ททท. เร่งปั๊มยอด ‘จีนเที่ยวไทย’ ลุยจัด ‘หนีห่าว เฟสติวัล’ ต.ค.นี้

ความท้าทายของภาคท่องเที่ยวไทยในช่วงไตรมาส 2-4 หลังเทศกาลสงกรานต์ คือการผลักดันกราฟตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติในภาพรวมไม่ให้ตกท้องช้างมากเหมือนเคย ด้วยการเร่งเติมยอดตลาดเอเชีย ภายใต้ปัจจัยเสี่ยงสงครามรอบใหม่ปะทุ จากสถานการณ์คู่ความขัดแย้งล่าสุด ระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ประเมินแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปี 2567 ว่าน่าจะไปถึง 38-40 ล้านคนตามเป้าหมายเชิงนโยบายของรัฐบาล ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายการทำงานของ ททท.ที่เคยตั้งไว้ไม่น้อยกว่า 35 ล้านคน ส่วนเป้ารายได้ตลาดต่างประเทศยังคงไว้ที่ 2.3 ล้านล้านบาท จากปัจจัยความท้าทายของเศรษฐกิจโลก

และเมื่อรวมกับเป้ารายได้ตลาดในประเทศอีก 1.2 ล้านล้านบาท จากเป้านักท่องเที่ยวไทย 200 ล้านคน-ครั้ง ที่แม้จะได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจ คนไทยมีหนี้ท่วม ส่งผลต่อกำลังซื้อ แต่คนไทยยังคงท่องเที่ยว เน้นออกเดินทางบ่อยครั้ง ปรับพฤติกรรมหันมาใช้จ่ายประหยัดขึ้น จึงมองว่ายังสามารถเดินหน้าเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายสร้างรายได้รวมการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาทในปีนี้ตามเป้าหมายรัฐบาล

“สงกรานต์” ฟีดแบ็กเยี่ยม พร้อมจัดเต็มปี 68

หลังจาก ททท.ประสบความสำเร็จในการจัดงาน Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567 ตั้งแต่วันที่ 11-15 เม.ย. ณ ท้องสนามหลวง รวมถึงบรรยากาศเทศกาลสงกรานต์ทั่วประเทศเต็มไปด้วยความคึกคัก คาดตลอด 21 วัน ตั้งแต่วันที่ 1-21 เม.ย. มีรายได้หมุนเวียนทั่วประเทศ 1.5 แสนล้านบาท จากนักท่องเที่ยวรวม 20 ล้านคน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวไทย 18 ล้านคน และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2 ล้านคน

“งานเย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567 ที่สนามหลวง ได้รับผลตอบรับดีมาก สามารถเข้าถึงนักท่องเที่ยวทุกช่วงวัย ภาพบรรยากาศงานในสื่อสังคมออนไลน์ถูกส่งต่อจำนวนมาก สะท้อนความงดงามของพระบรมมหาราชวังที่เป็นฉากหลัง ได้รับเสียงชื่นชมจากต่างชาติว่านี่คือการยกระดับงานเทศกาลสงกรานต์ไปอีกขั้น ทำให้ ททท. กล้าจัดใหญ่จัดเต็มขึ้นอีกในปี 2568 เบื้องต้นอยากขยายหน้ากว้างเวทีหลักเป็น 100 เมตร จากเดิม 40 เมตร และดึงศิลปินชื่อดังมาร่วมขึ้นเวที”

ลุยจัด “หนีห่าว เฟสติวัล” ปั๊มยอดจีนเที่ยวไทย

นางสาวฐาปนีย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย ตามที่ตั้งเป้าไว้ 8 ล้านคนในปีนี้ สร้างรายได้ 3.5 แสนล้านบาท จำเป็นต้องเร่งเครื่องทำการตลาดในช่วงไตรมาส 2-4 เพราะจากสถิตินักท่องเที่ยวจีนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 14 เม.ย. มีการเดินทางเข้ามาเป็นอันดับ 1 จำนวน 2.03 ล้านคน ยังเหลืออีกเกือบ 6 ล้านคน ที่ต้องเร่งปั๊มยอดในช่วง 8-9 เดือนที่เหลือ

โดย ททท.เตรียมจัดงาน หนีห่าว เฟสติวัล (Nihao Festival) ในช่วงโกลเด้นวีคหยุดยาววันชาติจีน 1 ต.ค. เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนจากทั่วโลกให้มาเยือนประเทศไทย ปักหมุดอีเวนต์หลักที่ย่านเยาวราช และรอสรุปเพิ่มเติมว่าจะมีที่ไหนบ้าง พร้อมขอความร่วมมือจากจังหวัดต่างๆ ที่มีนักท่องเที่ยวจีนจำนวนมาก นำเสนอกิจกรรม อีเวนต์ แพ็กเกจท่องเที่ยวพิเศษ และแจกของที่ระลึก เพื่อให้นักท่องเที่ยวจีนประทับใจ ขณะเดียวกันจะจัดโปรโมชันส่งเสริมการขายตั้งแต่วันที่ 1-31 ต.ค. ชูภาพความเป็น หนีห่าว มันธ์ (Nihao Month) หรือเดือนแห่งการจัดเทศกาลร่วมเฉลิมฉลอง กระตุ้นยอดนักท่องเที่ยวจีนในช่วงปลายปี

