“Epson” ตอกย้ำองค์กรเพื่อความยั่งยืน เปิดนวัตกรรมการพิมพ์ รักษ์โลก

ความยั่งยืน” กลายเป็นอีกหนึ่งตัวแปรในการทำธุรกิจในยุคนี้ เนื่องจากผู้บริโภค และหน่วยงานต่างๆ เริ่มใส่ใจในเรื่องนี้มากขึ้น ทำให้องค์กรไม่สามารถทำธุรกิจเพียงเพื่อแสวงหากำไรได้อีกต่อไป แต่ต้องมีนโยบาย กลยุทธ์ และกระบวนการผลิตที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนร่วมด้วย

เอปสัน (Epson) เดินหน้ากลยุทธ์ทำธุรกิจเพื่อความยั่งยืนในหลายแง่มุม เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพของสินค้า โดยเฉพาะกับกลุ่มเครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์ให้ใช้พลังงานลดลง รวมถึงให้ทางเลือกลูกค้าในการนำเครื่องมาเปลี่ยนอะไหล่ หรือทำการ Refurbish เครื่องให้กลับมาใช้งานได้ในประสิทธิภาพใกล้เคียงเดิม

มร.จุนคิชิ โยชิดะ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการธุรกิจเครื่องพิมพ์ บริษัท ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า เอปสันกำลังอยู่ในช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไปของลูกค้าทั่วโลก โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับวิสัยทัศน์ขององค์กร โดยใช้ชื่อว่า Epson 25 Renewed ซึ่งระบุถึงการร่วมสร้างความยั่งยืน และยกระดับคุณภาพชุมชน ผ่านการเชื่อมโยงผู้คน สิ่งของ และข้อมูล

โดยใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมอันแข็งแกร่งของเอปสัน ที่มีทั้งประสิทธิภาพ ขนาดกะทัดรัด และความแม่นยำ ผสานกับเทคโนโลยีดิจิทัล เอาไว้ด้วยกัน กุญแจสู่ความสำเร็จตามวิสัยทัศน์นี้ประกอบด้วยสิ่งแวดล้อม กระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) และกระบวนการร่วมคิดร่วมสร้าง โดยเอปสันให้ความสำคัญกับด้านการมีส่วนช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม และโลกใบนี้ ซึ่งเป็นบ้านที่มีค่าที่สุดของพวกเราทุกคน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

‘เอปสัน’ ดันกลยุทธ์ ‘New 5’ ท้าทายตลาดเครื่องพิมพ์

ก้าวใหม่ ‘เอปสัน’ เปลี่ยนเกมธุรกิจ ดัน ‘อิงค์เจ็ท’ หนุนวิชั่นความยั่งยืน

พัฒนาผลิตภัณฑ์ องค์กรที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ เป็นลบ

เป้าหมายของเอปสันคือ การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ เป็นลบ และไม่มีการใช้ทรัพยากรใต้ดินให้ได้ภายในปี 2050 โดยจะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ การให้บริการ และตลอดซัพพลายเชน รวมทั้งนำระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ยั่งยืนเข้ามาใช้ และลงทุนกับกระบวนการใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม

แบ่งออกเป็น 4 ด้าน ประกอบด้วย

  1. Decarbonization หรือการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ด้วยการเปลี่ยนไปใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนในโรงงานผลิตของเอปสันทั่วโลกภายในปี 2023
  2. การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าด้วย Closed Resource Loop หรือการใช้ทรัพยากรแบบวงปิด โดยลดขนาดและน้ำหนักของผลิตภัณฑ์ เน้นใช้วัสดุรีไซเคิล และยืดอายุการใช้งาน
  3. การช่วยให้ลูกค้าลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมได้ ด้วยผลิตภัณฑ์ของเอปสันที่ถูกออกแบบให้กินไฟน้อยลง ลดจำนวนวัสดุสิ้นเปลืองและชิ้นส่วนประกอบ
  4. ด้วยการลดของเสียที่เกิดจากการใช้เครื่องพิมพ์ระบบอนาล็อก โดยหันมาใช้เครื่องพิมพ์ระบบดิจิทัล ทั้งในสำนักงาน ในเชิงพาณิชย์ หรือระดับอุตสาหกรรม และบริษัท ลงทุนมากที่สุด ก็คือ การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม

เอปสันเดินหน้าสร้างความยั่งยืนธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

สำหรับแนวทางสร้างการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต เอปสันได้วางวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจโดยมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าธุรกิจ และลูกค้าองค์กรเป็นหลัก เอปสันจะไม่เพียงนำเสนอสินค้าหรือบริการที่มีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่จะต้องสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปด้วย ซึ่งเอปสันในฐานะผู้นำเทคโนโลยีการพิมพ์ระดับโลก ได้นำเสนอเทคโนโลยี Heat-Free ที่เป็นเทคโนโลยีการพิมพ์แบบไม่ใช้ความร้อน เพื่อช่วยลดการปลดปล่อยความร้อนรวมถึงก๊าซคาร์บอนฯ ทั้งยังช่วยลดการใช้พลังงานในสำนักงานได้อีกด้วย

