรองรับความเสี่ยงทางการเมืองในระดับฐาน (BASE CASE) ที่ 1,320 จุด สะท้อนว่าตลาดตอบรับความเสี่ยงทางการเมืองเชิงลบไปบ้างแล้ว (หากความเสี่ยงทางการเมืองไม่ได้ลุกลามหรือแย่ลงถึงขั้นเปลี่ยนขั้วรัฐบาล หรือ ยุบสภา) เรายังคงแนะนำหุ้นที่ได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ และการส่งออกสินค้าประเภทอิเล็กทริกส์ ที่คาดว่าจะเป็น Key driver ของเศรษฐกิจไทยในช่วง 2H23 แนะนำ BEM KTB HANA

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ หุ้นที่มีประเด็นข่าวเชิงบวก ได้แก่ BEM KTB HANA

Strategic daily picks

BEM    ปิด 8.00 บาท/แนวรับ 7.50 บาท แนวต้าน 8.50 บาท

ศาลปกครองสูงสุดยกฟ้องคดีที่ BTSC ยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งรฟม. เตรียมเสนอผลการคัดเลือกเข้าครม. พิจารณาต่อไป และคาดจะลงนามในสัญญาร่วมลงทุนได้ภายในเดือน ต.ค. 2024 พร้อมกันนี้ ครม. อนุมัติการปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเป็น 17-45 บาท คาดจะเป็นปัจจัยหนุนศักยภาพอัตรากำไรขั้นต้นให้เร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิปี 2024 ที่ 3.86 พันล้านบาท (+11.07% YoY) และมูลค่าเหมาะสมที่ 10.53 บาท

KTB     ปิด 17.70 บาท/แนวรับ 17.30 บาท แนวต้าน 18.50 บาท

ธนาคารคงเป้าการเติบโตสินเชื่อทั้งปี 2024 ที่ 3% ด้วยศักยภาพการเติบโตของสินเชื่อภาครัฐในการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี โดยโครงการภาครัฐซึ่งมีข้อดีจากมีความเสี่ยงต่ำ แต่จะกดดัน NIM ในช่วงเวลาที่เหลือให้ลดลงจากระดับสูงสุดใน 1Q24 ที่ระดับ 3.31% (กรอบเป้าหมาย 3-3.3%) และแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยในช่วง 2H24 ทั้งนี้ Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิใน 2Q24 ที่ 1.08 หมื่นล้านบาท (+5.91% YoY) และมูลค่าเหมาะสมที่ 19.87 บาท

HANA   ปิด 45.50 บาท/แนวรับ 43.50 บาท แนวต้าน 48.25 บาท

KTX คาดว่ากำไรปกติใน 2Q24E จะดีขึ้น QoQ จาก 1) การขยายอัตรากำไรขั้นต้นจากการปรับปรุงการดำเนินงานของ HANA อย่างต่อเนื่อง 2) ปัจจัยทางฤดูกาล (ไตรมาส 2-3 มีแนวโน้มเป็นช่วงพีคของ HANA) และ 3) การฟื้นตัวของความต้องการสมาร์ทโฟน/พีซี ซึ่งปัจจุบันได้อานิสงส์จากแนวโน้มความนิยม AI ขณะที่กำไรปกติของ HANA มีแนวโน้มเติบโตจากฐานต่ำในปัจจุบันที่เฉลี่ย 21% ต่อปี ระหว่างปี 2023-26E

 

 

 

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘อีลอน มัสก์’ หนุน ‘ทรัมป์’ พนักงานบริจาคให้‘แฮร์ริส’

ข้อมูลจากโอเพนซีเคร็ตส์ องค์กรไม่หวังผลกำไรไม่แบ่งฝักฝ่าย ผู้ติดตามข้อมูลการบริจาคเงินหาเสียงและการล...

สหภาพแรงงาน Teamsters ไม่หนุน'ทรัมป์-แฮร์ริส'

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สหภาพแรงงานทีมสเตอร์สมีสมาชิกกว่า 1.3 ล้านคน เป็นตัวแทนของกลุ่มคนขับรถบร...

ครึ่งแรกปี67จีนครองแชมป์ซื้อคอนโดเมียนมาซิวเบอร์สองแซงรัสเซีย2ปีซ้อน

วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เป...

อสังหาฯ แบกสต็อกอ่วม 1.57 ล้านล้าน เอ็นพีแอลพุ่ง ‘ทุกตลาดติดลบหนัก’

นายกสมาคมอาหารชุด หวังเร่งแก้นอมินีต่างชาติในตลาดบ้านมูลค่า 1 ล้านล้านบาท จัดเก็บภาษี หวังแบงก์ชาติล...