“ในช่วงไตรมาส 2-4 ทาง ททท.จะรุกโปรโมตอีเวนต์และเฟสติวัลเพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยอย่างต่อเนื่อง ไฮไลต์สำคัญ เช่น งานเทศกาลดนตรีซัมเมอร์ โซนิก แบงค็อก 2024 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี จัดระหว่างวันที่ 24-25 ส.ค. รวมไปถึงงานเทศกาลอาหาร (Food Festival) ในเดือน พ.ย. ตอบโจทย์การส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย”

นอกจากนี้ ททท.ยังได้ร่วมกับสายการบินสปริง แอร์ไลน์ส ซึ่งให้บริการเส้นทางบินจากเซี่ยงไฮ้ กว่างโจว ซีอาน เฉิงตู ซัวเถา หนานหนิง และหนิงโป มีจำนวนเที่ยวบินมากถึง 100 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ได้จัดไลฟ์สตรีมมิงผ่านช่องทาง TikTok ของสายการบินฯ ขายบัตรโดยสารราคาพิเศษเมื่อวันที่ 17 เม.ย. ณ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มสเฟียร์ คาดมียอดผู้เข้าชมมากถึง 1 แสนคน และจะมียอดขายจำนวน 3-5 ล้านหยวน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยมากขึ้น 

ด้านนักท่องเที่ยวอินเดีย ททท.ได้ขยับเป้าหมายปีนี้เพิ่มเป็น 2-2.3 ล้านคน หลังเห็นกระแสการเดินทางเติบโตดีมาก โดยเฉพาะตลาดไมซ์ (MICE: การประชุม เดินทางเพื่อเป็นรางวัล สัมมนา และแสดงสินค้า) ที่นิยมเดินทางซ้ำ ล่าสุด ททท.ได้พูดคุยกับซีอีโอของบริษัทด้านไมซ์เพื่ออัปเดตตลาด พบว่าตอนนี้นักท่องเที่ยวอินเดียรู้สึกดีและประทับใจประเทศไทยอย่างมาก โดยเฉพาะด้านการดูแลความปลอดภัย

 

ผนึก “คลูก” โปรโมตซอฟต์พาวเวอร์

นางสาวฐาปนีย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า วานนี้ (18 เม.ย.) ททท.ร่วมลงนามหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) พันธมิตรทางธุรกิจกับ คลูก (Klook) แพลตฟอร์มท่องเที่ยวชั้นนำ ดึงนักท่องเที่ยวตลาดอาเซียนให้ได้ตามเป้าหมาย 10 ล้านคน เอเชียใต้ เฉพาะอินเดีย 2.3 ล้านคน และโอเชียเนีย 8-8.5 แสนคน ส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพ ด้วยจุดแข็งของประเทศไทยที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสวยงามของธรรมชาติ และความหลากหลายของสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่พร้อมจะรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวได้ในทุกรูปแบบ 

พร้อมยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวด้วยซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) 5F ได้แก่ Food, Flim, Fashion, Fight, Festival และเน้นส่งเสริมโปรโมตประสบการณ์ 5 สิ่งที่ต้องทำในประเทศไทย (5 Must Do in Thailand) กระจายการท่องเที่ยวไปสู่เมืองน่าเที่ยว (Hidden Gems) ควบคู่กับการส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมอีเวนต์และเทศกาลต่างๆ ที่จะมีมาอย่างต่อเนื่องตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอีเวนต์ระดับโลก

 

“คลูก” คาดปีนี้กิจกรรม-แพ็กเกจในไทยโต 20%

นายเอริค น็อก ฟาห์ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท คลูก แทรเวล เทคโนโลยี จำกัด ผู้ให้บริการ Klook กล่าวว่า จากการสำรวจ Travel Pulse ของ Klook พบว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ในปัจจุบันนิยมที่จะแสวงหาประสบการณ์ทางการท่องเที่ยวที่แตกต่างและให้ความสำคัญกับการลิ้มรสอาหาร และสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น เที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่น และร่วมงานอีเวนต์ขนาดใหญ่ 

