'KFC' ต้านกระแส 'มุสลิมคว่ำบาตร' ไม่ไหว ปิดกว่า 20 สาขาในมาเลเซีย

เคเอฟซี (KFC) แฟรนไชส์ฟาสต์ฟู้ดสัญชาติอเมริกัน ปิดทำการหลายสาขาในมาเลเซียชั่วคราว โดยระบุว่า “ธุรกิจกำลังเผชิญกับอุปสรรคทางเศรษฐกิจที่ท้าทาย” ในขณะที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ยังคงคว่ำบาตรธุรกิจหลายแห่งที่มีความเชื่อมโยงกับอิสราเอลมานานหลายเดือน

บริษัท คิวเอสอาร์ แบรนด์ส (QSR Brands) ที่บริหารแฟรนไชส์เคเอฟซีในมาเลเซียมาตั้งแต่ปี 2516 เผยว่า บริษัทได้ใช้มาตรการเชิงรุกปิดทำการหลายสาขา เพื่อจัดการกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และหันไปให้ความสำคัญกับพื้นที่ ที่มีส่วนร่วมสูง หรือพื้นที่ ที่มีคนเข้าร้านมากกว่า

บริษัทระบุในแถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (29 เม.ย.67) ว่า “พนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการปิดสาขา ได้รับโอกาสทำงานในสาขาอื่นๆ ที่มีคนพลุกพล่านมากกว่า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามเพิ่มประสิทธิภาพของบริษัท”

อย่างไรก็ตาม คิวเอสอาร์ แบรนด์ส ไม่ได้เปิดเผยว่าปิดสาขาเคเอฟซีไปกี่แห่ง

สำนักข่าวเซาท์ ไชนา มอร์นิง ตรวจสอบสาขาเคเอฟซีที่เปิดให้บริการในมาเลเซียผ่านกูเกิล (Google) พบว่า มีสาขาที่ปิดทำการชั่วคราวมากกว่า 20 แห่ง ส่วนใหญ่อยู่ในรัฐที่มีชาวมุสลิมจำนวนมาก เช่น รัฐกลันตัน, รัฐเกดะห์, และรัฐเตรังกานู ทางตอนเหนือของคาบสมุทรมลายู

ทั้งนี้ จากข้อมูลของบริษัท ระบุว่า เคเอฟซีมีพนักงานราว 18,000 คน ในมาเลเซีย ซึ่งพนักงาน 85% เป็นมุสลิม

เคเอฟซี ประสบปัญหาเดียวกับฟาสต์ฟู้ดคู่แข่งอย่าง “แมคโดนัลด์” และแฟรนไชส์กาแฟ “สตาร์บัคส์” รวมถึงเชนร้านอาหารสัญชาติอเมริกันอื่นๆ ที่ตกเป็นเป้าของการคว่ำบาตรในมาเลเซีย เนื่องจากสงครามอิสราเอลในกาซา และส่งผลกระทบต่อธุรกิจมาเลเซียอย่างมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

ในเดือนมี.ค. บริษัทเจ้าของแฟรนไชส์สตาร์บัคส์ในมาเลเซีย ได้ขอร้องให้ชาวมาเลย์เลิกแบนธุรกิจ และย้ำว่า การบริหารกิจการส่วนใหญ่ดำเนินโดยชาวมุสลิม ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่า 80% ของพนักงานทั้งหมด

ขณะที่แมคโดนัลด์ ได้ยื่นฟ้องขบวนการคว่ำบาตรที่สนับสนุนปาเลสไตน์ เมื่อเดือนม.ค. ที่ปลุกปั่นสาธารณชนให้เกิดความเกลียดชังต่อแบรนด์ และสร้างความเสียหายให้ธุรกิจ เดิมทีแมคโดนัลด์ได้เรียกร้องค่าเสียหายไป 1,300 ล้านดอลลาร์ แต่คดีดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการแล้ว

รัฐบาลมาเลเซียเองก็เข้ามามีส่วนร่วมต่อต้านธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอลด้วย โดยออกมาเตือนเมื่อเดือน มี.ค. ในช่วงเดือนรอมฎอนว่า รัฐบาลจะดำเนินมาตรการเข้มงวดกับใครก็ตามที่ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด ด้วยการจำหน่ายอินทผลัมจากอิสราเอล

ทั้งนี้ จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในกาซา เผยว่า ความขัดแย้งในกาซาที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตแล้วเกือบ 35,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และประชาชนต้องพลัดถิ่น 2.3 ล้านคน

อ้างอิง: South China Morning Post                                                                                                      พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์                                                                                                                                                                                                      

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘อีลอน มัสก์’ หนุน ‘ทรัมป์’ พนักงานบริจาคให้‘แฮร์ริส’

ข้อมูลจากโอเพนซีเคร็ตส์ องค์กรไม่หวังผลกำไรไม่แบ่งฝักฝ่าย ผู้ติดตามข้อมูลการบริจาคเงินหาเสียงและการล...

สหภาพแรงงาน Teamsters ไม่หนุน'ทรัมป์-แฮร์ริส'

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สหภาพแรงงานทีมสเตอร์สมีสมาชิกกว่า 1.3 ล้านคน เป็นตัวแทนของกลุ่มคนขับรถบร...

ครึ่งแรกปี67จีนครองแชมป์ซื้อคอนโดเมียนมาซิวเบอร์สองแซงรัสเซีย2ปีซ้อน

วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เป...

อสังหาฯ แบกสต็อกอ่วม 1.57 ล้านล้าน เอ็นพีแอลพุ่ง ‘ทุกตลาดติดลบหนัก’

นายกสมาคมอาหารชุด หวังเร่งแก้นอมินีต่างชาติในตลาดบ้านมูลค่า 1 ล้านล้านบาท จัดเก็บภาษี หวังแบงก์ชาติล...