วิเคราะห์หุ้น : บล.กรุงศรี COMMERCE - SSSG พ.ค. ส่วนใหญ่ยังไม่ฟื้น เพราะฝนมาเร็วและตกหนัก

อย่างไรก็ดี เบื้องต้น เรามองประเด็นสภาพอากาศเป็นปัจจัยลบเพียงชั่วคราว คาด SSSG ช่วงที่เหลือจะค่อยๆฟื้นจากการใช้จ่ายงบประมาณและการทยอยออกมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ ดังนั้น เรายังคงคาดกำไรปกติปี 24F กลุ่มค้าปลีกโตเร่งขึ้น +20% ส่วนด้าน valuation พบว่าราคาหุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับลงมาซื้อขายขายเหลือ 25.8 เท่า ลงมาซื้อขายใกล้ช่วงปีโควิด (ปี 20) หรือคิดเป็นค่าเฉลี่ย -1.25SD จึงมองเป็นจังหวะเลือกลงทุน เลือก CPALL (TP80.0) และ CPAXT (TP39) เป็น top picks กลุ่ม โดยชอบที่ i) คุณภาพการเติบโตของกำไรที่มาจากทั้ง SSSG บวกสูงกว่ากลุ่ม กับการปรับปรุงความสามารถในการทำกำไร, ii) ได้ประโยชน์สูงจากกำลังซื้อกลุ่มรากหญ้าที่จะฟื้นใน 2H24F และ iii) ระยะยาวจะได้ประโยชน์จากการปรับโครงสร้างกิจการ

ประเด็นสำคัญ

- ภาพรวมการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เดือนพ.ค.24 ของกลุ่มค้าปลีก เบื้องต้น ยังดูอ่อนแอ โดยส่วนใหญ่ต่ำกว่ำ 1Q24 ยกเว้น DOHOME , GLOBAL ที่ติดลบน้อยลง ทั้งนี้ ปัจจัยกดดันหลักมาจากช่วงครึ่งหลังของเดือนพ.ค.ที่หลายตกหนักและมาไวกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน กระทบการเดินทางใช้จ่ายลดลงและเป็นข้อจำกัดภาคการก่อสร้าง สำหรับผู้ประกอบการมี SSSG อ่อนแอสุด คือ DOHOME และ HMPRO หดตัวราว -5% ส่วนผู้ประกอบการที่ยังมี SSSG แข็งแกร่งสุด คือ CPAXT (+2-4%) และ CPALL (+1-3%)

-SSSG 2QTD ของกลุ่มค้าปลีก (-1-2%) อ่อนแอกว่า 1Q24 (flat) สาเหตุหลักมาจากกำลังซื้อฟื้นช้า , มาตรการกระตุ้นภาครัฐน้อยลง (1Q24 มี easy e-receipt) และสภาพอากาศ ทั้งนี้ เราจำแนกทิศทาง SSSG ของกลุ่มค้าปลีกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ดังนี้

i) กลุ่มที่ยังมี SSSG เป็นบวก คือ CPAXT (+2-4% ใกล้กับ 1Q24 +3.4%) และ CPALL (+2-4% vs 1Q24 +4.9%)

ii) กลุ่มที่มี SSSG ติดลบแต่ดูดีขึ้นกว่า 1Q24 คือ DOHOME (-5-6% vs 1Q24 -9.8%) และ GLOBAL (-1% vs 1Q24 -5.4%)

 

 

 

iii) กลุ่มที่ SSSG ติดลบและอ่อนแอลงจาก 1Q24 ได้แก่ HMPRO (-5% จาก 1Q24 -2.1%) , BJC (-1-2% จาก 1Q24 +0.1%) และ CRC (-1-2% จำก 1Q24 +1%)

ความเห็นและคำแนะนำ

- เรามอง ‘Slightly negative’ ต่อทิศทาง SSSG ช่วงปลายพ.ค.24 ที่แผ่วลง เพราะกำลังซื้อฟื้นช้าและสภาพอากาศยังไม่เอื้ออำนวย ทำให้ SSSG 2QTD ของหลายผู้ประกอบการดูแย่ลงจาก 1Q24 โดยเฉพาะ HMPRO, BJC และ CRC ที่ติดลบ ในขณะที่ CPAXT และ CPALL ยังดูแข็งแกร่งสุดโดย SSSG ยังบวกต่อได้ใกล้เคียง 1Q24