“จากผลการสำรวจต่อปริมาณการใช้พลังงานของสำนักงานทั่วไปพบว่าการใช้เครื่องพิมพ์นั้นบริโภคพลังงานมากเป็นอันดับ 4 รองจากเครื่องปรับอากาศ ไฟส่องสว่าง และคอมพิวเตอร์ ดังนั้นการนำเทคโนโลยี Heat-Free ที่สามารถช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ได้มากถึง 85% จะช่วยให้องค์กรธุรกิจประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้นอย่างมาก” มร.จุนคิชิ กล่าว

เอปสัน ได้ตัดสินใจยุติการจำหน่าย และกระจายสินค้าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ และหันไปทุ่มเทในการพัฒนาเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทที่สามารถสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในระยะยาวได้มากกว่า ซึ่งในวันนี้ เอปสันมั่นใจในผลิตภัณฑ์ และบริการที่สามารถครอบคลุมความต้องการงานพิมพ์ในตลาดได้อย่างครบถ้วน

ยกระดับเทคโนโลยี ลดปล่อยก๊าซคาร์บอน

มร.ซิ่ว จิน เกียด กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาค เอปสัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 1982 เอปสันได้ขยายเครือข่าย และศักยภาพทางธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างมาก ปัจจุบัน มีสำนักงานเปิดอยู่ใน 10 ประเทศ ภายใต้การดูแลของเอปสัน สิงคโปร์ ทั้งยังมีศูนย์โซลูชัน 6 แห่ง และโรงงานผลิต 7 แห่ง ในด้านการดำเนินนโยบายเชิงสิ่งแวดล้อม

นอกจากวิสัยทัศน์ในการเป็นองค์กรที่จะปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ เป็นลบ และปราศจากการใช้ทรัพยากรจากใต้ดินภายในปี 2050 แล้ว บริษัทยังมีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ลงเพื่อให้สอดคล้องกับการรณรงค์จำกัดการเพิ่มอุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียสภายในปี 2030 อีกทั้งบริษัทยังได้ให้การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ขององค์การสหประชาชาติด้วยเช่นกัน

“วิสัยทัศน์สู่อนาคตที่ยั่งยืนตามที่กล่าวมายังมีอิทธิพลต่อการพัฒนาเทคโนโลยี Heat-Free และโซลูชันรีไซเคิลกระดาษ ดังจะเห็นตัวอย่างได้จากเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจของเอปสันที่เมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์แล้ว สามารถลดการใช้พลังงานได้มากกว่า จึงเพิ่มความคุ้มค่าในการลงทุนให้กับลูกค้า ทั้งยังมีชิ้นส่วนประกอบภายในเครื่องน้อยกว่า ทำให้เกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์น้อยลง และปล่อยก๊าซคาร์บอนน้อยกว่า

ในขณะที่ PaperLab ของเอปสัน ก็เป็นระบบผลิตกระดาษแบบแห้งระบบแรกของโลก ที่เปลี่ยนกระดาษใช้แล้วให้เป็นกระดาษใหม่ด้วยเทคโนโลยี Dry Fiber ของเอปสัน เป็นโซลูชันแบบออนดีมานด์ที่ทำให้บริษัทธุรกิจลดการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ ด้วยการรีไซเคิลกระดาษที่ใช้ในสำนักงาน

“เอปสันจึงขอประกาศยุติการจำหน่าย และกระจายสินค้าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในสิ้นเดือนธันวาคมปี 2023 และจะมุ่งมั่นกับเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทระบบหัวพิมพ์ Heat-Free และการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนจากนี้ไป และในวันนี้ บริษัทยังจะเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ในกลุ่มเครื่องพิมพ์เพื่อธุรกิจ ที่จะช่วยเพิ่มทางเลือกสำหรับการพิมพ์คุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายในสำนักงาน และสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจอีกด้วย” มร.ซิ่ว จิน เกียด กล่าว

เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท นวัตกรรมความยั่งยืน

ด้าน นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทของเอปสันที่ใช้เทคโนโลยี Heat-Free ได้รับความนิยมอย่างมากจากทุกตลาดในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ จนครองส่วนแบ่งตลาดเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทมากเป็นอันดับหนึ่งในปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงเทรนด์ของตลาดที่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอีกด้วย

