กรมทรัพย์สินทางปัญญา ใช้เทคโนโลยีพลิกโฉมระบบทรัพย์สินทางปัญญา

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญามุ่งมั่นดำเนินภารกิจให้ตอบโจทย์ความต้องการของภาคธุรกิจและประชาชน ผ่านบริการสำคัญ อาทิ นโยบาย Smart DIP ใช้เทคโนโลยีพลิกโฉมงานบริการ เช่น ระบบ Image Search ช่วยตรวจสอบความเหมือนคล้ายเครื่องหมายการค้ารวดเร็วยิ่งขึ้น บริการจดทะเบียนเร่งด่วน (Fast Track)เช่น จดเครื่องหมายการค้าภายใน 4 เดือน จากเดิม 12 เดือน ต่ออายุเครื่องหมายการค้าภายใน 30 นาที จากเดิม 60 วัน จดสิทธิบัตรภายใน 12 เดือน จากเดิม 55 เดือน เป็นต้น 

ด้านการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญาในเชิงพาณิชย์ กรมฯ ได้ส่งเสริมการสร้างธุรกิจต้นแบบที่ใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับธุรกิจ โดยเฉพาะการสร้างแบรนด์กีฬาของคนไทยสู่สากล เช่น เจ็ตสกีชิงแชมป์โลก WGP#1 ของไทย จัดแข่งขันในทวีปยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชีย ถ่ายทอดการแข่งขันไปยัง 121 ประเทศทั่วโลก มีผู้รับชมกว่า 500 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 5,000 ล้านบาท และจะมีการต่อยอดแนวทางดังกล่าวในอุตสาหกรรมกีฬาประเภทอื่นที่ไทยมีศักยภาพ เช่น มวยไทย ต่อไป

ด้านการยกระดับสินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่น ปัจจุบันกรมฯ ได้ขึ้นทะเบียนสินค้า GI ไทย 203 สินค้า สร้างมูลค่าการตลาด 70,000 ล้านบาท รวมทั้งเร่งรัดการจด GI ไทยในต่างประเทศให้เร็วขึ้น ผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศในการแลกเปลี่ยนการจดทะเบียน GI ระหว่างกัน นอกจากนี้ ยังมีการยกระดับวัตถุดิบ GI สู่เมนู Fine Dining โดยเชฟมิชลิน ซึ่งช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าท้องถิ่น สร้างความแปลกใหม่ และสร้างแรงบันดาลใจในการนำสินค้า GI มารังสรรค์เมนูใหม่ๆ อีกด้วย

 

นายวุฒิไกร กล่าวว่า อีกหนึ่งความท้าทายสำคัญคือ การเชื่อมโยงผลงานทรัพย์สินทางปัญญาของคนไทยไปสู่โอกาสทางการค้าและแหล่งทุน โดยกรมฯ อยู่ระหว่างพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติบนพื้นฐานเทคโนโลยี Blockchain เพื่อแปลงทรัพย์สินทางปัญญาให้เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งสะดวกต่อการซื้อขายแลกเปลี่ยน และสร้างความมั่นใจว่าผู้รับโอนสิทธิจะได้รับผลงานที่เป็นของแท้ สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ อีกทั้ง

ยังเป็นพื้นที่ซื้อขายผลงาน (Market Place) จากผู้สร้างสรรค์ได้โดยตรง และสามารถพัฒนาไปสู่การระดมทุนในลักษณะ Crowd Funding ได้อีกด้วย โดยจะนำร่องในการซื้อขายงานลิขสิทธิ์เพลงก่อนเป็นลำดับแรก

นอกจากการดำเนินภารกิจดังกล่าวแล้ว กรมฯ ยังให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน ผ่านการประกาศเจตนารมณ์ กรม “ไม่เอาถ่าน” และวางมาตรการต่างๆ เพื่อเป้าหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง  20% ภายในปี 2573 เพิ่ม Carbon Stock ให้สภาพแวดล้อม ซึ่งเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ ชดเชย 30,000 ต้นอีกด้วย


 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

จับตา 48 ชั่วโมงอันตราย หลังระเบิดเลบานอน l World in Brief

รมต.เลบานอนเตือนระวังสถานการณ์บานปลายรุนแรง จากเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบา...

‘อาเซียน’ หันใช้คิวอาร์โค้ดพุ่ง ดันภูมิภาคสู่ ‘สังคมไร้เงินสด’

นิกเคอิเอเชียรายงานว่า การชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดเริ่มเป็นที่แพร่หลายในตลาดเกิดใหม่เมื่อหลายปีก่อน เ...

เปิดประสบการณ์เยือน ‘กัมพูชา’ ครั้งแรกของนักการทูตแรกเข้า

“กัมพูชา” ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งคนไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างง่ายดายทั้ง...

“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเลย” ข้อความแรกของซีอีโอใหม่ Nike ถึงพนักงาน

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (20 ก.ย.) ว่า เอลเลียต ฮิลล์ ผู้บริหารคนใหม่ของ Nike Inc., กล่าวต่อ...