- อย่างไรก็ดี เบื้องต้น เรายังให้น้ำหนัก SSSG 2QTD ที่อ่อนแอลงเป็นปัจจัยลบชั่วคราว โดยยังคาดหวังการค่อยฟื้นตัวในระยะถัดไปตามการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่จะเร่งขึ้น และการทยอยออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐ จึงยังคงคาด SSSG ปี 24F กลุ่มค้าปลีกราว +3% ฟื้นจากปี 23 ทรงตัว ผสานกับจุดเด่นกลยุทธ์ปรับปรุงความสามารถในการทำกำไรที่เกือบทุกผู้ประกอบการทำได้ดีกว่าปี 23 ดังนั้น เรายังคงคาดกำไรปกติปี 24F กลุ่มค้าปลีกโตเร่งขึ้น +20% โดยที่น้ำหนักการเติบโตของกำไรใน 1H24F จะมาจาก i) การท่องเที่ยว คาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเร่งขึ้น โดยเฉพาะจีน และ ii) การเพิ่มความสามารถในการทำกำไร

- แนวโน้มกำไรปกติกลุ่มค้าปลีกใน 2Q24F คาดโตดี y-y แต่จะลง q-q ตามฤดูกาล โดย y-y หนุนจาก i) ความคาดหวังการเบิกจ่ายงบประมาณรัฐที่จะค่อยๆเร่งขึ้น บวกโดยตรงกับกลุ่มขายวัสดุก่อสร้าง และ ii) ทิศทางมาร์จิ้นจากกลยุทธ์การปรับแผนขายสินค้ากลุ่ม High margin มากขึ้นของหลายบริษัท ทั้งันี้ เราคาด GPM ขึ้น y-y เด่นสุดคือ CPALL , DOHOME ดังนั้น เราคาดกำไรปกติของ DOHOME และ CPALL จะโต y-y เด่นสุดในกลุ่ม

 

 

 

- เชิง valuation พบว่า ราคาหุ้นกลุ่มค้าปลีกช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาปรับลง -5.5% อ่อนแอกว่า SET -1.6% สาเหตุเราคาดมาจากความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพการเมืองที่อาจมีผลต่อการออกมาตรการกระตุ้นภาครัฐ อาจมีผลต่อ SSSG ทั้งปีมี downside เล็กน้อยจากปัจจุบันที่เราคาด+3% (บนสมมติฐาน GDP +2-3%) เบื้องต้นคาดผลต่อกำไรปี 24F ไม่เกิน -3% ทั้งนี้ เราจึงมองว่า การที่ราคาหุ้นกลุ่มค้าปลีกซื้อขายเหลือ 25.8 เท่า ลงมาซื้อขายใกล้ช่วงปีโควิด (ปี 20) หรือคิดเป็นค่าเฉลี่ย -1.25SD จึงมองเป็นจังหวะเลือกลงทุน

- คงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มค้าปลีก ‘BULLISH’ แม้ระยะสั้นกำลังซื้อยังไม่ดีเพราะเผชิญสัดส่วนหนี้ครัวเรือนสูงและความกังวลเกี่ยวกับแผนการออกมาตรการกระตุ้นภาครัฐ อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าราคาหุ้นปรับลงสะท้อนบ้างแล้วและเรายังไม่รวมผลบวก Digital wallet ในประมาณการอยู่แล้ว จึงมองเป็นจังหวะสะสม เลือก CPALL (TP80.0) และ CPAXT (TP39) เป็น top picks กลุ่ม โดยชอบที่ i) คุณภาพการเติบโตของกำไรปกติที่มาจากทั้ง SSSG ที่เป็นบวกสูงกว่ากลุ่มและ GDP กับการปรับปรุงความสามารถในการทำกำไร, ii) มองเป็นผู้ประกอบการที่จะได้ประโยชน์สูงจากกำลังซื้อกลุ่มรากหญ้าที่จะฟื้นใน 2H24F และ iii) ระยะยาวจะได้ประโยชน์จากการปรับโครงสร้างกิจการ CPAXT (CPALL ถือ 60%) เป้า 5 พันลบ.ภายใน 3 ปี

 

 

 

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘ไทย’ ร่วงลงสองอันดับ! ใน IMD World Talent Ranking ปี 2024 ส่วนสิงคโปร์นำโด่ง

จากการจัดอันดับ “ประเทศที่มีความเป็นเลิศในด้านบุคลากรผู้มีความสามารถประจำปี 2024” (The 2024 IMD Worl...

Apple วางขาย iPhone 16 พร้อมนวัตกรรมความยั่งยืน ใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิล 85%

Apple ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอีกครั้ง ด้วยการวางขาย iPhone 16 ที่เน้นความยั่งยืน โด...

ผล 1 ปีกับความคืบหน้า ESG Symposium ส่งไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ สู้โลกเดือด

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เห็นผลเป็นรูปธรรม ตาม 4 ข้อเสนอจากงาน ESG Symposium 2023 ทั้งสร้าง "สระบุรี...

‘ลาซาด้า’ เดินเกมทำกำไร ชู '3 กลยุทธ์' สร้างยุคใหม่อีคอมเมิร์ซ

วาริสฐา เกียรติภิญโญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย กล่าวว่า ลาซาด้ายังเดินหน้าลงทุนใน...