เช็กสถานะระบบ ‘NSW' ไทย หลังตั้งเป้าเชื่อมระบบนำเข้า-ส่งออก 100% ในปีนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเร็วนี้ๆ ในการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.)ที่มีนายสมศักดิ์  เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม โดยมีวาระสำคัญในการพิจารณากำหนดนโยบายการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ ที่จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเป็นประตูการค้าที่สำคัญและศูนย์กลางขนส่งของภูมิภาค (Logistic Hub) ตามนโยบายของรัฐบาล

 โดยให้ความสำคัญกับการขนส่งทางรางให้เป็นโครงการข่ายหลักในการขนส่งสินค้า รวมถึงใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่โดยเฉพาะท่าเรือโดยการส่งเสริมให้เป็นท่าเรือถ่ายลำ (Transshipment Port) และการผลักดันการใช้งานระบบ National Single Window (NSW) ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขนส่งในการนำเข้า ส่งออก และนำผ่านสินค้า และสามารถลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศลงได้

ทั้งนี้ที่ประชุมมีมติรับทราบสถานะการใช้งานระบบ NSW ที่ปัจจุบันมีธุรกรรมที่ให้บริการผ่านระบบ NSW แล้วคิดเป็น 99.36% ของกระบวนงานทั้งหมดในการนำเข้าและส่งออก คาดว่าจะสามารถใช้งานกระบวนงานทั้งหมดได้ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

 รวมถึงรับทราบสัดส่วนต้นทุนโลจิสติกส์ต่อ GDP โดยในปี 2565 ที่13.7% ลดลงจากปีก่อนหน้าที่13.9% และการยกเลิกการบังคับให้เรือชายฝั่งที่รับตู้สินค้าขาเข้าที่ท่าเรือแหลมฉบังต้องบรรทุกตู้สินค้าลงเรือที่ท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) เท่านั้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ขนส่งเรือชายฝั่งที่สามารถรับตู้สินค้าได้ที่ท่าเทียบเรืออื่น ๆ ภายในท่าเรือแหลมฉบัง

นอกจากนั้นยังเห็นชอบให้มีคณะทำงานปรับปรุงกระบวนการให้บริการ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง โดยมีปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธานคณะทำงาน และหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นคณะทำงานในการเร่งดำเนินการเพื่อเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าทางรถไฟและท่าเทียบเรือชายฝั่งเข้าท่าเรือแหลมฉบัง รวมถึงพิจารณาในรายละเอียดของกระบวนการขนส่งในขั้นตอนต่างๆ เพื่อจัดทำ Transshipment Sandbox เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าต่างประเทศ) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดรายการสินค้าข้าวและสินค้าอื่น ๆ  เพิ่มเติม 

พร้อมทั้งจัดทำมาตรการป้องกันความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น อาทิ การรั่วไหลของสินค้า นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง กรมปศุสัตว์ และกรมวิชาการเกษตร) พิจารณาปรับปรุงขั้นตอนการขออนุญาตนำสินค้าผ่านราชอาณาจักรเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขนส่งและส่งเสริมกิจกรรมการถ่ายลำทางเรือในประเทศไทยได้มากขึ้น 

นอกจากนี้ที่ประชุมยังรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการ กบส. ประกอบด้วย การดำเนินงานรองรับการเปิดให้บริการเส้นทางรถไฟจีนและ สปป.ลาว การเปิดให้เอกชนดำเนินการขนส่งสินค้าทางรถไฟ และการจัดหาผู้บริหารท่าเรือที่ยังไม่ใช้ประโยชน์ ได้แก่ ท่าเรือศาลาลอย จ. พระนครศรีอยุธยา และท่าเรือคลองใหญ่ จ.ตราด โดยมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

จับตา 48 ชั่วโมงอันตราย หลังระเบิดเลบานอน l World in Brief

รมต.เลบานอนเตือนระวังสถานการณ์บานปลายรุนแรง จากเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบา...

‘อาเซียน’ หันใช้คิวอาร์โค้ดพุ่ง ดันภูมิภาคสู่ ‘สังคมไร้เงินสด’

นิกเคอิเอเชียรายงานว่า การชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดเริ่มเป็นที่แพร่หลายในตลาดเกิดใหม่เมื่อหลายปีก่อน เ...

เปิดประสบการณ์เยือน ‘กัมพูชา’ ครั้งแรกของนักการทูตแรกเข้า

“กัมพูชา” ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งคนไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างง่ายดายทั้ง...

“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเลย” ข้อความแรกของซีอีโอใหม่ Nike ถึงพนักงาน

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (20 ก.ย.) ว่า เอลเลียต ฮิลล์ ผู้บริหารคนใหม่ของ Nike Inc., กล่าวต่อ...