ในส่วนของเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจของเอปสันมีสินค้าหลากหลายรุ่น ตั้งแต่ระดับความเร็ว 24 หน้าต่อนาที ไปจนถึง 100 หน้าต่อนาที ทั้งแบบขาวดำและสี สำหรับ Epson WorkForce Enterprise AM-Series ที่เปิดตัวในวันนี้ เป็นเครื่องระดับกลาง ความเร็วขนาด 40-60 หน้าต่อนาที เหมาะกับสำนักงานขนาดกลางและขนาดใหญ่ ที่มีปริมาณการพิมพ์ต่อเดือนประมาณ 10,000-20,000 แผ่น ซึ่งการเปิดตัวในวันนี้ ทำให้เอปสันสามารถครอบคลุมความต้องการใช้งานขององค์กรธุรกิจได้ครบถ้วนยิ่งขึ้น

เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจ Epson WorkForce Enterprise AM-Series รุ่นใหม่นี้ ประกอบด้วย รุ่น AM-C4000 ที่พิมพ์เร็ว 40 หน้าต่อนาที รุ่น AM-C5000 ที่พิมพ์เร็ว 50 หน้าต่อนาที และรุ่น AM-C6000 ที่พิมพ์เร็ว 60 หน้าต่อนาที ซึ่งทั้งหมดเป็นเครื่องมัลติฟังก์ชันแบบ 4 สี รองรับการพิมพ์ขนาดใหญ่สุดได้ถึง A3

โดยเครื่องพิมพ์ทั้ง 3 รุ่น ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์แบบ Heat-Free ซึ่งไม่ใช้ความร้อน ใช้พลังงานต่ำ และมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ รวมถึงใช้วัสดุสิ้นเปลืองน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์

นอกจากนี้ยังถูกออกแบบระบบภายในให้สามารถใช้งานและบำรุงรักษาง่าย เพราะมีชิ้นส่วนอะไหล่ที่ต้องดูแลรักษาน้อย ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนาน รวมถึงมีการออกแบบหน้าจอการใช้งาน (User Interface) แบบใหม่ และยังรองรับการตรวจสอบและบำรุงรักษาจากระยะไกลผ่าน Epson Remote Services (ERS) หรือระบบจัดการอุปกรณ์ผ่านระบบคลาวด์ของเอปสันอีกด้วย

นายยรรยง กล่าวเสริมว่า บริษัทจะเน้นการทำตลาดร่วมกับตัวแทนจำหน่าย ทั้งที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสินค้าไอที และผู้จำหน่ายหลากหลายหมวดสินค้า อีกทั้งจะขยายช่องทาง ไปยังกลุ่ม Office Automation ที่จำหน่ายอุปกรณ์สำนักงาน

“Epson WorkForce Enterprise AM-Series ทั้ง 3 รุ่นที่เปิดตัวในครั้งนี้ จะทำให้ไลน์สินค้าเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจของเอปสันสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ซึ่งเครื่องพิมพ์ดังกล่าวได้รับการออกแบบใหม่ตอกย้ำถึงวิสัยทัศน์ของเอปสันในการที่จะก้าวต่อไปด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์อิงค์เจ็ท ที่สามารถสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรของลูกค้าเอปสันได้ดีกว่า ด้วยความความเร็วและคุณภาพงานพิมพ์ และความคุ้มค่าในการลงทุน”

เปิดตัวเครื่องพิมพ์ล่าสุด เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแบบไฮบริด

จากการสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้ของเอปสัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เกี่ยวกับความคิดเห็นของผู้มีหน้าที่ตัดสินใจซื้ออุปกรณ์สำนักงาน และผู้ใช้อุปกรณ์โดยตรง จำนวน 1,500 คนทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบว่าผู้ตอบแบบ สอบถามครึ่งหนึ่ง (50%) ต้องการให้สำนักงานมีเครื่องพิมพ์ที่สามารถตอบสนองด้านความยั่งยืนมากขึ้น โดยผู้ตอบแบบสอบถามเกือบ 3 ใน 5 ระบุว่าประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงาน เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการเลือกซื้อเครื่องพิมพ์เมื่อพิจารณาถึงเรื่องการพิมพ์ที่ยั่งยืน

นอกจากนี้ 79% ของผู้ตอบแบบสอบถาม มีความเห็นว่าเครื่อง พิมพ์ที่มีขนาดกะทัดรัดมีความสำคัญสำหรับการพิมพ์ภายในสำนักงาน

