บริษัทร่วมทุนเซ็นทรัลพัฒนา ติดสปีดโครงสร้างดิจิทัล ดึงพาร์ทเนอร์เสริมทัพ

เซ็นทรัลพัฒนา ได้มีการขยายโครงการดิจิทัลในย่านบางนา สู่ฮับดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Centre) แห่งใหม่ จากทำเลที่เป็น Strategic Location ทั้งสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม มีเส้นทางคมนาคมเชื่อมต่ออย่างหลากหลาย มีความปลอดภัยสูง รวมถึงอยู่ใกล้แหล่งพลังงานไฟฟ้า จึงพร้อมให้บริการลูกค้าทั้ง Hyperscalers และ Build-to-Suit ทั้งหมดร่วมทำให้ย่านบางนา กลายเป็น Hotspot สำคัญสำหรับธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ ทั้งนี้เป็นการขยายธุรกิจผ่าน บริษัท อีโวลูชั่น ดีซี (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท Evolution Data Centres  ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ในอาเซียน

นายภูมิ จิราธิวัฒน์ Head of Alternative Investments บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คืบหน้าของโครงการ Data Centre บนทำเลย่านบางนา คาดว่าจะก่อสร้างเฟสแรกแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ปี 2568 ทั้งหมดจะร่วมผลักดันการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศไทย และกระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยให้ขยายตัว

พร้อมกันนี้ บริษัท อีโวลูชั่น ดีซี (ไทยแลนด์) ได้มีการขยายความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ใหม่ กับ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เกตเวย์ (International Gateway : IGC) ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมชั้นนำของไทย เร่งผลักดันโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศไทย 

ทั้งนี้ได้มีการผนึกความเชี่ยวชาญ IGC ใน 3 ส่วน ได้แก่ โครงข่ายโทรคมนาคม บริการอินเทอร์เน็ต และ ระบบสื่อสัญญาณข้อมูลความเร็วสูงผ่านเครือข่ายใยแก้วนำแสง เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายสื่อสารข้อมูลขั้นสูงปลอดภัย-มั่นใจ-มีประสิทธิภาพ 

"การเดินหน้าโครงสร้างพื้นฐานด้านเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อร่วมผลักดันประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็น อาเซียน ดิจิทัล ฮับ ในระยะยาว"

“ดาร์เรน เว็บบ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Evolution Data Centers (EDC) กล่าวว่า เครือข่ายของ IGC อย่างการเชื่อมต่อ High-speed fibre ซึ่งมีความสำคัญกับโครงการ ดาต้า เซ็นเตอร์ ที่ช่วยในการเชื่อมต่อกับลูกค้าระดับ Hyperscale และลูกค้าองค์กรเข้ากับ Digital Ecosystem ของประเทศไทยและเครือข่ายระดับโลก จึงเป็นผลดีต่อทั้งลูกค้าในไทยและภูมิภาคอาเซียนในระยะต่อไป

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ บริษัท อีโวลูชั่น ดีซี (ไทยแลนด์)  ได้มีการร่วมมือกับ พาร์ทเนอร์ที่สำคัญทั้ง  ในเดือน ม.ค. 2567 ได้ร่วมมือกับบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (หรือ NT) นำความพร้อมในการบริการด้านโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมที่ครอบคลุมทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ด้วยระบบเคเบิลภาคพื้นดินที่เชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านกว่า 10 จุด และระบบเคเบิลใต้น้ำ (Subsea Cables) ที่มากที่สุดถึง 9 ระบบ เชื่อมต่อไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ล่าสุดในเดือน พ.ค.นี้ สู่ความร่วมกับ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เกตเวย์ (International Gateway)

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