สำหรับประเทศไทย แพลตฟอร์มของ Klook นำเสนอ 1,700 ประสบการณ์ และกว่า 10,000 แพ็คเกจ โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 20% ในปีนี้ ซึ่งจะรวมถึง 5 สิ่งที่ต้องทำในประเทศไทย อาทิ การชมมวยไทย หรือการชิมร้านอาหารมิชลิน บิบกูร์มองด์ เจ๊โอว และการล่องเรือสำราญเจ้าพระยาครุยส์ รวมถึงทำให้ประสบการณ์ในการจองบัตรเข้าร่วมงานอีเวนต์และเทศกาล ที่พัก และบริการต่างๆ เป็นเรื่องง่ายเพียงปลายนิ้ว ช่วยยกระดับประสบการณ์ของการท่องเที่ยวไทย ขณะเดียวกัน Klook ยังมีความตั้งใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนท้องถิ่น และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศไทยในเรื่องของความยั่งยืน และช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมในวงกว้าง

นอกจากนี้ การนำเสนอเมืองน่าเที่ยวบนแพลตฟอร์ม Klook ทำให้ผู้ใช้งาน Klook จากทั่วโลกสามารถเข้าถึงและเดินทางมาท่องเที่ยวยังเมืองเหล่านี้ได้ โดย 80% ของประสบการณ์ใหม่ทางการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่จะนำเสนอและให้บริการเพิ่มในปีนี้ มาจากผู้ประกอบการท้องถิ่นขนาดเล็กและขนาดกลางซึ่งนับว่าเป็นการส่งเสริมชุมชนท้องถิ่น และช่วยกระจายรายได้ทางการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

 

ทัวริสต์ 1 ม.ค.-14 เม.ย. เฉียด 11 ล้านคน

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า จากสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 14 เม.ย. 2567 มีจำนวนสะสม 10.72 ล้านคน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายแล้วประมาณ 5.18 แสนล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน 2.03 ล้านคน มาเลเซีย 1.39 ล้านคน รัสเซีย 6.95 แสนคน เกาหลีใต้ 6.19 แสนคน และอินเดีย 5.47 แสนคน

“นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแตะระดับ 10 ล้านคนแล้ว โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา (8-14 เม.ย.) มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมากจากการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ ที่มีการจัดกิจกรรมด้านวัฒนธรรมและบันเทิงในหลายพื้นที่ อีกทั้งการเดินทางในช่วงวันหยุดต่อเนื่องในประเทศมุสลิม ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวมุสลิมเพิ่มขึ้นกว่า 9.6 หมื่นคน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียที่ขยับขึ้นมาเป็นกลุ่มที่เข้ามาท่องเที่ยวเป็นอันดับ 1 หรือเพิ่มขึ้น 7.83 หมื่นคนจากสัปดาห์ก่อนหน้า (1-7 เม.ย.)” 

ส่งผลให้ภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 7.35 แสนคน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 1.18 แสนคน หรือ 19% คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 1.05 แสนคน โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ มาเลเซีย 1.50 แสนคน จีน 1.48 แสนคน อินเดีย 3.60 หมื่นคน รัสเซีย 3.46 หมื่นคน และเกาหลีใต้ 3.04 หมื่นคน 

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (15-21 เม.ย.) คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยส่งเสริมการเดินทาง ได้แก่ การสิ้นสุดเทศกาลถือศีลอด ที่กระตุ้นให้นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียออกเดินทาง การลงนามยกเว้นวีซ่าระหว่างไทย-จีน ที่มีผลช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว เพิ่มการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง และกระตุ้นให้สายการบินเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน รวมทั้งการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง (วีซ่าฟรี) ให้แก่นักท่องเที่ยวอินเดีย ไต้หวัน และคาซัคสถาน

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘อีลอน มัสก์’ หนุน ‘ทรัมป์’ พนักงานบริจาคให้‘แฮร์ริส’

ข้อมูลจากโอเพนซีเคร็ตส์ องค์กรไม่หวังผลกำไรไม่แบ่งฝักฝ่าย ผู้ติดตามข้อมูลการบริจาคเงินหาเสียงและการล...

สหภาพแรงงาน Teamsters ไม่หนุน'ทรัมป์-แฮร์ริส'

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สหภาพแรงงานทีมสเตอร์สมีสมาชิกกว่า 1.3 ล้านคน เป็นตัวแทนของกลุ่มคนขับรถบร...

ครึ่งแรกปี67จีนครองแชมป์ซื้อคอนโดเมียนมาซิวเบอร์สองแซงรัสเซีย2ปีซ้อน

วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เป...

อสังหาฯ แบกสต็อกอ่วม 1.57 ล้านล้าน เอ็นพีแอลพุ่ง ‘ทุกตลาดติดลบหนัก’

นายกสมาคมอาหารชุด หวังเร่งแก้นอมินีต่างชาติในตลาดบ้านมูลค่า 1 ล้านล้านบาท จัดเก็บภาษี หวังแบงก์ชาติล...