ล่าสุด ทางเอปสัน ได้เปิดตัวเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจ Epson WorkForce Enterprise AM-Series รุ่นใหม่ 2 รุ่นด้วยกัน ประกอบด้วย AM-C400 และ AM-C550 ที่พิมพ์เร็ว 40 และ 55 หน้าต่อนาทีตามลำดับ ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ด้านเดียวหรือ 2 ด้าน พร้อมออกแบบทางเดินกระดาษแบบใหม่ C-Shaped ที่สั้นกว่าเดิม ทำให้จัดการเรื่องกระดาษติดได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ตัวเครื่องได้รับการออกแบบให้มีขนาดกะทัดรัด เพียง 465 x 570 มิลลิเมตรเท่านั้น จึงเป็นรุ่นที่ประหยัดพื้นที่ในการวางเครื่องมากที่สุดเมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์ที่มีความเร็วการพิมพ์ในการระดับเดียวกัน AM-C400 และ AM-C550 จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับสำนักงานขนาดเล็ก หรือวางในบริเวณที่ต้องต้อนรับลูกค้า

โดย AM-C400 และ AM-C550 จะช่วยให้คุณทำงานได้อย่างราบรื่น และมั่นใจในความปลอดภัยของของข้อมูลด้วย Epson Solution Suite โซลูชันที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และขั้นตอนการทำงานในสำนักงานให้ดียิ่งขึ้น มาพร้อมชุดรักษาความปลอดภัยที่มีคุณสมบัติหลากหลายในการเข้ารหัสข้อมูลพร้อมด้วยคุณสมบัติต่างๆ เช่น การจัดการจากระยะไกล ตัวเลือกการพิมพ์ที่กำหนดได้เอง และรองรับการใช้งานได้หลากหลาย AM-C400 และ AM-C550 ยังมีโซลูชันสำหรับบริหารงานเอกสารที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ขั้นตอนการสแกนเอกสาร ทำให้สแกนเอกสารได้ง่ายขึ้นด้วยระบบอัตโนมัติ จึงลดขั้นตอนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้เครื่องพิมพ์ Epson WorkForce Enterprise AM-Series ยังมาพร้อม Heat-Free เทคโนโลยีการพิมพ์ที่ไม่ใช้ความร้อนลิขสิทธิ์เฉพาะของเอปสัน ด้วยใช้การพ่นน้ำหมึกลงบนกระดาษโดยตรงไม่ต้องใช้ความร้อนใดซึ่งเมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์แล้ว จะช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่าถึง 85% ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงถึง 85% และมีชิ้นส่วน และวัสดุสิ้นเปลืองน้อยกว่า 59% ทั้งยังไม่เกิดความร้อนจากกระบวนการพิมพ์ซึ่งจะทำลายหัวพิมพ์

เทคโนโลยี Heat-Free จะช่วยประหยัดเวลาด้วยการพิมพ์ความเร็วสูงอย่างสม่ำเสมอ ไม่จำเป็นต้องรอวอร์มเครื่องพิมพ์ สามารถเริ่มพิมพ์งานได้ทันที จึงพิมพ์งานได้รวดเร็วและต่อเนื่อง ทั้งยังให้งานพิมพ์ที่คมชัด มีความละเอียดสูง ไม่ต่างจากเครื่องพิมพ์เลเซอร์ นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ส่งเสริมความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ ฟีเจอร์การติดตามการใช้พลังงานของเครื่อง หรือไอคอนใบไม้สีเขียวบนหน้าจอที่คอยเตือนให้ผู้ใช้เลือกการสั่งพิมพ์บนทั้ง 2 ด้านของกระดาษเพราะจะช่วยประหยัดกระดาษ เป็นต้น

ทั้งนี้ สำหรับประเทศไทย จะเริ่มวางจำหน่าย Epson WorkForce Enterprise AM-C400 และ AM-C550  ในเดือนมิถุนายน

 

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

คำเดียวสั้นๆ "แฟนสาวจาค็อบ" พูดต่อหน้า "รถถัง" หลังชวดแชมป์โลก

เผยคำพูด แฟนสาวของ จาค็อบ สมิธ ที่พูดต่อหน้า รถถัง จิตรเมืองนนท์ หลังฟาดปากกันในศึกมวยไทย รุ่นฟลายเว...

กรมวิชาการเกษตร ระดมแผนเตรียมพร้อม ส่งลำไยเจาะตลาดจีน

นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า กรมวิชาการเกษตรเร่งขับเคลื่อนนโยบายผัก ผลไ...

ผลบอล "บาเยิร์น มิวนิก" ไม่พลาด บุกเชือด "ซังต์ เพาลี" รั้งจ่าฝูงบุนเดสลีกา

"เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิก ทำได้ตามเป้า บุกมาเอาชนะ ซังต์ เพาลี เก็บ 3 คะแนนสำคัญ รั้งจ่าฝูง บุนเดสลี...

ส่องขุมทรัพย์ที่ดิน 'รถไฟ' 9.6 หมื่นล้าน จ่อประมูลสร้างรายได้เชิงพาณิชย์

การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) นับเป็นอีกหนึ่งองค์กรที่มีทรัพย์สินที่ดินทั่วประเทศจำนวนมาก และยังเป็น...